“แต่ผมไม่มีเสื้อสีฟ้าเลยครับพี่” ฉัตรกล้าบอกกับพี่ณิชา ตอนนี้เขาสวมเสื้อยืนสีขาว ถึงแม้เขาจะอยู่สีเขียวแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ยอมใส่สีเขียวเหมือนคนอื่น เขาเลือกที่จะสวมเสื้อยืดสีขาวและใช้ผ้าพันคอสีเขียวแทน
“ถ้าอย่างนั้นเอาผ้านี่ผูกข้อมือไว้ก็ได้นะ อย่างน้อยมันก็เป็นสีฟ้า” พี่ณิชาประธานสีปลดผ้าพันคอสีฟ้าของตนเองและช่วยฉัตรกล้าผูกที่ข้อมือ
“แบบนี้ก็เป็นสีฟ้าแล้วโอเคไหม”
“ครับพี่” เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้กับรุ่นพี่
เขาช่วยตีกลองให้สีฟ้าอยู่หลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงเวลาแข่ง แม้ว่าสีฟ้าจะไม่ชนะการแข่งขันแต่ฉัตรกล้าก็ดีใจมากที่เขาได้ใกล้ชิดกับรุ่นพี่มากขึ้น
“ขอบใจมากนะที่มาช่วยพี่ตีกลองดูสิมือแดงไปหมดเลย เอาเจลเย็นนี่ไปประคบมือไว้นะจะได้ไม่เจ็บมาก” ณิชาภาเดินไปหยิบเจลเย็นในถังน้ำแข็งให้กับฉัตรกล้า
“ขอบคุณครับพี่ ผมยังไม่ได้คืนผ้าพันคอพี่เลย”
“ไม่เป็นไรพี่ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว”
ณิชาภาบอกกับเด็กหนุ่มที่มาช่วยตีกลอง หญิงสาวไม่ได้ถามชื่อเขาเพราะกำลังวุ่นอยู่กับงานของตนเองและเมื่อเช้าตอนที่ครูวิไลแนะนำเธอก็ฟังไม่ค่อยชัด
แค่ได้คุยกับพี่ณิชาแบบนี้ฉัตรกล้าก็รู้สึกว่าไม่เสียแรงเลยที่อุตส่าห์ตีกลองจนเจ็บมือไปหมด
เขาเดินกลับมาหาเพื่อนที่รวมตัวกันอยู่หลังสแตนด์เชียร์สีเขียว
“ไงวะมึง ยิ้มมาเชียว” วสันต์ส่งขวดน้ำให้กับฉัตรกล้าที่เพิ่งเดินกลับมาจากเต็นท์ด้านหลังของสแตนด์เชียร์สีฟ้า
“กูได้คุยกับพี่ณิชาด้วย”
“เขาคุยกับมึงด้วยเหรอวะ” ณัฐพลที่นั่งอยู่ก่อนแล้วถามขึ้น
“เออสิ”
“ที่เขาคุยกับมึงเพราะมึงไปช่วยเขาตีกลองไงไอ้กล้าแล้วมึงได้แนะนำตัวเองให้เขารู้จักหรือยังวะ” ณัฐพลถามเพื่อน
“กูลืมว่ะ แต่ครูวิไลบอกเขาไปแล้วนะ”
“แล้วพี่เขาไม่ถามชื่อมึงเลยเหรอ”
“ไม่นะพี่เขายุ่ง มึงก็เห็นว่าเขากำลังช่วยกันเก็บของ”
“นั่นไงเขาใช้งานมึงเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่ง ดีนะที่สีเขียวได้รางวัลกองเชียร์ถ้าไม่ได้ขึ้นมาล่ะมึงได้โดนประธานสีเขม่นแน่ๆ”
“เจอก็เจอสิ กูไม่สนใจหรอกเพราะกูไปบอกครูบังอรแล้วครูบังอรยังบอกเลยว่ากูเป็นคนดีมีน้ำใจนักกีฬา”
“เออมึงมันคนดีมีน้ำใจนักกีฬา แล้วมึงคิดจะมาช่วยสีตัวเองเก็บเต็นท์บ้างไหมกล้า”
“ไหมล่ะตอนนี้กูถือว่ากูทำงานให้สีฟ้า” ฉัตรกล้ามองเพื่อนที่ตอนนี้กำลังช่วยกันเก็บขยะลงถุง
“ปล่อยให้มันฝันหวานไว้เถอะไอ้ป๊อบ เดี๋ยวพวกเรารีบเก็บให้เสร็จจะได้ไปหาอะไรกันกิน หิวฉิบหายกับข้าวกล่องที่สีแจกก็ไม่อร่อย” วสันต์พูดไปด้วยเก็บของไปด้วย
“พวกมึงจะไปกินอะไรกันวะ” พอพูดถึงของกินฉัตรกล้าก็หูผึ่ง
“ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังโรงเรียนไง” เสกสรรตอบ
“ร้านนั้นอีกแล้วเหรอวะทำไมไปบ่อยจัง” เพราะเลิกเรียนทีไรพวกเขาก็มักจะไปที่ร้านนั้นตลอด
“ก็ร้านนั้นให้เยอะกว่าร้านอื่นนี่” เสกสรรเป็นคนกินเยอะเลยชอบร้านนั้นเป็นพิเศษ
“กูว่าเปลี่ยนร้านบ้างเหอะเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”
“แน่นะมึง”
“เออ”
“กินสเต๊กไหมกูเห็นมีร้านหนึ่งน่ากินมากอยู่ในตลาดไม่ไกลหรอกเดี๋ยวนั่งมอไซค์ไปกันก็ได้อัดสามไป” วสันต์เสนอ
“มีสี่คนแล้วจะอัดสามไปอีกคนหนึ่งจะทำยังไง”
“เดี๋ยวกูขับวนส่งพวกมึงสองรอบก็ได้ ว่าไงตกลงไหมกล้า”
“อือ ไม่มีปัญหา วันนี้กูอารมณ์ดีจ่ายไม่อั้น” เมื่อบอกว่าจะมีคนเลี้ยงเพื่อนทั้งสามคนก็ตกลงจะไปทานสเต๊กร้านที่วสันต์เสนอ
วสันต์ขับรถมาส่งฉัตรกล้าและณัฐพลจากนั้นก็ขับไปรับเสกสรรอีกรอบ
ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังนั่งทานสเต๊กกันอย่างเอร็ดอร่อยฉัตรกล้าก็วางส้อมกับมีดลง
“อิ่มแล้วเหรอวะ ไหนมึงบอกอร่อยจะกินสองจานไง”
“เออมันจุกอกว่ะป๊อบ”
“เป็นอะไรวะ”
“เมื่อกี้กูเห็นพี่ณิชาเดินไปกับแฟนเขา”
“เขาเดินไปกับแฟนเขามันก็ไม่แปลก ถ้าเขาเดินไปกับคนอื่นมึงค่อยตกใจ ตอนนี้กูว่ามึงรีบกินเถอะ”
“กูกินไม่ลงว่ะ กูอกหัก”
“มึงแค่แอบชอบเขากล้า มึงไม่ได้เป็นแฟนเขา” ณัฐพลเตือนสติ
“ทำยังไงกูจะได้เป็นแฟนพี่ณิชาวะ”
“ก่อนอื่นมึงต้องหล่อไง แต่ตอนนี้หน้ามึงไม่หล่อเลย”
“เฮ้ยตอนเด็กๆ กูหล่อนะ แม่กูยังบอกเลยว่ากูหน้าตาดีที่สุดในบ้าน”
“ก็นั่นมันตอนเด็กไง มึงดูสภาพมึงตอนนี้ก่อนกล้า ไหนละเหล็กดัดฟัน ไหนจะสิวเขรอะแล้วตัวมึงแม่งผอมเหมือนกับคนไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เลย” วสันต์พูดแล้วหัวเราเพราะตอนนี้ฉัตรกล้าห่างไกลกับคำว่าหล่ออยู่มาก
“ทำไงได้ล่ะกูกินเท่าไหร่มันก็ไม่อ้วน”
“มึงก็ต้องออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ” เสกสรรบอกเพื่อน
“มึงรู้ได้ยังไงไอ้เสก”
“กูเห็นพี่ชายกูออกกำลังกายมันมีกล้ามแล้วนะมึง”
“แล้วมึงล่ะทำไมไม่มีกล้าม”
“ก็กูไม่ได้ออกกำลังกายไง แม่งแค่มาเรียนกูก็เหนื่อยแล้วยังจะให้กูไปออกกำลังกายอีกเหรอฝันไปเถอะ”
“แต่มึงอ้วนนะเสก”
“เออแล้วที่กูอ้วนมันเป็นหนักหัวมึงหรือไงวะไอ้ป๊อบ” เสกสรรว่าเพื่อนยังไม่จริงจังนะ
ฉัตรกล้ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ณิชาเดินมากับแฟนทั้งที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่ารุ่นพี่คนนี้มีแฟน แต่ก็ไม่เคยเห็นทั้งสองคนเดินด้วยกัน แต่พอมาเห็นแบบนี้จิตใจของเขามันก็ห่อเหี่ยว
ถึงแม้จะรู้ว่าพี่ณิชามีแฟนแล้วแต่ฉัตรกล้าก็ยังชอบรุ่นพี่คนนี้เอามากๆ ในแต่ละวันที่มาเรียนเขาจะแอบมองพี่ณิชาอยู่ตลอด ชายหนุ่มหวังว่าวันหนึ่งจะได้คุยกับรุ่นพี่คนนี้อีกครั้ง อยากจะแนะนำตัวให้พี่เขารู้จักแต่ก็ไม่มีโอกาสนั้นเลย
เพราะเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ฉัตรกล้าก็ย้ายกลับเข้ามาเรียนในกรุงเทพ จากนั้นเขาก็ไม่เคยได้ข่าวรุ่นพี่ที่ชื่อณิชาภาอีกเลย