เธอกวาดสายตามองหาชื่อคนส่ง แต่ไม่พบ เลยได้แต่ทอดถอนใจ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคนส่ง พลางอดนึกสะท้อนใจไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเจ็บปวดหรือโกรธเคืองที่ถูกญาติของสามีรุมสับ
เธอคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ดี...
ก็อย่างที่พวกเขาพูดนั่นละ อธิปกเป็นหลานชายคนแรกและคนโตของอนันต์ลูกชายคนโต พ่อสามีเธอถูกพรากชีวิตไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคเลือดออกในสมองจากการกรำงาน นอนเป็นอัมพาตไม่ถึงปีก็จากไป คุณปู่จึงทุ่มความรักทั้งหมดมาที่อธิปก ทั้งอบรมดูแลและพร่ำสอนเขาทุกอย่าง ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในเชิงธุรกิจให้จนหมด ไว้ใจจนยกบริษัทเศวตวงศ์ คอร์ปอเรชัน กรูป ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีรายใหญ่ระดับอาเชียนให้เขาเป็นผู้ถือหุ้นดูแลแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ลูกชายสองคนที่เหลือไม่พอใจ พยายามคัดค้านตั้งแต่ตอนท่านยังมีชีวิต แต่ตราบกระทั่งท่านเสียก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนพินัยกรรม
ส่วนบรรดาเมียๆ ที่เสียผลประโยชน์ก็ยิ่งคับข้องใจ ยิ่งเธอก้าวเข้ามาเป็นหลานสะใภ้ทั้งที่พื้นเพยากจน เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ถูกยายแก่นจันทร์คนรักเก่าของคุณปู่เอื้อรับอุปการะ พอยายเสีย คุณปู่ก็รับดูแลเธอต่อ มีหรือที่พวกเขาจะไม่อิจฉา สบโอกาสก็คอยต่อว่าเสียดสี โยนความเจ็บแค้นชิงชังที่มีต่อท่านและอธิปกมาลงที่เธอทั้งหมด
“ไม่เป็นไรนะคะคุณปู่ ถึงวันนี้เขาจะไม่มา แต่นาวจะทำหน้าที่แทนเขาให้ดีที่สุด”
เธอยิ้มละไมหน้ารูปถ่ายของท่าน แล้วลุกขึ้นเตรียมจะไปช่วยต้อนรับแขกเหรื่อ แต่ไม่รู้เพราะลุกเร็วเกินไปหรืออย่างไรเลยพลันหน้ามืด เท้าเหมือนเหยียบลงไปในหลุมลึกทำให้ยืนทรงตัวไม่อยู่ จู่ๆ เนื้อตัวก็เย็นเฉียบเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง เลือดลมแปรปรวนตีรวนขึ้นมา ก่อนที่สติการรับรู้ของเธอจะเลือนรางดับวูบกลายเป็นเพียงภาพที่ดำ...
กลิ่นฉุนกึกของน้ำยาฆ่าเชื้อที่แสนเกลียด ทำให้นริศตาลืมตาขึ้นมาพบกับภาพเพดานสีขาว แม้สมองยังคงพร่าเบลอ แต่ก็รับรู้ได้ว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล รอจนสติการรับรู้แจ่มชัดจึงหันมองไปรอบๆ อยากถามใครสักคนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นอกจากห้องที่ว่างเปล่ามีเพียงเธอที่นอนเดียวดายอยู่คนเดียวแล้วก็ไม่พบใครสักคน
นริศตายิ้มขื่นนึกสมเพชตัวเอง เดาว่าเธอคงจะเป็นลมกลางงานศพจากการอดหลับอดนอนมาหลายคืน พวกเขาเลยส่งตัวมาโรงพยาบาลอย่างเสียไม่ได้ หรือไม่ก็กลัวจะมีคนมาตายเพิ่มแล้วต้องจัดงานให้วุ่นวายสิ้นเปลืองอีกศพ เลยโยนเธอมาที่นี่เพื่อให้พ้นภาระ
หญิงสาวค่อยๆ พยุงตัวขึ้นเพราะกระหายอยากดื่มน้ำ พอดีกับที่นางพยาบาลเปิดประตูเข้ามา จึงตรงมาช่วยเหลือเธอให้นั่งเอนหลังและรินน้ำให้เธอดื่ม ก่อนจะสอบถามอาการเธอว่า
“คุณฟื้นแล้ว รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ”
“ฉันเป็นอะไรไปเหรอคะ” เธอย้อนถาม
“คุณเป็นลมเพราะความอ่อนเพลียที่เกิดจากการตั้งครรภ์ค่ะ”
เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางกระหม่อม ตัวนริศตาแข็งทื่อเป็นหิน สมองช็อตตีรวน ก่อนจะพลันขาวโพลนไปหมด ทั้งหัวทั้งตัวล้วนชาดิก แม้แต่จะขยับปากก็ยังยากเย็นกว่าจะเปล่งเสียงออกมาว่า
“ฉันท้อง!?”
“ค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์แล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ”
นริศตามองรอยยิ้มของนางพยาบาลแล้วสีหน้าแข็งทื่อยิ่งกว่าเก่า มุมปากเธอหนักจนยกไม่ขึ้น ไร้ความดีใจบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความสับสน เอาแต่นั่งนิ่งงันอยู่กับที่ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะพลาดมหันต์อย่างนี้ แค่สองเดือนก่อนที่อธิปกพลาดมีอะไรกับเธอเพราะความเมา ทั้งที่แต่งงานกันมาสองปีเขาไม่เคยแตะต้องเธอเลย แค่ครั้งเดียวเท่านั้นจะก่อให้เกิดเลือดเนื้อเชื้อไขขึ้นมาในท้องของเธอได้
ทำยังไงดี?
เป็นคำถามที่เธอเฝ้าถามตัวเอง แต่ไร้คำตอบ เธอรู้ดีและมั่นใจว่าอธิปกคงไม่ยินดีกับเด็กคนนี้ เขาไม่อยากมีลูกเป็นบ่วงคล้องคอ เพราะวางแผนไว้แล้วว่าจะหย่ากับเธอหลังจากสิ้นคุณปู่เอื้อ เธอไม่ได้คิดไปเองเพราะแอบเห็นข้อตกลงการหย่าที่เขาสั่งให้ทนายทำขึ้น ลงชื่อเขาเรียบร้อยแล้วด้วย เหลือเพียงแค่ให้เธอเซ็นชื่อลงไปเท่านั้นก็มีผลทันที