ตรัยคุณส่งหลานสาวที่โรงเรียนเสร็จแล้วก็ไปทำธุระของตนเองก่อนจะมาหาตะวันที่ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างตามที่ได้นัดกันไว้ว่าวันนี้เขาจะพาไปเจอกับแฟนสาวเพื่อคุยเรื่องเรือนหอ
“กูเข้าไม่ใจมึงเลยว่ะตะวัน มึงก็เรียนมาเหมือนกูแล้วทำไมไม่ออกแบบเรือนหอเอง”
“กูกลัวว่าจะออกแบบตามใจตัวเองเกินไป กูเลยอยากได้คนกลางเพื่อฟังความคิดเห็นของกูกับกานต์”
“แล้ววันนี้แฟนมึงไม่ทำงานเหรอ”
“ทำสิ แต่ทำแค่ช่วงเช้าช่วงบ่ายเขาลา”
“คงไม่ลาเพื่อมาบรีฟแบบบ้านใช่ไหม”
“เปล่าเขาลาไปอบรมน่ะ แต่กว่าเครื่องจะออกก็เกือบสี่โมงเย็นเลยมีเวลามาคุยเรื่องเรือนหอ”
“มึงคบกับหมอกานต์มานานจนจะแต่งงานแล้วกูยังไม่เคยเจอแฟนมึงสักที”
“ก็มึงงานยุ่งกานต์เขาก็งานยุ่ง”
“แล้วแบบนี้จะมีเวลาให้มึงเหรอ”
“มีสิ เขาก็มีวันหยุดเหมือนคนอื่นนั่นแหละแต่ช่วงที่ทำงานหรือเข้าเวรก็จะติดต่อยากหน่อยแค่นั้นเองแล้วโรงพยาบาลกับร้านกูก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ถ้ามีเรื่องด่วนกูก็ไปหาเขาได้” ตะวันอธิบายให้เพื่อนฟัง
“ดีนะอยู่ใกล้แบบนี้”
“ดีสิ มึงก็รีบหาแฟนสักทีเถอะโสดมานานแล้วไม่เหงาเหรอ”
“จะเอาเวลาที่ไหนมาเงาล่ะ งานที่ไร่ก็ยุ่ง”
“มึงทำตัวให้ยุ่งเองมากกว่า คนงานที่ไร่ก็ออกเยอะแยะไม่เห็นจะต้องลงไปคุมเองเลย”
“ก็บางอย่างมันไม่ได้ดั่งใจนี่”
“แล้วงานร้านยาของลูกสาวอาจารย์เพิ่มศักดิ์ล่ะ มึงจะให้กูดูหรือจะดูเอง” ตะวันเป็นคนรับงานแต่ที่ถามตรัยคุณเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนออกแบบ
“อยู่ใกล้แค่นั้นกูช่วยดูก็ได้”
“กูมีงานออกแบบอาคารสำนักงานในตัวอำเภออีกงานนะ เขาอยากให้มึงออกแบบ”
“กูเห็นเขาเพิ่งเอาดินมาลงคงอีกนานกว่าจะได้เริ่ม”
“รอกูกลับจากภูเก็ตนะกูจะนัดคุยเรื่องรายละเอียด”
“ไม่ต้องมีการประมูลเหรอวะ”
“เขารู้จักกับพ่อกูมาก่อนก็เลยเลือกให้ทำ แรกๆ กูไม่อยากทำแต่เขาก็ไม่ยอมเขาเลยเพิ่มเงินให้อีก กูก็งกด้วยสิรีบเก็บเงินแต่งงานก็เลยยอม”
“เขาเรียกสินสอดแพงเหรอ”
“เรียกก็ดีสิกูจะได้รู้ว่าเท่าไหร่ แต่เขาบอกว่าแล้วแต่กูก็เลยต้องเอาให้มากเข้าไว้ไม่อยากให้หมอกานต์น้อยหน้าใคร”
“แล้วเจ้าตัวเขาว่าอะไรไหม”
“ไม่ว่าเลยเขาบอกไม่มีสินสอดก็ได้ ยิ่งเขาพูดแบบนี้กูยิ่งเกรงใจ”
“ยังไม่ทันแต่งก็กลัวเมียแล้วเหรอวะ”
“เขาเรียกให้เกียรติต่างหาก มึงลองรักใครจริงๆ สิมึงจะยอมเขาและอยากทำทุกอย่างเพื่อเขาแม้ว่าเขาจะไม่ขอก็ตาม”
“ดูมึงเข้าใจความรักดีนะ”
“กูไม่ได้เข้าใจความรักแต่กูเข้าใจคนรักของกูต่างหาก”
“มึงเปลี่ยนไปมากนะตั้งแต่มีแฟน” ตรัยคุณมองเพื่อนรักที่ครั้งหนึ่งเคยเห็นผู้หญิงเป็นเพียงของและคบไม่เลือกแต่ตอนนี้ตะวันเปลี่ยนไปเป็นคนที่จริงจังเรื่องความรักและกำลังจะสร้างครอบครัว ซึ่งตรัยคุณคิดว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีและเขาก็รู้สึกอยากมีใครสักคนมาสร้างครอบครัวด้วยกันเหมือนอย่างตะวัน
ตรัยคุณนั่งคุยกับเพื่อนไม่นานเท่าไหร่คนรักของตะวันก็เดินเข้ามา เขามองเธอแล้วยิ้มเพราะจำได้ว่าเพิ่งจะเจอกันเมื่อวานที่งานวัด
“คุณเป็นแฟนไอ้ตะวันเหรอ”
“ค่ะ แล้วคุณก็คงเป็นเพื่อนที่จะมาออกแบบเรือนหอให้เราใช่ไหมคะ”
“เดี๋ยวนะสองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอ” ตะวันมองหน้าคนรักสลับกับเพื่อนรักอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่เมื่อคืนกานต์เจอเขาที่งานวัดแล้วเขามาช่วยกานต์กับยัยพิมพ์ปาลูกโป่ง”
“บังเอิญดีนะ เขาชื่อตรัยเป็นเพื่อนรักของผมที่ผมเคยเล่าให้คุณฟังบ่อยๆ วันนี้เขาจะมาช่วยออกแบบเรือนหอให้เรา กานต์อยากได้แบบไหนก็บอกได้เลยเขาเก่งที่สุดในรุ่นแล้ว”
“ยินดีที่รู้จักนะครับหมอกานต์ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้วเพิ่งจะเคยเจอตัวจริงวันนี้”
“ยินดีที่รู้จักเช่นกันค่ะแต่ก่อนที่กานต์จะบอกว่าอยากได้เรียนหอแบบไหนกานต์อยากจะถามคุณตรัยก่อนว่าเพราะอะไรเพื่อนของกานต์ถึงได้บอกว่าคุณตรัยคือคนงานที่มาส่งของ”
“หนูพิมพ์เธอเข้าใจผิดนิดหน่อย”
“คนส่งของอะไรวะตรัย”
“ก็เมื่อวานกูติดรถส่งของไปลงที่บ้านหนูพิมพ์เข้าเขาก็เลยคิดว่ากูเป็นเด็กส่งของ”
“แล้วทำไมมึงไม่บอกเขาล่ะ”
“กูกลัวเขาเสียหน้าไงก็เลยปล่อยไปก่อน”
“ปล่อยไปได้ยังไงคะนี่ถ้าเพื่อนของกานต์มารู้ทีหลังคงจะโกรธแน่ที่คุณไปหลอกเขา”
“ผมหลอกที่ไหนครับเธอเข้าใจผิดไปเองแล้วตอนนั้นแดดมันก็ร้อนมากผมไม่อยากยืนอธิบายสู้รีบทำงานให้เสร็จดีกว่า”
“จะปล่อยให้ยัยพิมพ์เข้าใจผิดไปแบบนี้ตลอดเหรอคะ”
“ผมว่าอีกไม่นานเพื่อนคุณก็ต้องรู้แหละว่าเขาไม่ใช่คนงาน เพราะเขาต้องไปคุมคนงานทำร้านขายยาของเธอและบ้านเขาก็อยู่ติดกับบ้านเธอ”
“ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ายัยพิมพ์รู้จะโกรธมากแค่ไหน ยัยพิมพ์เป็นคนไม่ชอบการโกหกที่สุด กานต์ว่าคุณน่าจะทำงานลำบากแล้วล่ะคะ”
“มันเรื่องเล็กน้อยเองนะครับ คุณพูดเหมือนมันผิดมาก”
“คุณตรัยอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับคนที่เกลียดการโกหกอย่างยัยพิมพ์มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ เผลอๆ อาจจะโกรธจนไม่มองหน้าเลยนะคะ”
“ซวยแล้วสิ”
“ไม่หรอกค่ะ แค่รีบไปบอกความจริงก่อนที่ยัยพิมพ์จะรู้จากปากคนอื่น”
“ตกลงครับผมจะรีบบอกเธอเลย” ตรัยคุณรีบรับปากเพราะเขาไม่อยากให้พิมพ์พันดาวไม่ชอบตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบ
เมื่อคุยเรื่องส่วนตัวจบแล้วตรัยคุณก็เริ่มคุยเรื่องเรือนหอและจดรายละเอียดทุกอย่างที่ตะวันและคนรักต้องการ
“ใช้เวลานานไหมคะ” กานต์พิชชาถามเพราะเธอยากจะเห็นแบบว่าจะเหมือนที่ตนเองคิดไว้หรือเปล่า
“ไม่นานครับ ระหว่างนี้ผมจะส่งแบบให้ดูเป็นระยะถ้าไม่ชอบจุดไหนก็บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะครับ เพราะถ้าบอกช้าหรือไม่ยอมบอกเพราะเกรงใจคุณเองจะเสียใจเพราะบ้านหลังนี้คุณจะต้องอยู่กับมันไปตลอด”
“ขอบคุณนะคะ เวลาทำงานคุณตรัยดูเป็นคนจริงจังมากผิดกับเมื่อคืนเลยค่ะแล้วได้เอาตุ๊กตาไปให้สาวไหมคะ”
“นี่แอบไปจีบสาวมาเหรอวะ”
“ยังเลยครับ”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ผมแอบชอบเธอแต่เธอยังไม่รู้ว่าผมชอบ”
“ที่พูดนี่หมายถึงใครวะตรัย”
“ก็คนที่กูแอบชอบตอนเรียนม.ปลายไง”
“ชอบตอนเรียนม.ปลายป่านนี้เธอไม่แต่งงานไปแล้วเหรอคะ นี่คุณแอบชอบมานานขนาดนั้นได้ยังไงทำไมไม่บอกเธอไปล่ะ”
“เธอยังโสด”
“ถ้านับอายุก็คงเท่ากันสินะคะ”
“ครับ”
“ถ้าจะ 30 แล้วเธอยังโสดมันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ หรือว่าเธอไม่สวยค่ะ”
“สวยสิ สวยมากด้วยเธอเป็นถึงดาวโรงเรียน”
“กูเพิ่งรู้ว่ามึงชอบดาวโรงเรียนนึกว่าชอบอีกคน”
“อีกคนนั้นกูไม่ได้คิดอะไรกับเขา แต่เห็นเขาอยู่ห้องเดียวกันก็เลยคุยด้วย”
“เท่าที่ฟังมากานต์ว่าผู้หญิงที่คุณตรัยชอบคือยัยพิมพ์ใช่ไหมคะ” กานต์พิชชาที่ฟังตรัยคุณพูดแล้วก็นึกออกเพราะเพื่อนของตนเองนั้นเป็นดาวโรงเรียนและสวยมากอีกทั้งยังโสดมาถึงตอนนี้ก็เหลือแค่พิมพ์พันดาวแค่คนเดียว
“คุณกานต์เดาเก่งนะครับ”
“อ้อ ถึงว่าพอรู้ว่าเขาจะกลับมาเปิดร้านก็รีบเสนอตัวเขียนแบบให้ฟรีๆ กูก็นึกว่ามึงทำเพราะเขาเป็นลูกสาวของอาจารย์เพิ่มศักดิ์”
“ก็ทำเพราะอาจารย์ด้วยทำให้เขาด้วย”
“น่ารักดีนะคะแอบทำอะไรให้คนที่เราชอบ แล้วคุณตรัยไม่คิดจะบอกยัยพิมพ์เหรอคะ”
“ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงครับ”
“เริ่มจากไปรีบไปขอโทษเรื่องที่เข้าใจผิดก่อนค่ะ”
“ก็นั่นแหละครับที่ทำให้ผมไม่กล้า”