หลงเทียนหลงเงยหน้าขึ้นมองผู้ข่วยกึ่งเลขาฯ ของตนเองด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเบื่อหน่าย หลังจากได้รับรายงานเรื่องที่มีพวก ‘แมลงน่ารำคาญ’ ถูกส่งมาก่อกวนเขาไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งต้องยอมรับว่าช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเพราะกำลังมีการแข่งขันซื้อที่ดินริมอ่าวรีพลัสเบย์ ซึ่งถือเป็นที่สวยทำเลดีอีกแห่งหนึ่ง และเทียนหลงกับมือขวาอย่างหลี่หานเฟิงก็หมายมั่นให้เป็นพื้นที่สำหรับโครงการคอนโดฯ หรูระดับไฮเอนด์ ครั้งนี้คงไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นที่ต้องการที่ดินผืนนี้ เพราะจากที่ได้ยินมา...เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่จับธุรกิจด้านเดียวกับตระกูลหลงอย่างพวกตระกูลชางก็เล็งที่นั่นเอาไว้ หรือแม้กระทั่งอีกสามแก๊งใหญ่อย่างพวกไป๋หู่ เสวียนอู่ และจูเชว่ก็อยากได้ที่นั่นเช่นเดียวกัน
งานนี้เลยเดาไม่ออกว่าพวกที่ถูกส่งมาก่อกวนเขาช่วงนี้นั้นเป็นฝีมือของใคร?
“มีมาใหม่อีกแล้วเหรอ?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงเนือยนิดๆ สายตาจับจ้องเอกสารในมือตามเดิม คิ้วเข้มของเทียนหลงขมวดมุ่นในยามที่อ่านแผนการตลาดของบริษัทในเครือตระกูลหลง
“ครับ” หยวนเฟยรับคำก่อนจะรายงานต่อเป็นเชิงบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ช่วงนี้ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไรกัน ถึงได้บุกเข้ามาถี่ขนาดนี้”
หลังสิ้นคำบ่น บุรุษหนุ่มอีกสองคนที่อยู่ในห้องนี้และกำลังก้มหน้าทำงานของตนเองร่วมกับเทียนหลงก็อดหัวเราะขึ้นมาอย่างแผ่วเบาไม่ได้
“สงสัยนายของพวกมันคงจะเริ่มร้อนตัวกระมัง” หนิงเหอเอ่ยขึ้น คิ้วเข้มพาดเหนือดวงตาคมกริบที่มักจะทอประกายเยียบเย็นเสมอเลิกสูงขึ้น จนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอดที่จะร้องถามคล้ายกับเสียงครางในลำคอไม่ได้
“หือ? ร้อนตัวอะไร?” หานเฟิงตวัดตามองคนพูดแวบเดียวแล้วหันกลับไปสนใจเอกสารในมือของตนเองตามเดิม
ทางด้านหยวนเฟยเมื่อเห็นเทียนหลงส่งสัญญาณมือให้ออกไปได้แล้ว ผู้ช่วยหนุ่มจึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนเดินออกจากห้องทำงานของผู้เป็นนายไป พลางเหลือบมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าได้เวลาสั่งของว่างขึ้นไปเสิร์ฟให้ทั้งสามได้แล้ว เพราะอีกไม่นานต้องมีคนเรียกหาของว่างอย่างแน่นอน
ทุกๆ วันเสาร์ต้นเดือน ท่านทั้งสามมักจะเข้าร่วมประชุมลับด้วยกันอยู่เสมอ มันเป็นการประชุมที่หยวนเฟยไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้ารับฟัง พอๆ กับที่คนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดท่านหลงก็ไม่เคยได้รับอนุญาตเช่นกัน แม้จะเป็นผู้อาวุโสที่ดำรงตำแหน่งกรรมการของชิงหลงเองก็ตาม
ชิงหลงเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แม้โครงสร้างการบริหารที่มองจากภายนอกจะไม่ซับซ้อน แต่เมื่อมีคำว่า ‘เงินตรา’ และ ‘อำนาจ’ เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ยากที่จะบอกได้ว่าใครบ้างจะซื่อสัตย์ต่อตระกูลหลงตลอดไป แต่อย่างน้อยก็ยังถือว่าตระกูลหลงมีผู้ที่ไว้ใจได้อยู่เคียงข้างอยู่สองคนในทุกๆ รุ่นของผู้ดำรงตำแหน่ง ‘เศียรมังกร’ เสมอ เพราะหากไม่มีมือของ ‘หลี่’ กับ ‘เฉียว’ คอยค้ำจุน ก็ยากที่จะบอกได้ว่าตระกูลหลงจะสามารถยิ่งใหญ่และหยั่งรากลึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจฮ่องกงได้อย่างในปัจจุบันหรือไม่
ฉะนั้นการประชุมลับของสามผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลจึงเป็นเรื่องสำคัญ และมันสำคัญมากเสียจนไม่อาจไว้ใจให้คนนอกที่ไม่ใช่สายเลือดของตระกูล ‘ทุกคน’ เข้าร่วม!
หลังจากหยวนเฟยเดินออกไป จนภายในห้องเหลือเพียงพวกเขาตามลำพังหนิงเหอก็เอ่ยตอบคำถามของเพื่อนสนิทและญาติในทันที
“ก็ข่าวเมื่อวานนี้ไง คงสะเทือนกันน่าดู นายว่าไหมเทียนหลง” นานๆ ทีมือซ้ายจอมโหดจะเอ่ยคล้ายกับแซวผู้เป็นเจ้านายสักหน อันที่จริงบรรยากาศการประชุมในวันนี้ก็ไม่ได้เคร่งเครียดเท่าไหร่นัก เพียงแต่พวกเขามาอยู่ร่วมกันตามกำหนดปกติเท่านั้น
“อืม…” เทียนหลงได้แต่ร้องครางในลำคอแค่นั้น ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะสนใจเอกสารในมือมากเกินกว่าสิ่งอื่น
หานเฟิงได้ยินหนิงเหอเอ่ยเช่นนั้นก็อดที่จะเสนอขึ้นมาไม่ได้
“อยากกระพือข่าวอีกไหมเทียนหลง ฉันจะช่วยอีกแรง จะได้ดูว่าระหว่างไป๋หู่กับเสวียนอู่ ช่วงนี้ใครกันแน่ที่ร้อนตัวจนนั่งไม่ติดกับข่าวมังกรจะรวมกับหงส์”
เขาพูดพลางหัวเราะหึๆ ในลำคอ เมื่อคิดถึงท่าทางเต้นเป็นเจ้าเข้าของพวกไป๋หู่และเสวียนอู่ โดยเฉพาะพวกตระกูลลั่วซึ่งเป็นผู้ดูแลไป๋หู่ อริอันดับหนึ่งตลอดกาลของชิงหลง เขาคิดภาพหัวหน้าตระกูลลั่วโกรธจนตัวสั่นออกได้เลย เมื่อได้ยินข่าวว่าชิงหลงและจูเชว่จะแต่งงานเป็นพันธมิตรกัน!
“ก็ดี...ฉันเบื่อพวกมดปลวกนี่เต็มที”
หลงเทียนหลงตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเยือกเย็น “งั้นนายจะให้ใครจัดการ?” หานเฟิงถามต่อ เทียนหลงก็ตอบอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“นายแล้วกันหานเฟิงจัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะ” เทียนหลงสั่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกเมื่อนึกอะไรได้ “อ้อ แล้วนี่นายจะเดินทางไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่หนิงเหอ” คราวนี้เศียรมังกรแห่งชิงหลงหันไปทางมือซ้ายของตนเอง
คนถูกถามพยักหน้ารับก่อนจะตอบหัวหน้าตนเอง “น่าจะอีกสามวันข้างหน้า พวกนั้นจะขอเจรจาเรื่องเซกันพีด้วย ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ”
‘Second - P’ เป็นชื่อโปรเจกต์ของอาวุธสงครามชนิดใหม่ อยู่ภายใต้การดูแลของเฉียวหนิงเหอ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลธุรกิจใต้ดินของตระกูลหลง และการ ‘ค้าอาวุธสงคราม’ ก็ถือเป็นหนึ่งในงานใต้ดินที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของหนิงเหอ และเป็นหนึ่งในงานที่สร้างรายได้อันงดงามให้แก่ตระกูลหลงมาช้านานเพราะพวกเขาไม่ได้ขายและพัฒนามันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย...แต่มันเป็นหนึ่งใน ‘สินค้าเถื่อน’ ที่ตระกูลหลงลักลอบขายให้แก่กลุ่มหรือองค์กรใต้ดินทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเหล่ามาเฟียทั้งในและนอกประเทศหรือแม้แต่พวกยากุซ่าก็ตาม
ครั้งนี้เขาต้องเดินทางไปเจรจาซื้อขายเซกันพีกับพวกยากุซ่าที่ญี่ปุ่น แต่ใช่ว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอจากพวกนั้น เพราะเซกันพีเป็นสินค้าใหม่ที่จะพลิกโฉมหน้าชิงหลงให้ขึ้นมาเป็นหนึ่งเหนือพวกไป๋หู่โดยสมบูรณ์ ใช่ว่ามีเงินจะซื้อได้เพราะเขาต้อง ‘กรอง’ ผู้ซื้อด้วยเช่นกัน
“จำไว้ล่ะว่าฉันจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ของชิงหลงให้ใคร” เทียนหลงเอ่ยกับหนิงเหอเสียงเย็น ดวงตาของเขาจ้องมองคนที่ตัวเองกำลังพูดด้วยเขม็ง เป็นเชิงบอกแก่หนิงเหอว่าเขาจะไม่มีวันยอมรับการเจรจาที่ไม่น่าพึงพอใจอย่างเด็ดขาด และเมื่อหนิงเหอพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่นด้วยท่าทีมั่นใจ เทียนหลงก็เอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่คลายความเคร่งเครียดลงมาบ้างแล้วว่า “เอาล่ะ พวกนายแยกกันไปทำงานเถอะ ฉันก็จะทำงานแล้วเหมือนกัน”
เขาเอ่ยเพียงแค่นี้ก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุด ‘การประชุมลับ’ แล้ว
“อย่าหักโหมมากล่ะว่าที่เจ้าบ่าว” หานเฟิงเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี เมื่อรับรู้ได้ว่าเรื่องเครียดๆ ชวนปวดหัวผ่านไปแล้ว “นี่รู้หรือเปล่าว่าพ่อกับแม่ฉันแล้วก็พวกผู้อาวุโสตื่นเต้นแค่ไหนที่นายอยากแต่งงานน่ะ”
แต่แทนที่คนโดนแซวจะเขิน ว่าที่เจ้าบ่าวกลับขมวดคิ้วมุ่นใส่หานเฟิงอย่างไม่ชอบใจ แต่คนที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ กลับไม่ใช่เทียนหลงแต่เป็น หนิงเหอ
“หุบปากเถอะหานเฟิง แล้วออกมาได้แล้ว ปล่อยเทียนหลงทำงานไป”
“หนิงเหอ แกนี่มัน?”
หานเฟิงส่ายหน้าอย่างระอากับคนที่ไม่รู้จักหาความสดใสให้แก่ชีวิต เพราะหนิงเหอมักจะทำอะไรจริงจังจนเกินไปเสียทุกเรื่อง ยิ่งกว่าเทียนหลงเสียอีก
เทียนหลงมองทั้งคู่แล้วส่ายหน้าช้าๆ มาเฟียหนุ่มส่งสายตาเย็นชาให้ทั้งคู่ที่กำลังทำลายความสงบในการทำงานของเขา พร้อมกับเอ่ยปากอย่างเย็นชาเจือความหงุดหงิด
“หุบปาก แล้วออกไปทั้งคู่นั่นแหละ”
เฉียวหนิงเหอเด้งตัวเองขึ้นยืนแล้วปฏิบัติตามทันควัน ขณะที่หลี่หานเฟิงแม้จะทำอย่างเดียวกันแต่ชายหนุ่มกลับค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วบ่นเสียงไม่เบานักถึงความใจร้ายของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายตนเอง จนเทียนหลงต้องตวัดตามองเป็นเชิงไล่อีกครั้งนั่นแหละ อีกฝ่ายถึงได้ยอมเดินออกไป
และความสงบอย่างที่เทียนหลงชอบก็กลับมาเยือน ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบาอย่างเป็นสุขพลางเริ่มทำงานของตนเองอีกครั้ง...