ยัยตัวเล็กปากเก่ง

1356 Words
ตอน 11 วาคิน “ฉันหล่อจนเธออดใจด่าไม่ได้งั้นสิ?” เสียงเขาเรียบ ดวงตาคู่คมมองตรง ไม่หลบ ไม่ลดระดับลงแม้เธอจะตัวเล็กกว่า ยูจิน เชิดหน้าขึ้นทันที “น้องชายคุณเรียกคุณ… ไม่คิดจะทักทายบ้างเหรอ?” วาคินขยับยิ้มมุมปาก ไม่ใช่ยิ้มใจดี แต่คือรอยยิ้มแบบที่…คนเคยชินกับอำนาจมักมี “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ…?” ยูจินนิ่งไปครู่หนึ่ง ถูกสายตานั้น 'กด' จนหัวใจสั่น แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ยูจิน “…ก็ฉันไม่ชอบเห็นใครถูกเมิน โดยไม่มีเหตุผลและคุณก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่จะทำเหมือนพวกเราเป็นอากาศธาตุ” วาคิน หัวเราะในลำคอเบาๆ “...เธอนี่…กล้าดี” ยูจิน “กล้ามากด้วย ถ้าคุณยังไม่รู้!” วายุ ที่ยืนมองอยู่ข้างหลัง ถอนหายใจเงียบๆ เขาไม่ได้เข้ามาห้าม เพราะรู้ดีว่า เมื่อเฮียหยุดเดิน ยูจินไม่มีทางรอด แต่ก็รู้ในอีกมุมหนึ่งว่า… นี่คือครั้งแรกที่มีใคร “โต้กลับ” วาคินแบบไม่กลัวเลยแม้แต่นิด แม้จะสั่นๆ แต่เธอก็ไม่ถอย ราเชนทร์ กับภิรมย์ ยืนประจำตำแหน่งข้างๆพยายามกลั้นรอยยิ้มอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่เพราะเธอปากเก่ง แต่เพราะ…มีไม่กี่คนบนโลกนี้ ที่จะพูดกับ “คุณวาคิน” แบบนี้แล้ว...ยังอยู่ดี ยูจิน เงยหน้าจ้องวาคิน สองตาวาววับ ริมฝีปากเม้มแน่น เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงกล้าขนาดนี้ แต่เธอรู้แค่ว่าเขาหยิ่ง และเธอไม่ชอบ อีกซ้ำยังเคยพูดจะฆ่าพี่ชายของเธอด้วย! วาคินยืนสองมือในกระเป๋า สูดลมหายใจเข้าเงียบๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเธอ ในระยะใกล้ น้ำเสียงยังเรียบ เย็น แต่ไม่ใช่โกรธมันคือ ความไม่พอใจที่ยังเก็บไว้ วาคิน "ลองพูดอีกคำสิ ฉันอยากรู้ ว่าเธอกล้าจริง... หรือโง่" เงียบ... บรรยากาศรอบตัวเริ่มตึงอย่างชัดเจน เสียงหัวเราะของนักศึกษารอบข้างกลายเป็นเสียงกระซิบ สายตานับสิบ เริ่มมองมาที่พวกเขากลางลานคณะ แสงแดดยามสายส่องเปล่งใส และในจังหวะนั้นเอง.... วายุ ก็ก้าวขึ้นมา ดึงแขนยูจินเบาๆ พร้อมเอ่ยเสียงจริงใจ แต่แฝงแรงกดให้หยุด สุดท้ายวายุต้องช่วยยูจิน เพราะกลัวเรื่องจะบานปลาย เพราะสายตาทุกคู่ในมหาวิทยาลัย จ้องมองมาทางนี้หมด... "เฮีย... ผมขอโทษแทน ยูจินด้วยนะครับ เธอๆ นอนน้อยช่วงนี้เธอทำงานหนัก" เสียงวายุเบา แต่มั่นคง เขาพยายามพูดให้เฮียฟังมากกว่าทำให้คนอื่นเข้าใจ ยูจินเบิกตาเล็กน้อย หันขวับมามองวายุ “วายุ! นี่นาย....” แต่เขาบีบมือเธอเบาๆ เป็นเชิงเตือน แล้วหันกลับไปมองเฮียอีกครั้ง วายุ "...อย่าไปถือสาเธอเลยนะครับ ผมขอ" วาคิน ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ใส่แว่นกลับเข้าไป ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก่อนจะหมุนตัวกลับขึ้นรถ เขาเอ่ยเพียงคำสั้นๆ “วายุ…คืนนี้กลับบ้านให้ตรงเวลา” เสียงปิดประตูรถหรูดัง “กลึบ” รถแล่นออกไปอย่างเงียบงัน แต่ความกดดันบางอย่าง ยังคงปกคลุมอยู่กลางลาน ยูจิน มองตามรถที่ค่อยๆ ลับสายตา เธอยืนเงียบอยู่ข้างวายุ สีหน้าอึ้งปนงง ส่วนมัชกับพริ้ง...ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ยูจิน "...นี่นายช่วยฉัน หรือขายฉันกันแน่" วายุ ยิ้มบางๆ “...แค่ไม่อยากให้คนทั้งคณะ เห็นเธอโดนลากขึ้นรถตอนกลางวันแสกๆ นะยูจิน" ยูนจิน มองค้อนวายุไปนิดนึง "เขาทำฉันเจ็บ ขอศอกก็ยังไม่หายเลย คอก็เป็นรอยแดงช้ำด้วยมือของเขา ฉันต้องการคำขอโทษ" วายุ มองหน้าเธอแววตาเป็นห่วง "น๊าๆ ยูจิน อย่าเช็คระบบเฮียเลย เขาไม่มีความรู้สึกเหรอ" 🕓 ห้องทำงานใหญ่คฤหาสน์เซอร์เรส กรุกระจกฝ้าเงียบสงบ แต่ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ไม่ต้องเอ่ย เนอาร์ นั่งตรงข้ามโต๊ะไม้เข้ม มือหนาวางนิ่งบนตัก สีหน้าเรียบ ไม่แสดงออกใดๆ วาคิน พิงพนักเก้าอี้ หยิบเอกสารขึ้นดูพลางเอ่ยเสียงนิ่ง “นายยังมีหนี้อยู่ ห้าสิบห้าล้าน แล้วฉันก็ยังไม่เห็นความพยายามจะใช้มันเลยสักครั้ง” เนอาร์ “ผมแค่ไม่อยากใช้วิธีผิด… เพื่อแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อ ผมจะทำงานหาเงินมาคืน เฮียให้ครบครับ” วาคิน หรี่ตาเล็กน้อย “…ฉลาดกว่าที่ฉันคิด แต่ก็ดื้อกว่าที่จำเป็น ห้าสิบห้าล้าน กับการเล่นผนันในบ่อนของ คาซาวา ที่เป็นประปักเซอร์เรส แต่เมื่อคุณอาทรงยศเป็นคน มาขอร้องให้ฉันช่วย นายรู้ไหมว่า คาซาวา มันโหดแค่ไหน ฉันเห็นแก่คุณอาที่เป็นเพื่อนคุณพ่อ ถึงได้ช่วย แต่นายคิดว่าเงินห้าสิบห้าล้าน มันต้องมีอะไรเป็นหลักประกันที่คุ้มค่ากับเงินจำนวนนั้น" วาคินเงียบไปครู่หนึ่ง "แต่ในสัญญาเงินกู้ ดอกเบี้ยรายปี ดูเหมือนฉันจะใจดีไปนะ เรามาร่างสัญญาเพิ่มดีไหม? เขาวางเอกสารลงช้าๆ เสียงกระดาษกระทบโต๊ะดังเบาๆ แต่ฟังดูเหมือนเสียงตัดสิน วาคิน “ฉันมีโปรเจกต์ใหญ่… ขยายเครือข่ายในไทย งานนี้ต้องการคนที่ไว้ใจได้ และฉันก็รู้ว่านายไม่อยากยุ่ง” เนอาร์ยังคงเงียบ เขาไม่หลบตา แต่ก็ไม่ได้ตอกตกลงใดๆ วาคิน “ดีแล้ว...ที่นายไม่อยากยุ่ง มันแสดงว่ายังมี ‘อะไรบางอย่าง’ ที่ยังอยู่ในใจนายอยู่” เงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของวาคินเปลี่ยนเล็กน้อย... ไม่ได้เย็นชา แต่จริงจัง วาคิน “แต่ฉันจะขอให้นายช่วยงานในส่วนที่ ไม่ต้องเปื้อนมืออย่างน้อยก็ในช่วงนี้... จนกว่าฉันจะหาคนไว้ใจได้กว่านาย” เนอาร์มองสบตาเขาอย่างสงบ ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ผมจะทำ... ถ้ามันไม่ผิดกฎหมาย” วาคิน ยิ้มมุมปากเล็กน้อย สายตานั้น... ซ่อนบางอย่างไว้ลึกกว่าที่พูดออกมา “นายเลือกได้ด้วยเหรอ ? ไม่ผิดหรอก ...ก็แค่งานเอกสาร ส่งข้อมูล ดูระบบบัญชีเบื้องต้น นายถนัดอยู่แล้วนี่” เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แล้วพ่นควันออก ก่อนจะเอ่ยปิดท้ายราวกับ เรื่องทั้งหมดก็แค่งานประจำ วาคินนั่งพิงพนักเก้าอี้ นิ้วเรียวยาวหมุน ไฟแช็ก เล่นช้าๆ ก่อนจะหยิบบุหรี่ตัวที่สองออกมา แต่ไม่จุดไฟแค่วางไว้ตรงริมปาก ขยับเบาๆ เหมือนคนกำลังใช้ความคิด เนอาร์ ลุกขึ้นยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า มือไพล่หลัง สีหน้าเรียบ ไม่ไถ่ถาม วาคินเสียงเรียบ "พรุ่งนี้... พาคุณอาทรงยศ มาพบฉันที่ เซฟเฮาส์" เขาพูดโดยไม่มองหน้า เพียงแต่หยิบ แฟ้มเอกสารบางสีดำสนิท ขึ้นมาเคาะเบาๆ กับโต๊ะ "ถึงเวลาจัดการเรื่องหนี้แล้ว เอกสารพร้อม... เซ็นเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็เริ่มเดินหน้า" เนอาร์ พยักหน้าเพียงนิดเดียว “ผมจะบอกพ่อให้ครับ” วาคินพยักหน้าเช่นกัน แต่สายตากลับยังไม่ละจากแฟ้มตรงหน้า เขาเอียงคอเล็กน้อย ราวกับคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงพึมพำกับตัวเองเบาๆ ...แต่เนอาร์ได้ยินชัด วาคิน ยิ้มบาง พึมพำ “...เราจะได้เห็นดีกันซะที ...ยัยตัวเล็ก ปากเก่ง” เนอาร์ เงยหน้าขึ้นสบตาทันที แต่วาคินกลับเพียงแค่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะคาบบุหรี่ไว้ช้าๆแล้วหยิบซองเอกสารบางใบยื่นให้เขา วาคิน “เอาไป... พรุ่งนี้อย่าสาย” เนอาร์ ยื่นมือรับ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่ทันเห็นว่า หลังจากเขาออกจากห้องไป วาคินวางบุหรี่ลงบนที่เขี่ย เอนตัวพิงพนักยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ “เธอนี่แหละ...จะเป็นเหตุผลให้ฉันเล่นเกมนี้ต่อ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD