9

1591 Words
พลันสิ้นคำพูดนั้นบรรยากาศครึกครื้นบนโต๊ะอาหารเล็กๆ ของครอบครัว ‘ชัยรัตน์’ ก็เงียบกริบทันทีคล้ายกับว่าประโยคสั้นๆ ที่ผ่านมาจากปากของสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในบ้านเป็นระเบิดที่ทำให้สมาชิกอีกสามคนตายเกลื่อนในทันที ผู้ชายคนเดียวภายในโต๊ะอาหารนั้นดูเหมือนจะได้สติก่อนสตรีสูงวัยซึ่งนั่งเคียงข้าง เขาละมือจากช้อนส้อม ค่อยๆ รวบมันไว้ด้วยกริยานุ่มนวลผิดกับเรือนร่างใหญ่โตของตนเอง ดวงตาคมกริบหลังกรอบแว่นเลนส์ใสวาววับจ้องมองน้องสาวของตนเองนิ่งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้น “ว่ายังไงนะ พูดใหม่อีกทีสิ” รวิสราหันไปสบตากับเยว่ซินที่นั่งเคียงข้าง อดส่งสายตาให้อีกฝ่ายเป็นเชิงบอกไม่ได้ว่า เห็นไหม พี่วิสไม่มีทางเห็นด้วยหรอก ส่งผลให้เยว่ซินยื่นมือไปบีบต้นขาของญาติสาวเบาๆเป็นกำลังใจให้ รวิสราจึงตอบผู้เป็นพี่ชายไปด้วยคำตอบที่เธอเพิ่งพูดไปก่อนหน้าว่า “หนูคิดว่าหนูจะไปอยู่ฮ่องกงกับเยว่ซินค่ะ” “ทำไมถึงอยากจะไปล่ะ” คนเป็นพี่ถามเสียงเรียบนิ่ง มองน้องสาวราวกับจะประเมินว่าจะมาไม้ไหน รวิสราคลายริมฝีปากที่ตนเองขบแน่นเพราะความกดกันออกจากกัน แล้วตอบคำถามของคุณหมอผู้เป็นพี่ชายไปตามตรง “ก็…คิดว่าจะไปดูลู่ทางเรียนต่อด้วยน่ะค่ะ” และอยากจะหาอิสระให้ตัวเองบ้าง หลังจากที่ถูกประคมประหงบเป็นไข่ในหินมานาน เธออยากเจอโลกกว้างบ้าง แน่นอน ไอ้ประโยคยาวเหยียดหลังจากนั้นเธอได้แต่คิดในใจ เพราะไม่กล้าพูดออกไป กลัวว่าจะเป็นการหักหาญน้ำใจของพี่ชายที่อายุมากกว่าเธอสิบปีและดูแลเธอยิ่งกว่าความเป็นพี่ชาย รวิสราสูญเสียผู้เป็นบิดาตั้งแต่เธออายุห้าขวบ มารดาเองก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเธอเท่าไหร่เพราะท่านต้องทำงานนอกบ้าน เธอเลยต้องอยู่ในความดูแลของพี่ชายเสียเป็นส่วนใหญ่ มีช่วงหนึ่งที่เขาต้องออกไปใช้ทุนทำให้ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเธออยู่สักพัก แต่หลังจากนั้นเขาก็ตามดูแลเธอแทบจะทุกย่างก้าวหากเป็นไปได้ “อ้าว” คุณริสาอุทานเมื่อได้ยินคำตอบของลูกสาว “ไม่ทำงานเหรอลูก” ท่านถามอย่างแปลกใจ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนลูกสาวของเธอเพิ่งไปสัมภาษณ์ งานมา แถมผ่านเสียด้วยเพราะงานนั้นเป็นบริษัทเล็กๆ ของเพื่อนของท่านเอง รวิสราส่ายหน้าให้กับผู้เป็นมารดา ก่อนจะตอบเสียงอ่อยๆ เพราะรู้ดีว่างานนั้นคนเป็นแม่อุตส่าห์ฝากให้ แม้เธอจะยอมตามใจท่านไปสัมภาษณ์ แต่ก็รู้จุดประสงค์อยู่ว่าไอ้งานเลขาฯ ของลูกชายเพื่อนแม่น่ะ มีอะไรแอบแฝง ก็จะอะไรถ้าไม่ใช่เกมจับคู่ของบรรดาแม่ๆ น่ะสิ! ทำให้เธอไม่อยากไปทำงานที่นั่น และเพราะความคิดคึกคะนองเห็นว่าตนเองเรียนจบแล้วและอยากจะก้าวเติบโตด้วยตัวเอง เธอจึงเลือกที่จะไปฮ่องกง เพื่อแสดงให้แม่และพี่ชายเห็นว่าเธอโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว อีกอย่างเพราะมีเยว่ซินกับป้าจันทราอยู่ที่นั่น พี่ชายกับแม่ก็น่าจะหายห่วงและยินยอมให้เธอก้าวออกไปยืนด้วยตัวเอง “หนูอยากเรียนต่อมากกว่าน่ะค่ะ” หญิงสาวให้เหตุผลสั้นๆ เช่นเดิมและยังเป็นคำตอบคล้ายกับที่เคยตอบคนเป็นพี่ชาย คุณริสาถอนหายใจยาว นึกห่วงลูกสาวระคนหนักใจกับความคิดอีกฝ่ายไปพร้อมกัน ดูหน้ารวิสราก็รู้...เห็นหน้าซื่อตาใสเหมือนกับจะเรียบร้อยแบบนี้จริงๆ ลูกสาวคนนี้เป็นคนดื้อพอสมควร แต่เป็นพวกดื้อเงียบ ไม่อาละวาดแต่ก็ไม่ยอมทำตามหากไม่ต้องการ บางครั้งก็ดื้อดึงถึงขั้น ดื้อรั้นขอเพียงแค่เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองจะทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นนิสัยที่ถอดมาจากสามีของเธอชัดๆ ขณะที่รวิสผู้เป็นพี่ชายกลับมีนิสัยถอดแบบจากเธอผู้เป็นมารดาเสียมากกว่า “เราว่าไงตาใหญ่” ท่านหันไปปรึกษาบุตรชายคนโต เพราะอย่างไรพี่ชายน้องสาวคู่นี้ก็สนิทกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรวิสที่ขึ้นชื่อว่าหวงน้องสาวมากเพราะดูแลประคบประหงมกันมาตั้งแต่รวิสรายังเล็ก “จะอนุญาตน้องหรือเปล่าล่ะ?” “ผมว่า...” คุณหมอหนุ่มเอ่ยแค่นั้นก็เงียบไป และเงียบนานเสียจนทำให้คนฟังลุ้นจนถึงกับถอนหายใจอย่างหมดความอดทน “ว่าอะไรล่ะพี่ใหญ่ นี่! อย่าเอาแต่ยิ้มสิ หนูลุ้นนะคะ” หญิงสาวมองค้อนขวับใส่ผู้เป็นพี่ชาย เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มเฉยๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา และมันทำให้เธอคันยุบยิบในหัวใจ เพราะตีความไม่ออกว่าพี่ชายจะตัดสินใจอย่างไรกับ คำขอของเธอ หญิงสาวหันไปทางเยว่ซินเพื่อขอความช่วยเหลือสลับกับมองมารดาเป็นเชิงอ้อนวอน เยว่ซินกลั้นยิ้มกับท่าทางของญาติสาว สุดท้ายขยับตัวและกระแอมเบาๆ ในลำคอเรียกความสนใจเตรียมจะช่วยออกปากสนับสนุนญาติสาวอีกแรง แต่รวิสกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อนด้วยน้ำเสียงติดจะกลั้วหัวเราะ “ส่งไปก็ดีเหมือนกันนะ ฮ่องกงเองก็ไม่ไกลจากไทย แถมมีคนช่วยดูแลยายเล็กด้วย” คำพูดของชายหนุ่มส่งผลให้คนฟังหน้าชื่น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสเปล่งประกายที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังดีใจ “แสดงว่าพี่ใหญ่อนุญาตใช่ไหม” หญิงสาวเขย่าแขนเยว่ซินอย่างดีใจ แต่ดวงตากลับมองคนเป็นพี่ชายด้วยสายตาคาดคั้น ศัลยแพทย์หนุ่มหลุดหัวเราะ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วเอ่ยย้ำอย่างหนักแน่น “อนุญาตสิ ว่าแต่เรานั่นแหละ” เขาย้อนถามน้องสาวกลับบ้าง “คิดยังไงถึงอยากไปเรียนต่อฮ่องกงล่ะ” ตอนแรกเขาคิดว่าน้องสาวอาจจะเลือกเรียนฝั่งยุโรป อเมริกา ไม่ก็อาจจะเป็นออสเตรเลีย อันนั้นเขาอาจจะคัดค้านและคิดหนักหน่อย เพราะเขารู้ดีว่าน้องสาวหัวดื้อของเขาน่ะ อยากจะบินปร๋อไปอยู่ไกลบ้านให้ห่างจากแผนจับคู่ของ ผู้เป็นมารดาอยู่แน่ๆ แต่ไม่คิดว่าน้องจะเลือกฮ่องกง แน่นอนที่นั่นมีญาติสนิทคอยดูแลอยู่ ไว้ใจได้ มีคนคอยดูแลยายตัวเล็กอย่างนี้แล้วเขาจะไม่อนุญาตได้ยังไง ยิ่งไม่นับรวมว่าฮ่องกงก็อยู่ใกล้แค่นี้ เขาอยากไปหาเมื่อไหร่ก็ทำได้สบายไม่ต้องลาพักยาวๆ อีกด้วย “หนูยังไม่ได้เลือกฮ่องกงนะคะ หนูแค่บอกว่าหนูจะลองไปหาลู่ทางเรียนต่อ” รวิสราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์นิดๆ ในขณะที่ต่อรอง เพราะอย่างน้อยตัวเลือกอย่างพวกประเทศยอดฮิตอย่างอังกฤษ อเมริกาหรือออสเตรเลียก็ยังอยู่ในตัวเลือกของเธอ เสียแต่ไปเรียนประเทศพวกนี้เธออาจจะต้องเปลี่ยนไปเรียนอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่เอกภาษาจีนอย่างที่เรียนจบมาโดยตรง “อย่ามาทำตาใสใส่แม่กับพี่เลย สารภาพมานะยายตัวดี ไม่งั้นพี่ไม่อนุญาตจริงๆ ด้วย” คนเป็นพี่หรี่ตามองดักคออย่างรู้ทัน ยายตัวเล็กอย่าหาญคิดมาลดเลี้ยวปกปิดเขา เขาดูแลเจ้าหล่อนมาตั้งแต่ยังตัวกะเปี๊ยกเชียวนะ! นิสัยเป็นยังไงรู้กันดี รวิสราหัวเราะเสียงแห้งก่อนจะสารภาพเสียงอ่อย “ก็…แค่อยากไปเที่ยวเฉยๆ น่ะค่ะ จะได้ไม่เป็นการเสียเวลาด้วยไง” อ้อ ไอ้จุดประสงค์ก็แค่อยากเที่ยวสินะ คนเป็นพี่พยักหน้าหงึกหงัก ขณะที่คนฟังอย่างคุณริสากับเยว่ซินนั้นมีกริยาต่างกัน ฝ่ายแรกค้อนขวับอย่างไม่พอใจเพราะดูก็รู้ว่ายายตัวเล็กลูกสาวของเธอตั้งใจหลีกเลี่ยงแผนจับคู่ ส่วนเยว่ซินหัวเราะพรืดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “ไม่ใช่ว่าไม่อยากถูกแม่จับไปทำงานหรอกหรอ” คนเป็นพี่ชายหรี่ตามองจับผิดไม่เลิกพลางกระเซ้าเย้าแหย่ “ก็…แหะๆ ส่วนหนึ่งด้วยค่ะ” น้องสาวสารภาพอย่างหมดเปลือกเสียงแห้งขนาดนั้นรวิสก็ไม่ใจร้ายพอจะซ้ำเติมหรือห้ามปรามน่ะนะ เพราะเขาเองก็เห็นด้วย จะให้ยายน้องของเขามีแฟนตอนนี้ก็ออกจะเร็วไป “ตกลง พี่ให้ไปก็ได้ แล้วคิดไว้หรือยังจะไปตอนไหน” ชายหนุ่มย้อนถามกลับเนื่องจากอยากรู้แผนการคร่าวๆ ของน้องสาว ลองว่ากล้ามาขออย่างนี้คงต้องคิดอะไรเอาไว้บ้างนั่นแหละ “กะว่าจะไปหลังรับปริญญานั่นแหละค่ะ” รวิสราตอบคำถามนั้นตรงๆ ส่งผลให้คุณริสาอดทักท้วงไม่ได้ “เร็วไปไหมหนูเล็ก” “ไม่เร็วหรอกค่ะแม่ เหลือเวลาอีกตั้งเดือนนึงแหนะ” หญิงสาวตอบมารดาพลางยิ้มแฉ่งสดใส “คิดถึงหนูก็ไปหาสิคะ ฮ่องกงใกล้กันแค่นี้เอง” เธอยื่นข้อเสนอ ขณะที่ผู้เป็นมารดาได้แต่ค้อนขวับลูกสาว เห็นไหมล่ะว่าลูกสาวของเธอไม่ได้เรียบร้อยสักนิดเดียว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD