EP.2

1120 Words
เห็นเธอสั่นกลัวผมก็ยิ่งได้ใจ ผมพลิกร่างเธอขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร พลางยกสองขาเรียวขึ้นและดันให้เธอนั่งบนโต๊ะ โดยมีผมแทรกตัวอยู่ตรงกลางระหว่างขาของเธอ ผมจับขาเรียวงามกางออกกว้าง พลางแนบลำกายที่กำลังแข็งตึงในเป้ากางเกง ถูไปถูมากับอูมเนื้อนาง ที่ถูกห่อด้วยชั้นในสีขาวตัวน้อย ยัยนั่นถึงกับนั่งหน้าแดง หล่อนคงทำตัวไม่ถูก คงไม่คิดว่าผมจะกล้าทำอะไรแบบนี้ "เป็นไงครับพี่สาว เจอหนอนน้อยของผมไปนิดเดียว เสียวยันติ่งเลยไหม" ดวงตากลมโตจ้องผมในระยะประชิด เมื่อผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอจนแทบจะพูดชิดริมฝีปาก "จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ว่าคนอย่างผมไม่ใช่คนที่พี่จะมาล้อเล่นด้วยเป็นเด็กๆ" "เฮือก! คุณโช!" ผมแกล้งกระแทกเป้าแข็งกระทบไปกับเนื้ออวบอูมของเธอเน้นๆ จนเธอถึงกับสะดุ้งนั่งหลับหูหลับตาแถมยังสั่นไปทั้งตัว ผมถอยออกมาและแสยะยิ้มอย่างรู้สึกสะใจ ยิ่งเมื่อผมก้มลงไปกระซิบข้างใบหูของเธอ ตัวเธอก็ยิ่งสั่นเทิ้มไปกว่าเดิมอีก "อยากลองของจริงวันไหน ขอให้บอก" "บะ...บ้า! ถอยไปนะ!" เธอผลักอกผมให้ออกห่าง ก่อนจะรีบลงจากโต๊ะอาหาร แต่คงเพราะแข้งขาที่ยังสั่น ยัยนั่นถึงร่วงลงมาจนผมต้องรีบคว้าขึ้นมากอดพยุงไว้ ดวงตากลมโตสบเข้ากับดวงตาของผมโดยบังเอิญ แพรขนตาหนายาวดำขับ บวกกับดวงตากลมสวยทำให้หัวใจของผมอยู่ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมา แถมร่างบางในอ้อมกอดที่ผมกอดเต็มๆ ครั้งแรก ก็นุ่มนิ่มสมชื่อเจ้าของเสียด้วย และยังมีกลิ่นอ่อนๆ ที่ผ่อนคลายและหอมกรุ่นลอยออกมาจากตัวเธออีก ผมจำต้องรีบผลักร่างบางให้ออกห่าง เพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเผลอคิดเรื่องไม่ดีกับเธอไปแล้ว "ผมไปเรียนก่อนนะ เก็บจานให้ด้วย" เพื่อหลบสายตาหวานของเธอ ผมเลือกที่จะออกจากคอนโดไปทันที โดยไม่หยุดหันไปมองเธออีก ยิ่งนับวันยิ่งเข้าใกล้ยัยนี่ไม่ได้เลยจริงๆ ผมนั่งมองควันบุหรี่สีจางที่ลอยขึ้นเป็นสาย ด้วยใบหน้าเครียดจัด ก่อนจะยกก้นบุหรี่ขึ้นมาคาบและสูบอัดเอากลุ่มควันเข้าไปข้างใน เพื่อดับความเครียดเคร่งที่กำลังสุมหัวตัวเองอยู่ จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจและพ่นควันสีจางออกมาสู่กลางอากาศเป็นระยะ "มึงอย่ามานั่งทำหน้าเครียดในร้านนะไอ้โช เห็นหน้าอันหดหู่ของมึงแล้วอารมณ์หื่นกูไม่ขึ้นว่ะ เสียอารมณ์ชิบหาย เดี๋ยวลูกค้าก็หายหมด...เจ๊งกันพอดี ผับนี้กูยิ่งขัดแข้งขัดขากับพ่ออยู่" เบตงเพื่อนรักและเพื่อนร่วมธุรกิจของผมเอ่ยขึ้น เมื่อมันเห็นใบหน้าอมทุกข์ของผม เหตุการณ์ที่ผมเผลอไปสบตากับยัยสาวใช้ในวันนั้น มันทำให้ผมหงุดหงิดใจจนถึงวันนี้ "ก็กูเครียดอ่า...กูไม่รู้ว่าทำไมถึงไปคิดอะไรแปลกๆ กับยัยนั่นได้" "ฮั่นแน่! กูว่ามึงหลงเสน่ห์เจ๊นุ่มนิ่มเข้าแล้วอะดิ" "อย่าพูดบ้าๆ นะไอ้ตงกูไม่ตลกนะ" "ทำไมวะ เจ๊นุ่มนิ่มก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่หว่า เป็นดาวคณะเลยนะเว้ย ถ้าพี่เขาอยากมึงก็เขี่ยๆ ให้เขาหน่อย" "เขี่ยอะไรวะ?" เบตงยกนิ้วกลางให้ผม ก่อนจะกระดิกนิ้วยิกๆ พลางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ่งทำให้ผมเครียดเข้าไปอีก "ไอ้ใจบาป! คิดได้นะมึง" "มึงจะเครียดทำไม ลองดูก็ไม่เสียหายนี่ เชื่อกู...ถ้าหล่อนไม่เล่นด้วยก็แค่แยกย้าย" "มึงนี่...วันๆ ก็คิดถึงแต่เรื่องอย่างว่า ผลกำไรของร้านเนี่ยได้ดูบ้างรึเปล่า ถ้าร้านเจ๊งขึ้นมากูไม่ลงทุนช่วยนะบอกไว้ก่อน" ผมขู่มัน หมั่นไส้ที่มันทำเป็นมารู้ใจคนอื่นดีกว่าเจ้าของ ทั้งที่ความเป็นจริงร้านนี้มันเป็นตัวตั้งตัวตี ไม่รู้ว่าพ่อแม่มันมีปัญหาอะไรกับมันหรือเปล่า ถึงได้ปล่อยให้มันมาคุมร้านเอง แบบไม่ให้เงินลงทุนสักบาท จนมันต้องบากหน้ามาพึ่งผมแบบนี้ ทั้งที่เราต่างก็เรียนกันอยู่แท้ๆ จะประคับประครองร้านไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ผมก็ยอมวัดใจกับมัน ทั้งที่ผมเองก็ยังต้องพึ่งใบบุญพ่อแม่ แต่พ่อแม่มันนี่สิ ทำไมไม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกชอบบ้าง แต่ก็อย่างว่าผมก็ไม่ได้รู้จักพ่อแม่ไอ้ตงเลย แต่ผมกับยอมลงทุนร่วมธุรกิจขัดใจพ่อแม่ร่วมกับมัน ทั้งที่ไม่รู้ชะตากรรมของธุรกิจเลย ร้านเหล้าที่ตั้งอยู่ใต้โรงแรมหรู หมาแมวที่ไหนจะกล้าเข้ามาเที่ยวกัน แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญเท่าความแน่นแฟ้นของคำว่ามิตรภาพหรอก ผมรักและเชื่อใจเพื่อนเสมอ เจ๊งก็เจ๊งด้วยกัน รวยก็รวยด้วยกันแค่นั้น ต่อให้ผมไม่รู้จักหัวนอนปลายเท่ามันก็เถอะ "โชกุน...มึงเชื่อกูดิ" "ไม่ต้องมายุ่งกับกูเลย" "เอางี้...มึงเอาโทรศัพท์มา" ผมไม่ทันเอ่ยอนุญาต ไอ้เพื่อนเวรก็เอื้อมมาดึงโทรศัพท์ไปจากผมทันที แล้วมันก็กดอะไรยิกๆ ในโทรศัพท์ของผม ก่อนจะยื่นมาให้ผมดู "อะไรของมึง" "งานเขียนสุดเร่าร้อนของนักเขียนนามปากกา มังกรพ่นพิษ มึงลองไปอ่านดู แม่ง!...นางเอกเป็นสาวรุ่นพี่เยดุชิบหาย พระเอกกูแทบจะคลานลงเตียง เอาไปอ่านแล้วมึงก็ลองจินตนาการเสียงครางเหมือนพระเอกกูดูนะ" "ทำไมต้องครางวะ" "ไอ้นี่...ถ้ามึงครางชื่อใครแล้วมึงเสร็จไวนะ แม่ง! คนนั้นแหละเด็ด" "ไอ้บ้า! กูต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นด้วยเหรอวะ" "เออ...หน้ามึงอ่ะเครียดมากตอนนี้ เอาไปลองดูเชื่อกู เดี๋ยวกูทำให้ดู...พี่นุ่มนิ่มครับ ออส์ ซี๊ด! เนื้อตัวพี่ นุ่มนิ่มสมชื่อจังเลยครับ อาส์ " ไอ้เบตงทำท่าทางให้ผมดู มันน่าถีบมากกว่าน่าใคร่ซะอีก ขอคำปรึกษาอะไรจากมันไม่เคยได้เลยจริงๆ หรือผมต้องเชื่อมันจริงๆ วะเนี่ย ผมได้แต่เถียงกับตัวเองอยู่ในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD