บทที่2-1

1118 Words
การิมถูกเรียกเข้ามาพบกลางดึกที่บ้านของอามิล บอดี้การ์ดหนุ่มไม่เคยหวาดหวั่นกับเรื่องใดๆ มาก่อน จนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่ได้ยินคำสั่งจากปากของเจ้านายอย่างอามิล “คุณอามิลหมายความว่า…” “ใช่ ฉันจะลักพาตัวพระชายานีน่า” น้ำเสียงที่ย้ำชัดหนักแน่นทำให้การิมกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคออย่างยากลำบาก เขาตายคนเดียวน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ญาติพี่น้องและลูกเมียของเขาล่ะ จะไม่ต้องโทษไปด้วยหรอกหรือ พอคิดได้แบบนั้น ขนอ่อนของการิมก็ลุกเกรียวไปทั้งตัว “เอ่อ ผมถามได้ไหมครับว่าทำไมเราต้องลักพาตัวพระชายาด้วย” การิมไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ เจ้านายหนุ่มต้องการหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด หรือเพราะจะถูกตาต้องใจความงดงามของพระชายา แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในเมื่ออามิลก็มีคู่หมั้นที่มีใบหน้างดงามหมดจดไม่แพ้ใครอย่างซาราห์อยู่แล้ว “เป็นเรื่องที่ฉันต้องสะสางกับราชวงศ์ฟาร์ดาน นายรู้ไว้เท่านั้นก็พอ” อามิลเลือกที่จะไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงออกไป นัยน์ตาสีน้ำตาลทองเต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ ในเมื่อองค์วาลิด ฟาร์ดานกระทำย่ำยีหัวใจของมารดาเขา สิ่งที่พระองค์จะได้รับนั่นก็คือความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทั้งๆ ที่ยังมีลมหายใจ และคนที่เกี่ยวข้องกับพระองค์โดยตรงอย่างองค์รัชทายาทก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่จะให้ลักพาตัวองค์รัชทายาทโดยตรงก็คงจะเป็นงานที่ยากเกินไปสักหน่อย เพราะฉะนั้นการได้ตัวพระชายาก็ไม่ต่างอะไรกับการได้ตัวองค์รัชทายาท เพราะถึงอย่างไรชีคฟารีสต้องมาช่วยพระชายาของตัวเองแน่ สนามบินนานาชาติ รัฐมูร์จาน ประเทศคาดาร์ นีเซียก้าวออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้าพร้อมกระเป๋าสัมภาระแบบมีล้อลาก ร่างบอบบางคลี่ยิ้มกว้างตอนที่ถอดแว่นกันแดดสีชาออกมากวาดสายตามองบริเวณรอบๆ ก่อนจะจัดการสวมกลับเข้าไปตามเดิมอีกครั้ง นีเซียแวะไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวหยิบคอนแทคเลนส์สีดำขึ้นมาใส่อย่างนึกสนุก เธอกับพี่สาวเป็นฝาแฝดกันก็จริง ทว่าพี่สาวของเธอมีดวงตาสีดำเหมือนมารดา ส่วนเธอมีดวงตาสีเทาอ่อนเหมือนคนเป็นบิดา เธออยากจะรู้ว่าพี่เขยของเธออย่างชีคฟารีสจะแยกเธอกับพี่สาวของเธอออกไหม แค่คิดเรื่องสนุกๆ แบบนั้นนีเซียก็ยิ้มกว้างออกมา จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องน้ำ ขยับเท้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสารของสนามบิน การมาของหญิงสาวไม่ได้แจ้งให้นีน่าได้รับรู้เพราะตั้งใจจะมา เซอร์ไพร์สพี่สาวฝาแฝด นีเซียก้าวขึ้นรถแท็กซี่พร้อมกระเป๋าสัมภาระหลังจากที่ตกลงราคากันเรียบร้อย เมื่อหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพรถจึงเคลื่อนออกจากสนามบินในทันที ระหว่างทางไปพระราชวังฟาร์ดานจู่ๆ รถแท็กซี่ที่นีเซียนั่งก็เกิดปัญหา เครื่องยนต์เกิดดับและสตาร์ตไม่ติด จนหญิงสาวต้องร้องถามคนขับ “รถเป็นอะไรคะ” “ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับจู่ๆ ก็ดับแล้วก็สตาร์ตไม่ติด คุณผู้หญิงรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะลงไปดูเครื่องยนต์เสียหน่อย” “ค่ะ” นีเซียรับคำ คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตสีเทาอ่อนขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์นัก พลางนึกในใจว่าหากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เธอบอกให้พี่สาวส่งคนของพระราชวังมารับจะดีกว่า แต่ก็นั่นละ เธอจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างไรกัน นีเซียถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ผ่านไปราวๆ สิบนาทีดูเหมือนว่าเจ้าของรถจะไม่สามารถจัดการทำให้รถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง หญิงสาวจึงก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าสัมภาระ “อีกนานไหมคะ” คนขับรถละสายตาจากเครื่องยนต์ที่มีควันพวยพุ่งแล้วหันมาให้คำตอบด้วยสีหน้าจืดเจื่อน “คงต้องตามช่างหรือไม่ก็รถลากแล้วละครับ ดูเหมือนว่าเครื่องยนต์จะมีปัญหา” นีเซียแทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น แต่หญิงสาวทราบดีว่าคาดาร์ไม่ใช่พื้นที่ที่เธอจะทำเช่นนั้นได้ ดวงหน้านวลเนียนปั้นหน้ายิ้มยากก่อนจะถามออกไป เพราะทราบว่านี่ไม่ใช่ความผิดของคนขับรถ ครั้นเธอจะวีนหรือเหวี่ยงใส่เขาก็ใช่เรื่อง “ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยตามรถคันอื่นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” “ได้ครับ รอสักครู่นะครับ” คนขับรถล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า แต่ไม่ทันได้กดโทร.ออก รถยุโรปสีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้า ชายในสูทสีดำสองคน สวมแว่นกันแดดสีเดียวกันก้าวลงมาจากรถพลางสอบถาม “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” นีเซียหันมาตามเสียง คิ้วสวยยกขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเป็นชายชาวยุโรปในชุดสูทสีดำ แต่ก็ตอบคำถามของอีกฝ่ายออกไป “พอดีรถเสียน่ะค่ะ” “ให้ผมช่วยดูให้ไหมครับ” หนึ่งในสองคนอาสา “ต้องถามเจ้าของรถค่ะ พอดีฉันเป็นแค่ผู้โดยสาร” พอนีเซียบอกแบบนั้น ชายคนดังกล่าวก็ขยับเท้าไปหาเจ้าของรถแท็กซี่ที่กำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่นอยู่ในมือ คนขับแท็กซี่ลดโทรศัพท์ที่กำลังจะกดโทร.ออกลง แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เมื่อถูกปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่บั้นเอว “อยู่เฉยๆ โทร.ตามช่างมาซ่อมรถแล้วลืมไปซะว่าเคยรับผู้หญิงคนนี้ขึ้นรถมาด้วย” ชายคนดังกล่าวพูดด้วยภาษาท้องถิ่น คนขับแท็กซี่คงมีคำถามมากมายถ้าไม่ติดว่ามีกระบอกปืนจ่อที่บั้นเอวของเขาเอาไว้ “เข้าใจไหม” ชายชาวยุโรปในชุดสูทสีดำถามย้ำเสียงดุดัน คนขับแท็กซี่รีบพยักหน้ารับคำทันทีพลางตอบด้วยกลับอย่างร้อนรน “เข้าใจครับ” “ดี” ชายในชุดสูทกระตุกยิ้มมุมปาก นีเซียลอบมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเพราะไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่น ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเดินกลับมาสมทบกับชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ “เชิญเสด็จขึ้นรถด้วยพ่ะย่ะค่ะพระชายา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD