“หายไปกับผู้ชายคนอื่นทั้งคืน แบบนี้ฟ้องหย่าจนหมดตัวได้ง่ายๆ”
“...”
“แต่ลืมไปว่าหมดตัวอยู่แล้ว”
สุ้มเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นเมื่อเหมันต์เดินมาหยุดตรงหน้าฟางข้าว เธอกำมือแน่นจ้องตากับเขา ความเย็นชาและแข็งกระด้างปรากฏบนใบหน้าหล่อ เหมันต์ในวันนี้ต่างกับเหมันต์ที่เธอเคยรู้จัก คนที่เคยอ่อนโยน คนที่ทำให้เธอสามารถชอบได้ไม่มีอีกต่อไป
บัดนี้เหลือเพียงคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยอมหิต คนที่ทำลายครอบครัวของเธอ แม้กลุ่มคนที่ฟางข้าวรักและเรียกว่าครอบครัวไม่เคยรักเธอเลย แต่คนพวกนั้นก็เลี้ยงดูเธอมา ในวันที่พวกเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา หญิงสาวไม่สามารถที่จะทำใจยอมรับได้ง่ายๆ
ฟางข้าวกัดฟันแน่น จ้องหน้าคนใจร้ายที่ยกยิ้มมุมปาก คำพูดร้ายกาจที่ส่งออกมาจากอีกฝ่ายมันร้ายแรง และเธอไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้ลงคอ
เยาะเย้ยที่เธอไม่เหลือใคร เยาะเย้ยที่เธอสิ้นเนื้อประดาตัวด้วยฝีมือของเขาเอง
เหมันต์ไม่ใช่คนที่เธอจะชอบได้อีกต่อไป
“จะให้ข้าวทำอะไร บอกมาสิคะ”
เป็นฟางข้าวที่พูดขึ้น สถานะในตอนนี้ของเธอก็ไม่ต่างจากนักโทษรอวันประหาร ที่เขายังเก็บเธอเอาไว้ก็แปลว่าอีกฝ่ายมีแผนการบางอย่างต่อจากนี้ ใบหน้าหวานซีดเซียวเพราะร่างกายยังไม่แข็งแรงดี และสภาพจิตใจที่ยับเยิน ดวงตาของเธอบวมช้ำจ้องหน้าเขาอย่างเย็นชา เธอไม่สนเพราะตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
แม้แต่ศักดิ์ศรีของตัวเอง
“หึ ปากเก่งขึ้นมาเลย?”
“ข้าวไม่มีอะไรจะเสียแล้วค่ะ”
“รู้ตัวหนิ”
นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องหน้าเธอ น้ำเสียงเย็นเยียบแทบทำให้ฟางข้าวหายใจติดขัด
“คนที่หนุนหลังพ่อของเธอ มันเป็นใคร?”
ในที่สุดเหมันต์ก็เข้าเรื่องสำคัญ เขารู้มาจากสุชาติที่เป็นหนอนบ่อนไส้ให้กับเขาว่าไม่มีใครในบ้านนี้รู้ว่าคุณคนนั้นที่พวกมันเรียก แท้จริงคือใครกันแน่ เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าฟางข้าวจะไม่รู้จริงๆ เหมันต์ลองถามออกไปก็เห็นใบหน้าหวานเรียบนิ่งไม่แสดงสีหน้าพิรุธใดๆ ตอนตอบออกมา
“ข้าวไม่รู้ค่ะ คุณพ่อไม่เคยบอก”
“แน่ใจ?”
“...”
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอโกหก ฉันจะฆ่าเธอ จะฆ่าให้ทรมานกว่าที่ครอบครัวเธอตายหลายร้อยเท่า”
ฟางข้าวสะอึกเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนใจร้ายออกมาจากปากผู้ชายที่เคยแสนดี เธอร้อนเผ่าที่ดวงตายามนึกถึงช่วงเวลาที่ได้รู้จักกัน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฟางข้าวก็ห้ามหัวใจของตัวเองไม่ได้เลย และวันนี้ความจริงทุกอย่างได้เปิดเผย มันก็ชัดเจนแล้วว่าที่ผ่านมาเหมันต์เล่นละครทั้งหมด
แต่จะไปคาดหวังอะไร เพราะเธอเองก็เล่นละครใส่เขา มันก็แฟร์แล้วหนิ...
“ถ้าที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องจริง เราก็ต่างหลอกลวงกัน ตอนนี้คุณจะเก็บข้าวไว้ทำไมคะ”
น้ำตาของเธอไหลหนึ่งหยด เหมันต์จ้องหน้าผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น สายตาของเขาสามารถฆ่าคนให้ตายได้
“จนกว่าฉันจะฮุบกิจการและสมบัติของพ่อเธอได้หมด ก็ทำหน้าที่ ‘เมีย’ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง”
“...”
“และเมื่อไรที่ทุกอย่างตกเป็นของฉันแล้ว หน้าที่ต่อไปของเธอคือเซ็นใบหย่า และฉันจะทำให้เธอกลายเป็นบุคคลหายสาบสูญเหมือนน้องสาวของเธอ”
นัยน์ตาสีรัตติกาลวาวโรจน์สบประสานกับดวงตาหม่นหมองที่สั่นไหว ความเย็นเยียบและด้านชาถูกส่งออกมาจากอีกฝ่ายและตอกย้ำว่าตอนนี้เหมันต์ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้วจริงๆ ต่อจากนี้จะมีเพียงปีศาจร้ายที่ทำลายชีวิตของเธอ และจุดจบของฟางข้าวก็ไม่ต่างจากครอบครัวคนอื่นๆ แน่นอนว่าเหมันต์คงไม่เก็บเธอเอาไว้หลังจากที่เขาได้ทุกอย่างแล้ว
“อย่าทำหน้าเหมือนถูกกระทำสิ ลืมไปเหรอว่าใครที่เป็นฝ่ายคิดจะทำลายฉันก่อน”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำ และเมื่อพูดถึงเรื่องนั้นเหมันต์ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ทุกครั้งที่ชายหนุ่มนึกถึงแผนการโง่ๆ ของพวกสิงหโภคินที่คิดจะเข้ามาทำลายเขา ความโลภของครอบครัวนี้ทำให้เหมันต์สมเพช สายตาคู่คมจ้องใบหน้าหวานที่ไม่เถียงอะไรออกมาสักคำ ฟางข้าวทำเพียงยืนกำมือแน่น ร่างกายของเธอสั่นเกร็ง ความโกธรฉายอยู่ในดวงตาคู่สวยที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ ทว่าบางวินาทีก็วูบไหวลงเพราะต่อต้านไม่ได้ ก็ในเมื่อทั้งหมดที่เหมันต์พูดคือความจริง มือหนาเอื้อมไปกระชากข้อมือเล็กที่ยังกำหมัดแน่นเช่นเดิม เขาบีบข้อมือของฟางข้าวจนใบหน้าของเธอเหยเกเพราะความเจ็บ
“อย่ารับบทเป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียวสิ”
“...”
“นี่แค่เริ่มต้น เธอยังต้องเจออีกเยอะ”
เขาเอ่ยก่อนจะเหวี่ยงร่างเล็กจนเธอกระเด็นถอยหลังและล้มลงบนพื้น หญิงสาวนั่งหมดท่าอยู่ที่พื้นและก้มหน้าลงซ่อนความเจ็บปวด รับรู้ได้ว่าร่างกำยำเดินเข้ามาใกล้ เธอเห็นปลายรองเท้าของเขาหยุดอยู่ตรงหน้าไม่ไกล เหมันต์ยืนค้ำศีรษะเธอ ก่อนจะโน้มลงเล็กน้อยเพื่อช้อนคางของฟางข้าวให้เงยหน้าสุด เพื่อสบตากับเขาที่ยืนเต็มความสูง
ทั้งคู่จ้องหน้ากัน เหมันต์บีบคางของฟางข้าวไม่ยั้งแรงจนเธอยกมือขึ้นกำข้อมือของเขาอย่างเจ็บปวด
“พ่อแม่เธอชดใช้ให้ฉันอยู่ในนรก”
“...”
“ส่วนเธอชดใช้ให้ฉัน เหมือนคนที่ต้องตายทั้งเป็น”
มาเฟียไร้หัวใจแสยะยิ้มจนเห็นฟันและกลั้วหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะสะบัดคางของเธอทิ้งจนใบหน้าของฟางข้าวคลอนไปด้านหลัง น้ำตาใสๆ ก็ไหลอาบแก้มเนียนเพราะความเจ็บที่ร่างกายและความเจ็บที่หัวใจ เธอกัดริมฝีปากแน่น เหมันต์หันเรียกสาวใช้ที่อยู่แถวนั้น ไม่นานทั้งสาวใช้และการ์ดของบ้านก็เดินกุมมือกันเข้ามา ทุกคนที่นี่เกรงกลัวเหมันต์เพราะเขาคือบุคคลที่มีอำนาจที่สุดของคฤหาสน์ คำสั่งของเหมันต์ทุกคำนับว่าเป็นคำสั่งขั้นเด็ดขาด เช่นเดียวกับประโยคที่เขาจะประกาศออกมาต่อไปนี้
“ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียฉัน แต่เป็นเมียเถื่อนๆ แค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ต้องปรนนิบัติพัดวี ไม่ต้องรับใช้ ที่สำคัญห้ามให้ออกไปจากที่นี่เด็ดขาด...แม้แต่ก้าวเดียว”
ทุกคำพูดที่เสียงทรงอำนาจเอ่ยกร้าวออกมา ทุกวินาทีเหมันต์จ้องหน้าฟางข้าวที่นั่งบนพื้นไปด้วย และเมื่อเขาออกคำสั่งเสร็จ ร่างกำยำก็เดินออกจากคฤหาสน์และตรงขึ้นเฟอร์รารี่คันหรูก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็ว ทุกคนที่ถูกให้เรียกมารวมตัวต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
มีเพียงฟางข้าวที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่เดิม ต่อจากนี้ชีวิตของเธอคงไม่ต่างอะไรกับตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจ
และอีกเรื่องที่ฟางข้าวต้องรับให้ได้คือผู้ชายที่ชื่อเหมันต์ เขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว...
“ที่นี่คือห้องของคุณ”
ฟางข้าวมองเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังของคฤหาสน์ หลังจากเดินตามสาวใช้ที่ชื่อกิ่งมาเพื่อดูห้องนอนของตัวเอง
อดีตของห้องนี้เคยเป็นห้องเก็บของมาก่อน ทว่าตอนนี้ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มีฟูกบางๆ หมอน และผ้าห่มตั้งไว้กลางห้อง พัดลมหนึ่งตัว ส่วนรอบข้างเป็นผนังสี่ด้านที่เหลือพื้นที่ไม่มากและไม่มีอะไรตั้งอยู่เลย ในนี้มีเพียงที่ที่ฟางข้าวเอาไว้ซุกหัวนอนเท่านั้น
“กระเป๋าของคุณอยู่ในห้องของนายท่านใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
ฟางข้าวพยักหน้าตอบรับกิ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินจากไป ทุกคนรอบข้างเย็นชากับเธอทั้งสิ้นรวมถึงสาวใช้คนเมื่อครู่ด้วย ก็ถูกแล้วที่ทุกคนจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายตัวเอง ตอนนี้เธอก็เป็นเพียงคนไร้ค่าคนหนึ่งที่ไม่มีที่ไป ไม่มีอะไรเหลือเลย หญิงสาวถอนหายใจออกก่อนจะก้าวเข้าห้องของตัวเอง ดวงตากลมมองไปรอบห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ด้วยความสิ้นหวัง ความโศกเศร้าฉายออกมา ร่างกายของฟางข้าวเหนื่อยล้าเหลือเกิน เธอนั่งลงบนฟูกบางๆ ที่ปูบนพื้นก่อนสาวใช้ที่ชื่อกิ่งจะกลับเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าที่ฟางข้าวเอามาในคืนวันเข้าห้องหอ ในนั้นมีเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นไม่กี่อย่าง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย กิ่งเอากระเป๋ามาตั้งให้บนพื้นและหมุนตัวออกไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ ไม่แม้แต่เพียงจะรอสักนิดเพื่อให้เธอถามคำถามบางเรื่อง หญิงสาวไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างครั้งนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัวเลย แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าอย่างน้อยก็เคยสุขสบายกว่านี้ แต่หลังจากนี้เธอต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งโชคชะตา ฟางข้าวล้มตัวลงนอนหนุนหมอนใบแข็งที่ได้กลิ่นเหม็นอับตีขึ้นจมูก เปลือกตาปิดลงช้าๆ อย่างอ่อนแรง ก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย
‘หนูไม่อยากแต่งงานค่ะ หนูคิดว่าเหมันต์ต้องมีแผนการบางอย่างตลบหลังเรา’
‘คนอย่างแกมีสิทธิเลือกเหรอฟางข้าว หน้าที่ของแกคือทำยังไงก็ได้ให้กอบโกยผลประโยชน์จากมันให้มากที่สุด แต่งงานกับเหมันต์ซะ!!’
น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม ใบหน้ากราดเกรี้ยวของบิดาที่จ้องตาถลนมาที่เธอ โดยมีมารดาและน้องสาวยืนอยู่ด้านหลังของบิดา ใบหน้าของทุกคนโหดร้ายไม่ต่างกัน ฟางข้าวส่ายหน้าและร้องไห้อย่างหนัก ราวกับว่าหากทำตามคำสั่งของบิดา จุดจบของเรื่องทั้งหมดจะเป็นเช่นไร
เธอหวาดกลัว หวาดผวา และเสียใจ ราวกับว่าตัวเองนั้นเคยได้ลิ้มรสความโหดร้ายเหล่านั้นแล้ว
‘หนูไม่แต่ง ไม่’
.
.
“สาดใส่มัน”
ตู้ม!!
“เฮือก!!”
ความเย็นเฉียบแล่นเข้ากระดูกจนคนที่นอนหลับลึกตื่นขึ้นมาและลุกขึ้นนั่งถดถอยหลังราวกับหนีตายทั้งที่ยังไม่มีสติเต็มร้อย ฟางข้าวยกแขนสองข้างขึ้นและมองลำตัวของตัวเองที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเย็นจัด เพราะเธอรู้สึกถึงก้อนน้ำแข็งหลายก้อนบาดผิว ฟูกที่นอนเก่าๆ ที่เธอต้องใช้นอนหลังจากนี้เปียกไม่เหลือที่ว่าง ฟางข้าวเงยหน้ามองคนที่ทำแบบนี้กับเธอทันที ก่อนจะเห็นร่างสูงของเหมันต์ ด้านหลังของเขามีสาวใช้ที่ชื่อกิ่งยืนถือกะละมังในมือ ฟางข้าวคิดว่าน้ำถังนั้นที่ใส่น้ำแข็งจนเย็นจัดถูกสาดมาที่เธอเพื่อปลุกให้ตื่นจากนอนด้วยฝีมือของกิ่ง และคำสั่งคงหนีไม่พ้นคนใจร้ายที่ยืนกอดอกหลุบสายตาเกลียดชังมองมาที่เธอตอนนี้ ส่งผลให้หญิงสาวรีบพาตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ร่างกายเปียกชุ่ม สภาพของเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับสุนัขจรจัดข้างทาง
“ทำไมคุณต้องทำขนาดนี้ด้วยคะ!”
“นอนจนตะวันตกดิน คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
เหมันต์พ่นเสียงออกไป หลังจากที่เขาออกไปข้างนอกและกลับเข้ามาก็ฟ้ามืด ได้รู้ข่าวจากสาวใช้ว่าตั้งแต่ที่ฟางข้าวเข้าห้องไป เธอก็ไม่ออกมาทำประโยชน์อะไรอีกเลย ทำให้เหมันต์เขามาดูให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ในห้องหลายชั่วโมงก็พบว่าเธอนอนหลับสบายใจเฉิบ คนไร้หัวใจจึงสั่งให้สาวใช้ที่พาเขามายังห้องนี้ไปเอาถังน้ำมา และย้ำชัดเจนว่าต้องเป็นน้ำที่เย็นจัดเท่านั้น
บุญแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ใช้น้ำร้อน
ฟางข้าวได้แต่กำมือแน่นจ้องเหมันต์ตาขวาง ก่อนที่สุ้มเสียงกดต่ำจะเอ่ยขึ้น
“ตามฉันมา”
“ไปไหนคะ”
“ไม่ต้องถามมาก เก็บปากไว้ทำอย่างอื่นเถอะ”
เหมันต์มองฟางข้าวด้วยสายตาเหยียดหยามเป็นครั้งสุดท้ายและหมุนตัวไปจากที่นี่ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง เธอเดินตามมาเฟียหนุ่มออกไปจนไปถึงภายในห้องโถงของคฤหาสน์ เพราะห้องนอนของฟางข้าวอยู่ข้างหลังต้องเดินทะลุออกไปไกลพอสมควร เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพาเธอไปที่ไหน ร่างกำยำที่เดินนำอยู่ไกลๆ มุ่งตรงไปยังบันไดทางขึ้นชั้นสอง นั่นทำให้ร่างบางรีบสับฝีเท้าเพื่อไปดักหน้าเขา
เหมันต์เห็นเธอรีบเดินมาดักหน้าก็ส่งผลให้ชายหนุ่มไม่สบอารมณ์นัก คิ้วเข้มขมวดแน่น นัยน์ตาดุดันจ้องมองอีกฝ่ายที่ยิงคำถามมา
“คุณจะให้ข้าวไปไหนคะ”
“บอกให้ตามมา ไม่ต้องถามมาก”
“แต่คุณกำลังจะขึ้นไปข้างบน”
“แล้วยังไง?”
“ทำไมข้าวต้องขึ้นไปข้างบนคะ”
“ทำหน้าที่เมียไง”
“...!!”
“คิดว่าฉันเอาเธอมาอยู่ที่นี่เฉยๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรรึไง”