"หมวกชมพูฟรุ้งฟริ้งเชียวนะมึง"
ทันทีที่ผมเดินกลับมาทำงานไอ้เพื่อนสองคนมันก็ทักหมวกสีชมพูที่ผมกำลังใส่ทันที แต่โทษทีเถอะเลือกได้ผมก็ไม่อยากใส่สีนี้หรอกแต่ลมที่พัดผมจนปรกหน้ามันทำให้ผมรำคาญ
"ของน้องหมวกชมพูเมื่อตอนกินข้าวป่ะนั้น เน้ไปนัดกันนอกรอบที่ไหนวะเพื่อน" ไอ้ธีถามผมพลางกระแซะเข้าหาผมเลยโบกหัวมันไปทีอย่างรำคาญ
"นอกรอบเหี้ยไรกูแค่ออกไปสูบบุหรี่แล้วบังเอิญเจอ"
ผมตอบพร้อมกับเหยียบบันไดขึ้นไปเตรียมมุงหลังคาต่อ ไอ้ธีรีบส่งค้อนกับตะปูขึ้นมาให้ผมทันทีซึ่งผมก็รับก่อนเราจะเริ่มทำงานกันอย่างจริงจังเพราะต้องการมุงหลังที่ยังไม่ได้ใช้ให้เสร็จก่อนเด็กๆจะมากวน ตอนทำเมื่อเช้าผมก็เกือบตกบันไดไปทีเพราะเด็กมาเกาะ...ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กกูจะยันให้หน้าหงายล่ะไอ้ห่าเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง
"ไอ้พายุทางนั้นใกล้เสร็จยังเหมือนฝนแม่งจะตกว่ะมึง!"
"ฝนห่า" ผมสบถก่อนจะหันมองคนอื่นที่กำลังก้มหน้าก้มตาตอกตะปูกันเอาเป็นเอาตายด้วยความล้า "เก้าสิบเปอร์เซ็นแล้ว ทางมึงล่ะ??"
"หกสิบ"
"ไอ้ควาย"
"อย่าด่ากูดังเดียวเด็กๆได้ยิน"
แม่งเอ้ยกูรึก็รีบทำรีบเร่งงานแต่ทางไอ้สามเสือกทำไปได้แค่หกสิบเปอร์เซ็นทั้งที่เริ่มทำก่อนเนี้ยนะ ผมนั่งมันลงที่หลังคาพร้อมกับเงยหน้าหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า
"ไหวไหมไอ้พายุมึงลงมาก่อนไหม?" ไอ้ธีเงยหน้ามาถามซึ่งผมก็โบกมือไปมา "ไหวแน่นะโว้ย!?"
"เออ กูแค่พัก"
ผมตอบก่อนจะหยิบหลังคามามุงต่อแข่งกับพายุฝนที่กำลังจะมา รีบก็รีบเหนื่อยก็เหนื่อยรู้งี้กูให้ทุนเด็กไปเรียนในเมืองแม่งเลยดีกว่า ลำบากชิบหายชีวิต!
"พี่ๆครับอาจารย์ให้พวกผมมาช่วยน่ะครับมีอะไรให้ทำบ้าง"
เสียงของพวกเด็กๆครุศาสตร์ถามไอ้ธีที่กำลังยื่นหลังคาให้ผมผมจึงมองตามไปเห็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนพร้อมจะช่วยด้วยสายตานิ่งเรียบ...มีผู้ชายสองคนนอกนั้นผู้หญิง เจริญครับ
"เอ่อ พายุเอาไง" ไอ้ธีโยนขี้ให้ผมทันที ผมหรี่ตาก่อนจะเช็ดเหงือและมองไปรอบๆ
"ผู้ชายยกของหนักได้ไหม?"
"ได้ครับพี่" ผมพยักหน้า
"งั้นไปยกหลังคามากองไว้ตรงนี้ส่วนผู้หญิง" พวกเธอยิ้มเขินเมื่อผมมองไป "หาน้ำให้พวกพี่ๆเขากินแล้วก็เก็บขยะแล้วกัน"
ผมว่าและดูเหมือนจะเป็นงานที่เหมาะกับพวกเธอสุดแล้ว ผมกลัวเกิดอันตรายน่ะถ้าให้เข้าใกล้ของหนักๆเดี๋ยวก็ได้ยุ่งยากกันอีกผมหันมาตอกตะปูอีกครั้งก่อนจะเหลือบเห็นกลุ่มคนที่เดินมาสบทบและหนึ่งในนั้นเป็นเบ้ของผม...น้องหมวกชมพู
"ธี"
"อะไรตะปูหมด??"
"ไม่ ไปเรียกน้องหมวกชมพูให้กูหน่อย"
ไอ้ธีขมวดคิ้วก่อนจะชะโงกหน้าออกไปมองทางพวกมาใหม่ก่อนจะยกยิ้มมองผมล้อๆ ผมยักคิ้วไม่คิดจะปฏิเสธอะไรเพราะขี้เกียจ มันเลยเดินไปหาหนูนิ่มและชี้ให้เธอมองมาที่ผม ผมยิ้มให้เบ้ทันทีซึ่งเธอกรอกตาใส่ก่อนจะเดินมาหาแม้ไม่พอใจนัก
"อะไรคะพี่?"
"อยู่ช่วยหยิบหลังคากับตะปูให้หน่อย" ผมพูดโดยไม่หันมองเพราะรู้ว่าเธอต้องไม่ไปไหน
"พี่พายุคะน้ำค่ะ" เสียงหวานของผู้หญิงคณะหนูนิ่มว่ายิ้มๆและทำท่าจะปีนขึ้นมาที่บันไดแต่ผมยกมือห้ามไว้ก่อน
"อย่าขึ้นมาครับมันอันตราย" เธอหยุดทันควันก่อนจะยิ้มเขิน "เอาน้ำไว้กับหนูนิ่มเลย"
"อ่อ ค่ะ"
เธอยื่นแก้วน้ำไปให้หนูนิ่มด้วยท่าทีไม่พอใจนักก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ผมอยู่กับหนูนิ่มสองคน ผมตอกตะปูอันสุดท้ายที่เหลือในกระเป๋าก่อนจะขยับไปนั่งที่ขอบไม้มองลงไปที่หนูนิ่ม
"ขอตะปูกับน้ำหน่อย" หนูนิ่มหันไปหยิบถุงตะปูมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างงงๆ "ขึ้นมาเลย"
"แต่พี่บอกว่าอันตราย"
"นั้นสำหรับคนอื่น ผมคิดว่าหนูนิ่มทำได้นะ" ผมตอบยิ้มๆด้วยความอยากแกล้งซึ่งนั้นได้ผลทันทีเพราะหนูนิ่มหันหน้าหนีไปเบะปากก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ผม
"ได้ค่ะพี่ ^^"
แกล้งใครไม่สนุกเท่าแกล้งหนูน้อยหมวกชมพูอ่ะเอาจริง ผมอมยิ้มมองคนตัวเตี้ยที่พยายามหยิบบันไดขึ้นมาด้วยมือเดี่ยวอย่างขำๆคืออันที่จริงหนูนิ่มไม่เตี้ยมากหรอกแต่เพราะผมเองที่มีคติที่ว่าใครเตี้ยกว่าตัวเองคือเตี้ยหมด
"นี่ตะปูค่ะ!" เธอยื่นถุงตะปูมาให้หลังจากพยายามปีนขึ้นอย่างยากลำบาก ผมรับไว้และเอาใส่กระเป๋าข้างตัวเอง "ส่วนนี่น้ำค่ะ"
"ต้องรบกวนอีกเรื่องแล้วล่ะ" หนูนิ่มขมวดคิ้ว "มือผมเปื้อน"
"โอ้ยพี่!"
ผมเลิกคิ้วพร้อมกับเธอที่หุบปากฉับทันทีที่เผลอโว้ยผม หนูนิ่มเม้มปากก่อนจะยื่นแก้วมาจ่อที่ปากผม ผมหัวเราะพอใจก่อนจะขยับปากไปกินน้ำจากแก้วพลาสติกจนหมดแก้ว
"เอาไรอีกไหมคะ?"
"ไม่แล้ว"
หนูนิ่มพยักหน้าก่อนจะก้าวลงจากบันได..
พรึ่บ!!
"อ๊ะ!!"
"เชี้ย!"
ทั้งผมทั้งน้องร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจเพราะเมื่อกี้หนูนิ่มเกือบจะเลื่อนตกจากบันได้และดีที่ผมคว้าจับแขนเธอไว้ได้ทันและดึงเข้าหาตัวโดยอัตโนมัติ หนูนิ่มหลับตาปี๋พร้อมกับกำเสื้อผมไว้แน่นจนมันยับขณะที่ใบหน้าของเธอห่างจากผมไม่กี่เซ็น...กลิ่นตัวเด็กนี่เหมือนกับแป้งเด็กเลยว่ะ..
"โอ้ยๆๆไอ้พี่พายุครับอย่าเพิ่งกินเด็กบนที่สูงนะครับพี่อายคนอื่นหน่อยครับพี่ครับบบ!!"
เสียงไอ้ธีทำให้หนูนิ่มรีบขยับออกจากผมทันทีก่อนจะเอ่ยขอบคุณเบาๆและลนลานลงจากบันไดขณะที่ผมก็มองตามจนเห็นว่าเธอถึงพื้นปลอดภัยแล้วจึงหันมองไปรอบๆที่ตอนนี้ไอ้พวกคณะตัวเองกำลังมองมาอย่างสอดรู้สอดเห็น
"มึงจะรอให้ฝนตกก่อนรึไงถึงจะรีบทำงานไอ้พวกเวร!"
ต้องให้กูอารมณ์เสียไอ้พวกขี้เสือก ผมชี้หน้าไอ้ธีอย่างคาดโทษก่อนขณะที่มันก็วิ่งลั้นลาไปทั่วอย่างกวนตีน ผมชะโงกหน้าลงไปดูหนูนิ่มอีกครั้งเจอเธอกำลังนั่งกุมหัวใจตัวเองอยู่ด้วยท่าทางตื่นๆ...
"นิ่มกูมีเรื่องจะปรึกษา!"
เสียงของเด็กแว่นที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของหนูนิ่มดังขึ้นพร้อมกับมันที่เดินเข้ามาผมเลยขยับตัวกลับมาตอกตะปูต่อ สงสัยจะยังเคลียร์เรื่องที่เพื่อนหนูนิ่มร้องไห้ตอนเที่ยงไม่ได้
"ว่าไง" เสียงใสตอบกลับเพื่อนตัวเอง อันที่จริงไม่ได้อยากจะเสือกแต่มันได้ยินเอง
"ชิบหายแล้วว่ะมึง"
"ทำไมมึงไปด่าพายอีกแล้วใช่ไหมไอ้ฟ้า ถึงว่าพายมันเหมือนจะหลบหน้ามึงอ่ะ" ยัยเตี้ยนี่บทจะโหดก็โหดอยู่แฮะ
"ไม่ใช่เว้ย" ไอ้แว่นตอบกลับอย่างลนๆ "กูเผลอไปบอกว่าชอบมัน!"
"ห๊ะ!!?"
ผมหลุดหัวเราะทำเอาคนทั้งสองที่กำลังคุยกันอยู่ข้างล่างเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ ไอ้เด็กแว่นถอนหายใจใส่ผมอย่างไม่พอใจก่อนจะลากหนูนิ่มออกไปคุยกันทางอื่น ทำไมวะไปบอกว่าชอบเขาแล้วมันยังไงกลัวไม่ได้เป็นเพื่อนกันต่องี้หรอ...ไอ้นี่ทำผมขำคนบ้าอะไรอยากเป็นเพื่อนกับคนที่ชอบวะ??
"ทำไมมึงไม่บอกกูว่าไอ้โรคจิตนั้นอยู่ด้วย??"
"ใครจะบอกมึงทันล่ะฟ้ามาหากูก็พูดเอาๆ" ฉันยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองอย่างเพลียๆขณะที่ไอ้ฟ้าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่พอใจนัก "แล้วพายว่ายังไง?"
"นี่แหละปัญหา.." ไอ้ฟ้าว่าพร้อมกับถอดแว่นออกมาเช็ด มันดูเครียดจริงๆจนฉันอดห่วงไม่ได้ "ตอนแรกกูไม่ได้คิดจะบอกคือไม่คิดจะมาบอกในสถานการณ์แบบนี้แน่ๆอ่ะ แต่พวกกูทะเลาะกันหนักจนกูพลั้งปากบอกมันไป"
"มึงบอกมันว่าไง" ไอ้ฟ้าใส่แว่นอีกครั้งพร้อมก้มหน้าทำเขิน
"กูบอกว่าไม่อยากให้มันทำเพจเกี่ยวกับพวกหล่อๆเพราะกูชอบมัน!" เรือกู! ฉันยกมือขึ้นปิดปากพยายามกลั้นยิ้มสุดๆ "แม่ง มันหยุดร้องไห้เลยแต่ตกใจแทนแล้วก็นั้นแหละ มันวิ่งหนีกูหลบหน้ากูอย่างที่มึงเห็น"
แสดงว่าพายไม่รู้ตัวจริงๆว่าฟ้าชอบมันมากขนาดนี้ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมจับไหล่ฟ้าเบาๆ
"เดี๋ยวกูไปคุยให้" ฟ้าเงยหน้ามาสบตากับฉันพร้อมถอนหายใจ
"กูกลัวมันเกลียดกู"
"มึงแซะมันทุกวันขนาดนี้มึงยังกลัวอีกหรอวะ??"
"ให้กำลังใจกูดีมากหนูนิ่ม" ฉันหัวเราะก่อนฟ้าจะยิ้มออกมาได้และยอมพยักหน้า "ถึงมันจะไม่ชอบกูแต่อย่างน้อยกูก็ได้บอกรักมันแล้วล่ะ คุ้มสำหรับกูแล้ว"
"ใจเย็นๆ เรื่องอาจไม่แย่อย่างที่มึงคิดก็ได้"
"แต่กูว่ามึงน่ะกำลังจะแย่" ฉันเลิกคิ้วก่อนจะมองตามสายตาฟ้าไปที่คนบนหลังคา พี่พายุนั่งกอดอกมองฉันด้วยใบหน้าหงุดหงิดซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าอะไรสักอย่างต้องหมดและเขาขี้เกียจลงมาเอาเอง "ไปทำงานเบ้ของมึงต่อเถอะกูไม่กวนแล้ว"
"อืมๆ เดี๋ยวเย็นๆเจอกัน"
ฉันตบบ่าฟ้าเบาๆสองสามทีก่อนจะวิ่งกลับมาที่เดิมเงยหน้ามองพี่พายุขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเหมือนพายุกำลังจะเข้า...เออ พายุกำลังจะเข้าจริงๆแหละ
"มาค่ายรึมาปรึกษาปัญหาหัวใจ" นั้นไงมาถึงก็แซะเลย "ยื่นหลังคามาเร็วๆฝนจะตกแล้ว"
"ค่ะๆ"
หลังคานี่ก็หนักใช่เล่นอยู่นะ ฉันเขย่งเท้ายื่นหลังคาให้พี่พายุที่จับมือเดียวก่อนหันไปตอกตะปูต่อด้วยความเร่งรีบและดูจริงจังจนฉันเผลอมองเพลิน เวลาเขาจริงจังนี่มันก็ดีอยู่หรอกแต่เวลาพูดออกมานี่ปากหาเรื่องสุดๆ
"อ๊ะ.." ฉันเงยหน้าขึ้นฟ้าหลังจากเม็ดฝนตกลงมาใส่แขนและไม่กี่วิต่อมาฝนเม็ดใหญ่ก็เทลงมาทันทีไม่เว้นเวลาให้เราเก็บของหนี "พี่คะลงมาได้ไหม??"
ฉันตะโกนถามอย่างห่วงๆเพราะคนอื่นๆลงมาหมดแล้วก่อนจะรีบจับบันไดให้เขาลงมาได้สะดวกเพราะกลัวเขาลื่นเหมือนฉันน่ะสิ พี่พายุหันมองฉันทันทีก่อนจะจับแขนฉันแล้วดึงให้วิ่งหลบฝนเข้ามายืนตรงโรงนอนขณะที่ตอนนี้คนอื่นๆก็หลบอยู่ตามที่ต่างๆของอาคาร
"ผมบอกให้เข้าไปหลบฝนก่อนไม่ได้ยินรึไง?" ฉันขมวดคิ้วอาจเพราะเสียงฝนทำให้ฉันไม่ได้ยินจริงๆ "บื้อเอ้ย"
"ฝนตกเสียงดังขนาดนั้นใครจะไปได้ยินล่ะคะ!?"
"อย่าเถียง"
ฉันเม้มปากทันทีก่อนจะหันหน้าหนีมองฝนที่กำลังตกลงมาเป็นสาย เราเปียกกันทั้งคู่แต่เปียกแบบหมาดๆเท่านั้นคนข้างๆฉันบ่นเบาๆก่อนจะถอดช็อปที่ใส่ทับเสื้อแขนยาวตัวเองออกมาซับใบหน้าและแขนตัวเองก่อนที่เสื้อจะถูกโยนมาที่มือฉัน
"จะรอให้มันแห้งเองรึไง?"
คนบ้าอะไรหงุดหงิดมันได้ทุกเรื่อง ฉันเหลือบมองอย่างเคืองๆแต่ก็เอาเสื้อเขาเช็ดแขนตัวเองไปด้วย...จะเป็นไรไหมถ้าจะเอาเช็ดหน้าด้วย
"ขอเช็ดหน้าได้ไหมคะ?"
"ทำไรก็ทำเถอะ"
พูดแบบนี้เอาเท้าขยี้เสื้อก็ได้ใช่ป่ะ!? ฉันคิดคนเดียวในใจก่อนจะยกเสื้อขึ้นเช็ดที่หน้าตัวเองทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของพี่พายุ...ทำงานทั้งวันเหงื่อก็ออกทำไมตัวไม่เหม็นเลยนะ ฉันค่อยๆเอาเสื้อออกห่างหน้าขณะที่คนข้างๆกำลังหรี่ตามองอยู่ พี่พายุหัวเราะในลำคอก่อนกอดอกหันมองทางอื่นเล่นเอาฉันขมวดคิ้วงง
"เอาเสื้อมาก่อน" ฉันยื่นเสื้อเขาให้อย่างงงๆก่อนพี่พายุจะปูมาลงที่พื้นที่สูงกว่าที่เรายืนด้านหลัง มันเป็นทางเข้าโรงนอนน่ะ "นั่งลง"
ฉันนั่งลงที่ถัดจากเสื้อที่เขาปูก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลงและนอนลงมาหนุนตักฉันแบบไม่บอกไม่กล่าว! ฉันเบิกตามองคนที่กำลังถอดหมวกมาปิดหน้าไว้ทันทีแต่ก็ไม่กล้าขยับหนีเพราะกลัวโดนด่าอีก
"ฝนหยุดแล้วบอกของีบสักแป๊บ"
เสียงนิ่งบอกผ่านหมวกขณะที่ฉันก็ได้แต่นั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูกคือ..ถ้ามีคนเดินมาผ่านมาเห็นพี่พายุนอนหนุนตักฉันอยู่ฉันจะทำหน้ายังไงวะเนี้ย!!?
ซ่า!!
ฝนยังคงเทกระหน่ำทำเอาฉันต้องหันมองไปที่อาคารที่เด็กๆอยู่กันด้วยความเป็นห่วง จะว่าไปที่นี่อยู่ยากจริงๆนะแล้วพอคิดถึงเด็กๆที่ต้องลำบากมาเรียนทุกวันแล้วมันก็นึกเห็นใจ...มีคนอีกเยอะที่ไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาแต่ไม่ใช่กับเด็กๆที่นี่ น้องทุกคนต่างอยากจะเรียนและดีใจที่ได้รับสิ่งของที่เราหามาให้ มันอาจจะเป็นอะไรที่เล็กน้อยแต่มันกลับทำให้ฉันยิ้มออกแม้สถานการณ์จะไม่เอื้อยแถมยังต้องมานั่งเป็นหมอนให้คนขี้หงุดหงิดหนุนอีก
เงียบๆแบบนี้คงหลับไปแล้วสินะ..
"พาย"
พายที่กำลังนั่งอยู่ที่นอนเงยหน้ามองฉันอย่างงงๆ ตอนนี้ทุ่มกว่าได้ซึ่งเป็นเวลาพักผ่อนและด้วยเป็นคืนสุดท้ายคนในเชคบางคนก็ออกไปนั่งรอบกองไฟกับพวกพี่ๆคณะวิศวะกันเพราะพวกเขาเอากีตาร์มาร้องเพลงด้วยเลยเหลือคนที่อยู่โรงนอนน้อย
"ว่าไงแก" ร่างอวบที่กำลังนั่งกินขนมอยู่เลิกคิ้วสงสัย ฉันยิ้มพร้อมกับนั่งลงข้างๆเธอ
"เรื่องพวกแกน่ะ" พายหน้าแดงทันทีก่อนจะขมวดคิ้วมองมาที่ฉัน "ถึงไอ้ฟ้าไม่เล่าให้ฟังยังไงเราก็รู้"
"ทำไมเอ่อ นิ่มไม่ดูตกใจเลย"
"ก็นิ่มรู้นานแล้วไงว่าฟ้ามันชอบพาย" พายก้มหน้าเขินก่อนยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง "ตอนเทอมหนึ่งก็ไม่มั่นใจหรอกมามั่นใจตอนเทอมสองตอนที่พายตั้งเพจหนุ่มหล่อนั้นแหละ"
"นี่มีแต่เราที่ไม่รู้ตัวหรอ" ฉันหัวเราะพลางพยักหน้า "งื้ออ ใครจะไปรู้ฟ้ามันด่าเราทุกวัน"
"มันก็หาเรื่องคุยแหละอีกอย่างมันก็หึงด้วยที่พายเอาแต่กรี๊ดผู้ชายคนอื่นอ่ะ" ฉันว่ายิ้มๆ
"กะ ก็ใครมันจะไปรู้"
"รู้แล้วยังไง พายรู้สึกยังไงกับฟ้ามันล่ะ" ฉันถามเข้าประเด็นทันทีทำเอาพายเบิกตากว้าง "ฟ้าชอบพายจริงๆที่มันไม่ยอมพูดเพราะกลัวจะโดนเกลียด"
"ระ เราไม่ได้เกลียดฟ้า"
"แล้ว..."
"ก็..ตกใจแต่ไม่ได้ไม่ชอบ" ฉันยิ้มก่อนจะลูบหัวพายเบาๆ "ทำไงดีนิ่มไอ้ฟ้ามันต้องเครียดแน่เลย"
"มันเครียดจริง" พายเบะปากคลายจะร้องไห้ฉันเลยจับมือมันและบีบเบาๆ "แต่มันจะหายเครียดถ้าพายออกไปคุยกับมัน"
"หื้อ.." ฉันหันออกไปที่ประตูโรงนอนที่มีไอ้ฟ้ายืนหลบมุมรออยู่ก่อนจะพยักหน้าให้พายมองตาม "ต้องคุยจริงๆหรอเราเขินอ่ะ"
"ถ้าไม่คุยไอ้ฟ้าได้อกแตกตายแน่" พายเม้มปากฉันเลยดึงให้มันลุกขึ้นก่อนจะดึงให้พายเดินตามมาหน้าโรงนอนที่ฟ้ายืนอยู่ "ค่อยๆคุยกันล่ะ"
ฉันเตือนฟ้าก่อนจะหันมายิ้มให้พาย รายนั้นก้มหน้าต่ำไม่ยอมมองฟ้าอย่างเคย...ทำฉันเขินไปด้วยแล้วนะเนี้ย
"เอ่อ ไปคุยทางนั้นกันเถอะ"
ฉันยิ้มมองเพื่อนตัวเองที่กำลังเดินตามกันต้อยๆไปอีกทางที่คนไม่มี เน้...ในที่สุดเรือฉันก็เข้าฝั่งอย่างสวยงาม ฮ่าๆ
ติ๊ง..
แต่ความชิบหายน่าจะมาเยื้อน ฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาดูข้อความที่ถูกส่งมาจากพี่ผมฟ้า
เจ้านาย : ผมอยู่ที่เดิม เอาน้ำมาให้ด้วย
ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะเดินไปหยิบขวดน้ำเย็นและเดินไปตามทางเดิมที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่ มือฉันกระซับเสื้อแขนยาวตัวเองไว้เมื่อลมพัดแรงด้วยฝนที่ตกหนักเลยทำให้ลมเย็นขึ้นเป็นกอง
"ได้ไหมคะพี่พายุ" ฉันหยุดยืนทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่กำลังยืนหันหน้าไปหาพี่พายุที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่...มีไรกันน่ะ "ถ้าเบอร์ไม่ได้หนูขอไลน์ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ หนูชอบพี่จริงๆ"
ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย...ฉันลอบถอนหายใจขณะที่คนที่กำลังโดนสารภาพรักกลับยืนพ่นควันขาวออกมาหน้าตาเฉย
"ผมไม่มีไลน์น่ะสิ" เชื่อเขาเลย
"เอ่อ.."
"พอดีผมรอคนอยู่น่ะ"
พี่พายุว่าต่อก่อนจะเหลือบเห็นฉัน เขาพยักหน้าให้ฉันทำเอาผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามามองฉันรู้จักเธอ...เธอเป็นท็อปของวิชานี้แถมยังโคตรสวย ทั้งสวยทั้งเก่งเลยก็ว่าได้ เธอเม้มปากก่อนจะสบัดหน้าหนีและเดินออกไป และใช่..ฉันคงโดนเข้าใจผิดอีกแล้วสิท่า
"ทำไมพี่ต้องอยากกินน้ำตอนนี้ด้วยนะ" ฉันถามและเดินเอาน้ำไปให้ซึ่งเขาไม่รับทำเอาฉันขมวดคิ้วงงทันที.. "นี่อย่าบอกนะว่าเรียกหนูมาเป็นไม้กันหมา"
"ฉลาดนิ" ฉันกรอกตาพร้อมกระแทกตัวนั่งลงที่โขดหิน
"ไม่ชอบก็บอกเขาไปสิคะ"
"ไม่ใช่ไม่ชอบแค่ตอนนี้อยากอยู่เงียบๆขี้เกียจจะคุย" เขาตอบทำเอาฉันไม่อยากจะคุยไรต่อ
"งั้นหนูไปได้ยัง"
"นั่งนี่แหละเดี๋ยวก็มีคนมาอีก"
จะให้ฉันกันผู้หญิงคนอื่นให้ก็ว่า ฉันถอนหายใจก่อนจะเปิดขวดน้ำออกกินซะเอง ดีนะที่ลมพัดควันไปทางอื่นไม่งั้นฉันได้แย่แน่ ฉันเหลือบมองเส้นผมสีฟ้าที่กำลังปลิวไปมาปรกหน้าคนตัวสูงอย่างนึกรำคาญแทนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่สงสัยอย่าง...เสื้อผ้าเขามีแต่สีดำรึไงนะ
"แม่ง.."
เอาล่ะ พี่พายุยกมือเสยผมตัวเองไปด้านหลังอย่างหงุดหงิดขณะที่ปากก็คาบบุหรี่ไว้ ฉันล้วงมือเข้ากระเป๋าเสื้อตัวเองแล้วเจอยางเส้นนึงอยู่ข้างในก่อนจะหยิบมันออกมาซึ่งเป็นยางสีชมพู..
"อ่ะพี่เผื่ออยากมัด" ฉันยื่นให้ทำเอาเขาหรี่ตามอง "โทษพอดีหนูชอบสีชมพู"
"พอรู้" เขาไม่รับแต่กลับโน้มตัวลงมาหาฉันที่กำลังนั่งอยู่ ใบหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ทำเอาฉันเกือบหยุดหายใจ! "มัดสิมือไม่ว่างไม่เห็นหรอ" เขาพูดขณะที่มืออีกข้างก็คีบบุหรี่ห่างจากฉัน
"เอ่อ.."
ฉันกำยางไว้แน่นก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือขึ้นรวบเส้นผมสีฟ้าที่กำลังปรกใบหน้าเขาขึ้นช้าๆขณะที่สายตาก็พยายามโฟกันแต่เส้นผมไม่ละไปไหน ฉันรีบจัดการมัดและมันดีที่ผมเขาค่อนข้างยาวทำให้ผมจุกทิ้งตัวไปข้างหลังแทนที่จะตั้งขึ้น...ผมสีฟ้ากับยางมัดผมสีชมพูนี่มันโคตรจะไม่เข้ากันเลย
"เสร็จแล้วค่ะ"
ฉันบอกเบาๆพร้อมกับขยับตัวออกห่างเขานิดๆขณะที่คนตรงหน้าก็ยกยิ้มหน่อยๆก่อนจะขยับไปยืนตามเดิม กลั้นหายใจจนเกือบลืมว่าควรจะหายใจยังไง!
"ดูนั้น"
พี่พายุว่าขึ้นพร้อมกับชี้ไปตรงหน้าที่เป็นป่ารกก่อนฉันจะเห็นแสงวิบวับจากหิ่งห้อยที่กำลังบินวนกันอยู่ รอยยิ้มค่อยๆปรากฎบนใบหน้าฉัน...นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นหิ่งห้อยเยอะขนาดนี้?
"สวยจัง" ฉันยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆอย่างชอบใจก่อนจะเงยหน้ามองพี่พายุที่กำลังกอดอกมองไปทางเดียวกันอยู่ "บ้านหนูก็มีหิ่งห้อยนะคะพี่แต่ไม่เยอะขนาดนี้"
"หรอ..แล้วมันสวยแบบนี้ไหมล่ะ?" เขาถามฉันจึงพยักหน้าและยิ้มกว้าง
"สวยแบบนี้เลยค่ะถึงจะน้อยแต่สวยมาก"
พูดแล้วคิดถึงบ้านเลย ฉันไม่ได้กลับมาเป็นเดือนแล้วหลังจากที่เปิดเทอม...ฉันยิ้มกว้างและนั่งมองหิ่งห้อยกับพี่พายุด้วยความผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาก็ยืนสูบบุหรี่ของเขาไปและฉันก็นั่งดูหิ่งห้อยไปท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยความสบายใจ