2 นัยน์ตาสีเทาเข้มของคุณชาย

1363 Words
ดวงตาคมกริบเอาแต่ปรายตามองร่างเล็กที่ยืนอึ้งอยู่ด้วยความดูเรียบเข้มเย็นชาที่มี ขณะที่ลูกหว้าเองก็เอาแต่จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความตื่นตกใจอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเหลือบลงมองยังมือหนาที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นบางอย่าง ไหนจะข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่… “ออกไป” เสียงทุ้มกดต่ำเอ่ยขึ้น ทำเอาร่างเล็กที่กำลังยืนอยู่สะดุ้งเฮือก “ขอโทษค่ะ” เรียวปากสีหวานขยับบอกเจ้าของรูปร่างหนาก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องนอนหรูไปด้วยความรวดเร็ว สีหน้ายังคงฉายออกมาถึงความรู้สึกตื่นตกใจที่มี กระทั่ง… “ลูกหว้า” เสียงยุพินเรียกคนตัวเล็กดังขึ้น เธอจึงชะงักพยายามทำตัวเป็นปกติราวกับไม่ได้ไปพบเจออะไรมา “ทำไมรีบเดินแบบนั้น…” คนเป็นยายถาม “อ อ๋อ พอดีหว้าอยากเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ” ร่างบางบอกอย่างไม่ต้องการให้ยายต้องห่วงใย “อ้าวงั้นเหรอ มา ๆ เดี๋ยวยายพาไป แล้วก็ถ้าเข้าเสร็จแล้ว ก็ไปรอที่ห้องยายเหมือนเดิมนะ เดี๋ยวพี่น้ำฝนจะไปเรียก” ยุพินบอกกับหลานสาว “ค่ะ” โดยลูกหว้าก็พยักหน้ารับรู้ด้วยความเข้าใจง่ายว่าง่ายทุกอย่าง ทว่าทันทีที่เดินเข้าไปภายในห้องน้ำ “ฟู่ว!” เจ้าของใบหน้ารูปไข่ก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกยังคงตื่นตกใจอยู่กับภาพนั้น ไหนจะสายตาคมกริบดูเย็นชาคู่นั้น… “เขาคือคุณชายของบ้านนี้สินะ…” เสียงหวานพึมพำออกมากับตัวเองพร้อมกับสีหน้าที่ดูมีความเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย หากเขาเอาเรื่องเธอขึ้นมา… จะทำยังไง? ทั้งที่หัวหน้าแม่บ้านก็กำชับไว้แล้วว่าอย่าให้เขาเห็น แต่เธอกลับทำให้เขาเจอ ไม่เพียงเท่านั้น ยังอยู่ในสภาพที่…ไม่ดีมากนัก “ขอโทษนะคะ…” ลูกหว้าได้แต่เอ่ยพึมพำออกมาด้วยความกังวลสุด ๆ ก่อนจะจัดการทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ แล้วเดินกลับไปนั่งรอภายในห้องพักตามที่ยายตัวเองบอกเอาไว้ ซึ่งผ่านไปสักพัก ก๊อก ๆ เสียงใครบางคนเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของหญิงวัยสามสิบที่เดินเข้ามาหาร่างเล็กด้วยท่าทีดูเป็นมิตร “ลูกหว้าหลานยายพินใช่ไหม” “ค่ะ” “พี่น้ำฝนนะ เป็นแม่บ้านของที่นี่ คุณนงฤดีให้มาตามเราน่ะ ตามพี่มาสิ” “ค่ะ” หญิงสาวยังคงรับคำด้วยความว่าง่ายเหมือนเคยพร้อมกับยกยิ้มเดินตามรุ่นพี่สาวที่ดูเป็นมิตรไปยังบริเวณด้านในบ้านหลังใหญ่ที่ห้องอาหารสุดหรู แน่นอนว่าทันทีที่เดินเข้ามา ลูกหว้าก็ออกอาการเกร็งอยู่ไม่น้อยกับหญิงชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ “คุณผู้หญิงคะ นี่ค่ะ หลานของยุพินที่นงแจ้งบอกไว้” สิ้นเสียงนงฤดีเอ่ย เธอก็ส่งซิกให้ลูกหว้าเดินเข้าไป ร่างเล็กที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคน ธัญญา ที่ได้ยินแบบนั้นจึงเหลือบสายตามองหญิงสาวที่เดินเข้ามานิ่ง “อืม หน้าตาใช้ได้นี่ ชื่ออะไร” “ละ…ลูกหว้าค่ะ” ขณะที่เรียวปากสีหวานกำลังตอบกลับคำถามของหญิงวัยกลางคนที่ดูมีความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อยอยู่ เสียงสองเท้าหนักของใครบางคนก็เดินตรงเข้ามานั่งภายในโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเรียบเข้มมีความเย็นชาจากนัยน์ตาคมสีเทาเข้มนั้นอย่างชัดเจน แน่นอนว่าร่างสูงที่มาใหม่ ทำเอาลูกหว้าเผลอเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาคมกับเขา และเมื่อสายตาคมปะทะกลับมา หญิงสาวก็รีบก้มหน้างุดด้วยความตื่นตกใจปนมีความเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เกรงว่าอีกคนจะเอาเรื่องเมื่อกี้… ทว่า…เขากลับเงียบไม่พูดหรือเอ่ยอะไรแม้แต่น้อย “อายุ” เสียงธัญญาถามต่อขึ้นอีก ทำให้ลูกหว้าได้สติ “สิบเก้าค่ะ” “อืม ก็ไม่ได้เด็กแล้ว หวังว่าจะอยู่ได้โดยไม่สร้างปัญหา” หญิงวัยกลางคนเอ่ย “ค่ะ” ซึ่งร่างเล็กก็รีบพยักหน้ารับคำแต่โดยดี ก่อนที่ธัญญาจะพยักหน้าเชิงให้เดินกลับไปยืนที่เดิม นงฤดีที่เห็นแบบนั้นจึงไม่รอช้าที่จะดึงแขนให้ลูกหว้ากลับมายืนประจำตำแหน่งของสาวแม่บ้าน ที่คอยดูแลอยู่ด้านข้างโต๊ะอาหารเกือบสิบคนตามประสาบ้านหลังใหญ่ของตระกูลทรงอิทธิพล แน่นอนว่าหลังจากที่พูดคุยกับหลานสาวแม่บ้านเสร็จ “ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้านเลยนะ เรียนเยอะเหรอ ที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยเจอ” เสียงอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังมองหน้าถามลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองขึ้น อีริคที่ได้ยินก็ตอบกลับเสียงนิ่ง “ครับ ผมกำลังเริ่มศึกษาการทำโพรเจกต์จบด้วย” “ดีแล้ว แล้วเรื่องชมรมเป็นยังไงบ้าง ปีนี้ยังไม่เป็นอะไร แต่ปีหน้าจะจบแล้ว รู้ใช่ไหมว่าจะต้องสร้างผลงานให้แม่” “ครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้าตอบกลับด้วยใบหน้าราบเรียบ ก่อนที่เสียงของ แมธธิว นักธุรกิจใหญ่จะหันไปมองหน้าลูกชายของตัวเองเช่นกัน “แล้วเรื่องเพนต์เฮาส์ไปถึงไหนแล้ว” ริมฝีปากหนาเอ่ยถาม “ผมกำลังดูครับ” “รีบดูแล้วก็ทำการย้ายซะ แกกำลังจะเรียนจบ ควรอยู่ที่เพนต์เฮาส์มากกว่าคอนโด มันจะดูน่าเกรงขามคู่ควรกับการเป็นลูกชายฉันมากกว่า” เสียงชายวัยกลางคนบอกกับทายาทเพียงคนเดียวของตัวเองด้วยโทนเสียงสุขุมราบเรียบ โดยอีริคที่ได้ยินก็ยังคงแสดงสีหน้านิ่งเรียบออกมา “ครับ” เขารับคำด้วยท่าทีปกติ ก่อนที่นักธุรกิจใหญ่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารหลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ เขาลุกขึ้นไปโดยไร้ซึ่งการทักทายหรือพูดคุยอะไรกับภรรยาและลูกชายตัวเองต่อ ทว่าภายในโต๊ะก็ต่างนั่งกินอาหารที่อยู่ตรงหน้ากันไปอย่างไม่ได้รู้สึกรู้สา กระทั่ง… พรึบ เสียงธัญญาที่กินเสร็จแล้วเช่นกันลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอาหารไป โดยมีร่างของนงฤดีที่ไม่รอช้าที่จะเดินตามเข้าไปคอยดูแลรับใช้เจ้านายของตัวเองไม่ห่าง ลูกหว้าที่ยืนอยู่ก็รับรู้ได้ถึงความดูหมางเมินห่างเหินชัดเจนของคนในบ้าน เธอได้แต่มองไปรอบ ๆ ด้วยความไม่คุ้นชิน จนได้ยินเสียงหวานของยายตัวเองเอ่ย “คุณชายรับขนมหวานเพิ่มไหมคะ” “ไม่” ริมฝีปากหนาตอบกลับด้วยใบหน้าราบเรียบ “ถ้างั้นเดี๋ยวดิฉันเติมน้ำให้…” “ไม่ต้อง ฉันอิ่มแล้ว” พูดจบ ร่างสูงที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้หรูที่นั่งอยู่นิ่ง ทว่าขณะที่ลุกขึ้นจังหวะสายตาคมกริบนั้นก็เหลือบเข้ามาปะทะเข้ากับลูกหว้าที่ยืนอยู่พอดี คนตัวเล็กที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาคมกริบคู่นั้นเผลอสะดุ้งเฮือกไปด้วยความตื่นกังวล แต่สุดท้ายแล้ว สายตาคมกริบของอีริคก็ผละเมินเดินตรงออกจากห้องอาหารไปด้วยท่าทีดูเรียบเข้มมีความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย “เก็บโต๊ะเลยไหมยายพิน” เสียงน้ำฝนหันถามยายสูงวัยที่ทำงานมานาน แต่ยังไม่ทันที่ยุพินจะได้ตอบ “ก็เก็บเลยสิอีโง่ ทำไมต้องไปถามใครด้วย มาถามกูนี่ แม่กูเป็นหัวหน้านะ” เดือนดาวที่เป็นลูกสาวนงฤดีเอ่ยพลางมองคนอื่นด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับสูงส่งจากคนอื่น ด้วยใบหน้าที่ดูดีอยู่ไม่น้อยจากการแต่งเติมและทำศัลยกรรม ทำให้หญิงสาวมีความมั่นใจค่อนข้างสูง และแน่นอนว่า “อีเด็กใหม่ มัวแต่ยืนบื้ออยู่ทำไม เก็บสิ!” “ค่ะ” ลูกหว้าที่ได้ยินก็พยักหน้ารับรู้ ทำตามที่อีกคนบอกไปด้วยความตัดปัญหา ก่อนที่ทุกคนจะต่างจัดการเก็บโต๊ะทำความสะอาดกันไปตามหน้าที่ของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD