2
หลายเดือนผ่านไป
หลังจากผ่านความโศกเศร้า และการทำพิธีกรรมต่างๆ เด็กน้อยที่ร้องไห้หาทั้งพ่อและแม่อยู่นานเป็นเดือน ก็เริ่มปรับตัวกับบ้านใหม่ และเข้ากับผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะกับพี่ชาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอ
"ไม่ให้หอม"เด็กหญิงที่ยังพูดไม่ค่อยชัด เดินขาปัดหนีพี่ชายที่ตามตื๊อจะหอมแก้ม
"หอมหน่อย"พี่ชายก็ไม่ยอม เดินตามน้องขอหอมแก้ม
"ไม่! "
"จะหอม! "
"เจ็บ! "เธอยกมือกุมแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง ใครๆ ก็หอมแก้มเธอ จนช้ำไปหมดแล้ว โดยเฉพาะพี่ชายอย่างดริฟท์ที่หลงน้องหนักมาก เดี๋ยวก็หอมๆ
"นิดเดียวเองหอมเบาๆ "พี่ชายบอกอย่างเสพติดแก้มน้องสาว ต้องได้หอมทุกวันก่อนไปเรียนและหลังเลิกเรียน
"ไม่เอา! "เธอยังปฏิเสธ เดินไปหลบหลังแม่
"ไม่ให้หอมก็ไม่ซื้อขนมมาฝากนะ"
"ก็ได้"และแล้วเธอก็ต้องยอม เมื่อพี่ชายยื่นคำขาด
ดริฟท์ยิ้มกริ่มรีบเดินไปหอมแก้มน้องหลายฟอดอย่างมันเขี้ยวเธอ
ฟอดดด ฟอดด ฟอดด
คนเป็นพ่อแม่ที่ยืนดูต่างก็ยิ้มไปตามๆ กัน ตอนแรกเหมือนเด็กชายจะไม่ค่อยชอบน้องสาว แต่ดูตอนนี้สิติดยิ่งกว่าใครในบ้านอีก
"หอมพอรึยัง จะไปมั้ยโรงเรียน"พ่อที่ยืนรอไปส่งที่โรงเรียนถามตัวแสบที่หอมแก้มน้องจนช้ำ
"เดี๋ยวพี่กลับมาเล่นด้วยนะ"เขาบอกน้องสาว ก่อนจะจุ๊บอีกหนึ่งที ถึงยอมเดินไปขึ้นรถ
จุ๊บ
หนึ่งปีต่อมา
ความสัมพันธ์ของพี่กับน้องยังคงเหนียวแน่น ถึงคนเป็นพี่จะชอบแกล้งน้องมากขึ้น และมีทะเลาะกันบ้าง อย่างเช่นตอนนี้
"มามี้ขา"เด็กหญิงวิ่งขาปัดไปหาแม่ที่นั่งจิบชาที่สวนข้างบ้าน
"ขา หนูเป็นอะไรคะ"คุณหญิงโอบกอดลูกสาวถามอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นพี่ชายวิ่งตามมาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะใคร
"พี่ชายไม่ให้เล่นขายของด้วย ฮึก! "เธอฟ้องแม่ทั้งน้ำตา
"ไม่ได้ไม่เล่นด้วยซะหน่อย ก็เล่นเป็นโจรปล้นร้านขายของไง"พี่ชายแย้ง ในมือมีปืนเตรียมปล้น
"ไม่เอา ไม่ให้ปล้น ต้องซื้อของสิ"
"ก็เป็นโจรก็ต้องปล้นสิ"
พี่ชายกับน้องสาวเริ่มเถียงกันไปมา ช่วงนี้ทะเลาะกันบ่อยขึ้น เพราะน้องสาวเริ่มโต มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ได้เชื่อฟังคำพี่ชายหมดทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อน
"เอางี้จินนี่ลูก หนูเล่นกับพี่เลี้ยงหนู ตาดริฟท์ก็เล่นกับพี่เลี้ยงตัวเอง จะได้ไม่ทะเลาะกัน"คนเป็นแม่ตัดสิน แต่...
"ไม่เอา"/"ไม่เอา"
สองพี่น้องตอบพร้อมกันถึงจะทะเลาะกันแค่ไหน แต่ก็อยากเล่นด้วยกัน
"แล้วจะให้มี้ทำไง"เธอไม่อาจตัดสินได้ว่าใครผิดใครถูก ลูกๆ ก็มีเหตุผลของตัวเอง ไม่ผิดที่คนหนึ่งอยากเล่นแบบนี้ อีกคนอยากเล่นแบบนี้
"พี่ชายซื้อของก่อน ค่อยปล้น"
"ก็ได้ เดี๋ยวพี่ซื้อของก่อน"
"อือ^^"
และสองพี่น้องก็จูงมือกันกลับไปเล่นตามเดิม
หลายปีต่อมา
ทั้งสองเริ่มโตกันแล้ว แต่ก็ยังแสบซนกันอยู่ อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ อย่างเช่นตอนนี้ ที่ชวนกันแอบหนีพี่เลี้ยงออกไปปีนต้นไม้เล่นหลังบ้าน
"ปีนตามพี่มา"
"แค่นี้พอแล้ว น้องกลัว"เด็กหญิงบอกด้วยสีหน้าซีด มือจับกิ่งต้นมะม่วงแน่น
"ไหนบอกอยากเก็บมะม่วงเองไง"
"ไม่อยากเก็บแล้วจะลง"เธอบอกน้ำตาคลอ รู้สึกกลัวแล้วรีบลงจากต้นมะม่วง แต่มือเล็กไม่มีแรงพอที่จะเกาะกิ่งพยุงตัวได้ จึงพลาดท่าร่วงตกลงไป
พรึบ! ปึก!
"ฮืออออออ!!! ฮืออออ!! "
"ชู่ววว อย่าร้อง! อย่าร้อง!! "ดริฟท์รีบกระโดดลงจากต้นมะม่วง ใช้มือปิดปากน้องสาวไม่ให้ส่งเสียงร้อง เดี๋ยวคนมาเห็น แต่น้องสาวก็ยังคงร้องด้วยความเจ็บ ถึงจะโดนปิดปากอยู่ก็ตาม
"อื้อ! ฮืออ"
"อย่าร้องเดี๋ยวพี่ซื้อขนมให้"
"ขนมอีกแล้วเหรอ ฮือออ"
"กินมั้ยล่ะ"
"กิน ฮึก! "เธอพยักหน้า พยายามเก็บเสียงร้องไห้
แต่นั่นก็ไม่พ้นสายตาผู้ใหญ่ เมื่อพี่เลี้ยงอาบน้ำให้เด็กหญิง เห็นรอยช้ำหลายจุด จึงเรียนคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย ทำให้ต้องเรียกพี่ชายเข้ามาถาม เพราะน้องสาวไม่ยอมปริปากพูดอะไร
"ทำไมน้องมีรอยช้ำ"
"น้องตกต้นไม้ครับ"
"ทำไมไม่บอกผู้ใหญ่ ถ้าเกิดน้องแขนหักขาหักขึ้นมาทำไง เราโตแล้วนะดริฟท์"คนเป็นพ่อดุลูกชาย ที่ชอบพาน้องออกไปเล่นซน เจ็บตัวไม่เว้นวัน
"ขอโทษครับ"ก้มหน้าสำนึกผิด
"ไม่ดุพี่ชายหนู"เด็กหญิงที่นั่งกอดเอวซุกหน้ากับอกแม่ เห็นพี่ชายโดนดุ ก็รีบลุกไปกอดพี่ชายแทน
"ถ้าไม่อยากให้ดุ ก็อย่าเล่นอะไรที่มันเจ็บตัวนักสิ"คนเป็นพ่อถึงกับส่ายหัว ให้กับความเข้ากันของสองพี่น้อง พ่ออย่างเขาแตะต้องพี่ชายเธอไม่ได้เลย และแตะต้องน้องสาวของลูกชายไม่ได้เหมือนกัน หวงกันเกิน
"ดีมากน้องรัก"พี่ชายกระซิบบอกน้องสาว ที่ทำตามแผนการ ว่าถ้าเกิดโดนพ่อกับแม่ดุ ให้น้องออกตัวปกป้อง พ่อแม่จะได้เลิกดุเขา