“เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นของปลอมได้ยังไง ไอ้เหมันต์หลอกพวกเรางั้นเหรอ!!!”
“เราจะทำยังไงดีคะคุณ”
ชมนาดมีสีหน้าที่ซีดเผือด เช่นเดียวกับเกริกไกรที่ร่างกายสั่นเทิ่มเพราะความโกรธหลังจากที่รู้ว่าตนถูกหลอก ส่วนพะแพงก็หน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนจะเบ้ปากเป็นการหัวเราะเยาะว่าที่แท้จริงแล้วพี่สาวของเธอไม่ได้ถูกขอแต่งงานด้วยความรัก แต่ทุกอย่างคือการตลบหลังหลอกลวงทั้งสิ้น
“หึ หนูบอกแล้วว่าคุณเหมันต์ไม่มีทางรักพี่ข้าวหรอก”
“มันใช่เวลามาพูดไร้สาระรึไง ตระกูลจะฉิบหายอยู่แล้ว!!!”
“คุณพ่อ!! ทำไมต้องพูดกับหนูแบบนี้ด้วยคะ ไปด่าพี่ข้าวนู้นที่โง่ ยอมให้ไอ้บ้านั้นหลอกแต่งงานแล้วก็ให้สินสอดปลอมมาแบบนี้!”
เกริกไกรตาขวาง คิดตามที่ลูกสาวพูด
“โทรตามพี่แกมาเดี๋ยวนี้!!”
พะแพงกระฟัดกระเฟียด แต่ก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาฟางข้าว อีกฝ่ายเปิดอ่านเร็วมาก และก็ตอบตกลงว่าจะรีบมา ทำให้พะแพงเบ้ปากใส่มือถืออีกครั้ง
“พี่ข้าวกำลังมาค่ะ”
“ฟางข้าวนะฟางข้าว ทำไมถึงปล่อยให้มันหลอกแบบนี้ แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
ชมนาดเอ่ยขึ้น ในตอนนี้ทุกคนต่างโทษว่าเป็นความผิดของฟางข้าวเพียงผู้เดียว ทั้งสามคนนั่งรอด้วยความโมโหกราดเกรี้ยวกันที่ห้องโถงรับแขกพลางช่วยกันคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ เพราะเงินจากสินสอด เกริกไกรคาดหวังว่าจะเอาเงินพวกนั้นไปจ่ายเงินเดือนพนักงานที่บริษัทเพราะค้างเอาไว้หลายเดือนจนถูกพนักงานชุมนุมประท้วงไม่เว้นวัน ไหนจะหนี้สินและค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่รอต่อคิวเป็นหางว่าว ความหวังเดียวที่มีตอนนี้คือเงินจากสินสอดที่ได้มาเมื่อวาน เพราะจะรอการช่วยเหลือจากคุณคนนั้นก็ต้องให้ฟางข้าวทำการล้วงความลับให้สำเร็จ แต่มันก็ช้าเกินกว่าที่เกริกไกรจะรอไหว และตอนนี้ทุกอย่างพังทลายลงจนหมดสิ้น มีเพียงเงินสดห้าล้านบาทเท่านั้นที่เป็นเงินจริง
แต่แค่เงินห้าล้าน มันจะไปพออะไร!
เวลาล่วงเลยไปกว่าสิบห้านาทีฟางข้าวก็มาถึง หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าไม่เข้าใจ เธอเดินเข้าไปในโถงรับแขกของบ้านหลังใหญ่ก็เห็นบิดามารดาและพะแพงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าตึงเครียด ทุกคนมองมาทางเธอด้วยสายตาเกลียดชังเหมือนๆ กัน
ใบหน้าหวานสลดลง ถึงเธอจะไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ก็เดินไปหาทุกคน ก่อนที่ชมนาดจะลุกขึ้นจากโซฟาเป็นคนแรกตรงมายังทางเธอ ฉับพลันมารดาก็เงื้อฝ่ามือขึ้นและฟาดลงบนแก้มของฟางข้าว
ใบหน้าของเธอสะบัดไปตามแรงตบ ก่อนจะหันกลับมามองชมนาดด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณแม่...”
“แกมันโง่จริงๆ ฟางข้าว โง่!!”
“...”
ชมนาดตวาดด่าด้วยความโมโหเพราะตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลกำลังเข้าขั้นวิกฤตของจริง ฟางข้าวมองทุกคน เธอไม่เข้าใจอะไรเลย
“ผัวแกอยู่ไหนห๊ะ!!”
และบิดาก็เดินเข้ามาและยิงคำถามแรก ฟางข้าวตอบออกไปตามความจริงทั้งที่เธอก็ยังไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิดเดียว
“หนูไม่รู้ค่ะ ตื่นมาเขาก็ไม่อยู่แล้ว”
“เวรเอ้ย!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณพ่อ”
“ยังจะมีหน้ามาเรียกฉันว่าพ่ออีกเหรอ!!!”
“...”
“ถ้าแกล้วงความลับของไอ้เหมันต์มาไม่ได้ภายในวันนี้ ครอบครัวของฉันฉิบหายแน่ หน้าที่ของแกคือไปเอาความลับของมันมาให้ได้!!!”
ดวงตาของฟางข้าวรื้นน้ำทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูดออกมา แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ฟางข้าวเสียใจมาก...เสียใจกับคำพูดของบิดาและการกระทำของมารดา ทั้งคู่ทำราวกับไม่เห็นว่าเธอเป็นลูกอีกแล้ว
หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา เธอกำสองมือแน่นและเอ่ยออกไป
“หนูไม่เข้าใจ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ”
“สินสอดที่สามีพี่ข้าวให้มา ทุกอย่างมันคือของปลอมไงล่ะ”
และก็เป็นพะแพงที่ลุกขึ้นจากโซฟาเป็นคนสุดท้าย อีกฝ่ายเดินมาหยุดตรงหน้าฟางข้าว ส่งผลให้เธอขมวดคิ้วแน่นหลังจากได้ยิน...สินสอดเป็นของปลอมงั้นเหรอ
“เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึง...”
“จะอะไรซะอีก ก็พวกเราโดนหลอกไง”
“...”
“ผู้ชายคนนั้นคงรู้แผนการของเราทุกอย่างตั้งแต่แรก ก็เลยซ้อนแผนเรากลับ แพงบอกแล้วว่ายังไงคนอย่างเหมันต์ก็ไม่มีวันรักพี่ข้าวจริง คนโง่ ซื่อบื้ออย่างพี่ข้าว ไม่มีทางจะทำให้ใครรักถึงขั้นอยากแต่งงานด้วยหรอก!”
พะแพงเหยียดยิ้มไปไม่ถึงดวงตา มองขวางฟางข้าวอย่างเกลียดชังไม่ปิดบัง ส่งผลให้คนที่รับรู้ความจริงถึงกับตัวสั่น
“แกมันโง่!! โธ่เว้ย!! ไปเลยนะ ไปหาความลับของมันมาให้ได้ ฉันต้องใช้เงิน”
เกริกไกรอาละวาดขึ้นอีกครั้ง ฟางข้าวกำมือแน่นจนสั่นเกร็ง เงยหน้ามองบิดาตัวเองทั้งน้ำตา...เธอก็อดทนมามาก และก็ใกล้จะทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“คุณพ่อคิดว่ามันง่ายมากเหรอคะ ถ้าง่ายขนาดนั้นหนูคงทำได้ไปตั้งนานแล้ว”
“แกเถียงฉันเหรอฟางข้าว!”
“หนูเคยบอกแล้วว่าเหมันต์อาจจะมีแผนตลบหลังเรา หนูเคยพูดไปแล้วไงคะ แค่คุณพ่อก็ยังบังคับให้หนูแต่ง—”
เพี๊ยะ!!!
ใบหน้าของเธอสะบัดไปตามแรงตบอีกครั้ง และครั้งนี้ก็แรงถึงขั้นที่มุมปากฟางข้าวมีเลือดไหลออกมา เธอร้องไห้สะอื้นอย่างหนักด้วยความเสียใจ ในตอนนี้หญิงสาวสับสนไปหมด เธอควรจะทำยังไงดี ถ้าเหมันต์รู้ทุกอย่างแล้วจริงๆ ...เธอควรจะทำยังไง
“ว้าว...ละครคุณธรรมครอบครัวเรื่องนี้สนุกจัง”
ในฉับพลัน สุ้มเสียงทุ้มน่าเกรงขามก็ดังขึ้นตรงทางเข้า ทุกคนหันไปมองผู้ที่มาใหม่ก็พบเข้ากับร่างสูงกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาฉายความร้ายกาจโหดเหี้ยมไม่ปิดบังอีกต่อไป เหมันต์เดินเข้าไปใกล้ครอบครัวน่าสมเพชก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่วงท่าสบาย มองหน้าทุกคนทีละคนอย่างนึกสนุก
และในตอนนี้ลูกน้องของเขาก็ได้ยึดครองที่นี่เรียบร้อย ถึงเวลาที่จะสะสางเรื่องทั้งหมดสักที
“คุณเหมันต์”
ฟางข้าวเรียกชื่อของเขา น้ำตาของเธอยังคงไหล และวินาทีนั้นเอง นัยน์ตาแข็งกร้าวก็ตวัดมามองหน้า เหมันต์เหยียมยิ้มสมเพชเธอ ภาพนั้นทำให้ฟางข้าวแทบหยุดหายใจเพราะคนที่แสนดีกับเธอเมื่อคืน
ในตอนนี้เขากลายเป็นคนละคนแล้ว
พรึบ!
“แกคิดจะทำอะไรกันแน่ไอ้เหมันต์!!”
และเกริกไกรที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปก็ชักปืนออกมาและจ่อไปที่เหมันต์ เช่นเดียวกับมาเฟียหนุ่มที่ไวไม่แพ้กัน เขาชักปืนที่เอวออกมาและจ่อไปที่เกริกไกรเช่นกัน ก่อนจะลั่นไกปืนจนลูกกระสุนฝังไปที่หัวไหล่ขวาของเกริกไกร ปืนในมือเหี่ยวย่นจึงหลุดลงบนพื้น
ปัง!!!!!
“อ๊ากกกก!!”
“คุณคะ!!”
“คุณพ่อ!”
“คุณพ่อ!!”
ชมนาดและพะแพงต่างทรุดตัวลงประคองเกริกไกรที่กุมแผลที่ต้นแขนอยู่บนพื้น ฟางข้าวก็ทำท่าจะวิ่งไปหาบิดาเช่นกัน ทว่าถูกมือหนากระชากแขนไว้ซะก่อน เหมันต์ดึงฟางข้าวจนร่างบางปลิวมากระแทกกับแผงอก ก่อนที่เขาจะล็อคคอของเธอจากด้านหลังและเอาปืนจ่อศีรษะ ฟางข้าวยืนตัวแข็งทื่อ เธอหายใจติดขัดเพราะเหมันต์กดปลายกระบอกปืนมาที่ขมับของเธอ หญิงสาวน้ำตาไหลพราก
“ฮึก ปล่อยข้าวนะคะ”
“พูดโง่ๆ”
“...”
“บอกให้พ่อเธอสารภาพมาสิว่าที่แท้จริงแล้ว มันต้องการอะไรจากฉัน”
สรรพนามทุกอย่างได้เปลี่ยนไปจนหมดสิ้น นี่เป็นสิ่งย้ำเตือนแล้วว่าเหมันต์หลอกเธอมาตลอด ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
และเรื่องเมื่อคืนด้วย...
“ฮึก!”
เกริกไกร ชมนาดและพะแพงต่างมองมาที่เหมันต์ที่กำลังล็อคคอฟางข้าวจากด้านหลังและจ่อปืนที่ศีรษะของเธอ ฉับพลันเกริกไกรก็เอ่ยขึ้น
“ปล่อยพวกฉันไปเถอะเหมันต์ แกก็รู้ว่าพวกฉันมีคนหนุนหลังอยู่ ถ้าแกทำอะไรพวกฉัน แกจะเดือดร้อน”
“...”
“เอาฟางข้าวไปซะ ฉันยกให้ แต่ปล่อยฉัน ปล่อยเมียฉันและพะแพงไปเถอะนะ”
ประโยคนั้นของเกริกไกรทำให้ฟางข้าวแทบล้มทั้งยืน เธอร้องไห้อย่างหนักที่ได้ยินบิดาพูดแบบนี้ ราวกับเธอนั้นไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว
“หึ ฟังที่พ่อของเธอพูดสิ น่าประทับใจดีไหมล่ะ?”
“ฮึก...”
มาเฟียหนุ่มกดปลายกระบอกปืนแนบกับขมับชื้นของหญิงสาวให้แรงขึ้นจนเธอหลับตาแน่น ท่อนแขนแกร่งที่ล็อคคอเธออยู่ก็บีบแรงจนแทบหายใจไม่ออก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เธอถือว่าตัวเองนั้นได้ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว
เต็มที่แล้วจริงๆ ...
เกริกไกรจ้องหน้าเหมันต์และเอื้อมไปหยิบปืนของตัวเองช้าๆ จนในที่สุดปืนก็อยู่ในมือเกริกไกรอีกครั้ง ชายวัยกลางคนใช้จังหวะนี้ยกกระบอกปืนขึ้น โดยเล็งไปที่ฟางข้าวเพราะเธอยืนอยู่ด้านหน้าของเหมันต์ เกริกไกรไม่คิดหรอกว่าลูกกระสุนจะไปโดนใครแม้แต่ลูกบุญธรรมของตัวเอง คนจนตรอกคิดว่าถ้านัดแรกยิงพลาดถูกฟางข้าวก็ช่างมัน แต่นัดที่สองจะไม่พลาดฝังหน้าผากของเหมันต์แน่นอน นิ้วชี้กำลังจะกดลั่นไกปืน แต่คนที่ไวกว่าคือเหมันต์ มาเฟียหนุ่มหันปลายกระบอกปืนและเหยียดแขนตรงโดยเล็งไปที่หน้าอกของเกริกไกร ก่อนจะกดลั่นไกก่อนอีกฝ่ายหลายวินาที
ปัง ปัง ปัง!!!
เขายิงไปสามนัด เกริกไกรนอนตายคาที่ในอ้อมกอดของภรรยา พะแพงกรีดร้องดังสนั่น เช่นเดียวกับฟางข้าวที่ทรุดลงนั่งกับพื้นทันที เธอร้องไห้แทบไม่มีเสียง นัยน์ตาแข็งกร้าวของคนไร้หัวใจมองไปที่ศพของเกริกไกรนิ่งๆ
เขายิงมันให้ตาย ไม่อย่างนั้นคนที่ตายคือยัยโง่คนนี้เพราะคนที่เธอเรียกว่าพ่อกำลังเล็งปืนมาทางเธอ แน่นอนว่านัดแรกจะต้องโดนฟางข้าวอย่างไม่ต้องสงสัย เกริกไกรยอมเสียลูกบุญธรรมที่ตนไม่เคยรักเพื่อที่จะได้ฆ่าเขา เหมันต์พ่นเสียงขึ้นจมูก สมเพชผู้หญิงที่นั่งกองอยู่บนพื้น ร้องไห้แทบหมดลมหายใจ นัยน์ตาสีรัตติกาลแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้ง เขาเรียกกวิน ลูกน้องมือขวาให้จัดการทุกอย่างตามแผนต่อ
“เอาลูกมันไปขายให้เสี่ยอนันต์”
“ครับ”
กวินหันไปสั่งลูกน้องอีกที ก่อนที่ชายชุดดำสามคนจะปรี่เข้าไปฉุดลากพะแพงขึ้นมา
“กรี๊ด!!! ปล่อยนะ ฉันไม่ไป กรี๊ด!!! ทุกอย่างมันเป็นเพราะแกฟางข้าว เพราะแกคนเดียว!!!ถ้าแกทำสำเร็จตั้งแต่แรกมันก็ไม่เป็นแบบนี้ ฮึก กรี๊ด!! ปล่อย!!!”