บทนำ

1522 Words
ย่านมงก๊ก ฝั่งเกาลูน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เวลา 02.36 น. “แกมันไอ้สารเลว! สักวันแกจะไม่ได้ตายดี!” พลั่ก! เสียงบริภาษอย่างกราดเกรี้ยวดังออกมาจากปากของคนตรงหน้า ก่อนที่คนพูดจะทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะปลายเท้าของคนฟังตวัดใส่หน้าทันทีที่พูดจบ และเมื่อเขาทำท่าจะเข้าไปซ้ำอีกรอบให้สาสมกับความปากดีของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นว่าเขาดันถูกผู้เป็นเจ้านายยกมือห้ามเอาไว้เสียอย่างนั้น ขนาดเขาคนฟังยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเลย ทำไมท่านหลงถึงได้นิ่งเฉยแบบนี้! ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด ดวงตาเรียวถลึงใส่คนที่นอนกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวดเพราะแรงเตะเต็มๆ แรงของตนเอง เขามองมันยกมือขึ้นปิดปากแน่นขณะเลือดสีแดงสดไหลผ่านร่องนิ้วออกมาไม่ขาดสาย แต่ถึงอย่างนั้นภาพของมันก็ไม่ได้ช่วยให้ใจที่ร้อนรุ่มไปด้วยโทสะของเขาสงบลงสักนิดเดียว “ฉันจะพูดกับเขาเอง” ผู้เป็นนายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ขณะที่ ‘หยวนเฟย’ ได้แต่ก้มศีรษะลงรับคำสั่งแล้วถอยห่างออกไปแม้จะไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขามองนายเหนือหัว ก้าวตรงไปยัง ‘เชลย’ ที่นอนฟุบอยู่กับพื้นสกปรกภายในตรอกโสโครกย่านมงก๊ก น้ำเฉอะแฉะเพราะฝนเพิ่งหยุดตกไม่ได้ทำให้นายเหนือหัวรังเกียจแม้แต่น้อย แม้ว่ามันจะกระเซ็นถูกรองเท้าหนังมันวับเป็นเงาที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ก็ตาม หยวนเฟยมองภาพของชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ที่น่าจะมี ความสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรกำลังทรุดตัวลงมองร่างที่ฟุบหมอบกับพื้น ชุดทักซิโดสีดำขับให้นายเหนือหัวของเขาดูสง่างามราวกับเทพบุตร เพราะเจ้าตัวเพิ่งออกมาจากงานเลี้ยงฉลองหมั้นของลูกสาวคู่ค้าคนสำคัญ แต่กลับถูกดักโจมตีระหว่างทางกลับบ้านเสียก่อน แสงไฟจากหลอดนีออนกระทบเสี้ยวหน้าหล่อเหลาคมคาย ประกอบไปด้วยจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ดวงตาเรียวสีดำขลับคมกริบเห็นรอยพับสองชั้นชัดเจน คิ้วเข้มปลายชี้สะบัดเสริมให้ดวงหน้านั้นดูทั้งหล่อเหลา เย็นชา และดุดันมากขึ้น รูปลักษณ์ของนายเหนือหัวยังคงงดงาม แม้ในยามที่กำลังจะมอบ ความตายให้แก่ใครสักคนก็ยังไม่อาจลดทอนความน่ามองของเขาลงไปได้... “ยังไงแกก็ต้องตายอยู่ดีเทียนหลง! แกจะต้องตายเหมือนหมาข้างถนนเหมือนที่แกเคยทำกับพวกเรา!” เจ้าของร่างสันทัดซึ่งหมอบอยู่กับพื้นบริภาษเสียงกราดเกรี้ยว ก่อนจะหอบหายใจจนตัวโยนเพราะอาการจุกเสียดบริเวณซี่โครงขวา เหงื่อเม็ดเล็กเย็นชื้นผุดพรายเหนือหน้าผากและสองข้างขมับเพราะความเจ็บปวดที่แทบจะทนไม่ไหว ชื่อของนายเหนือหัวที่หลุดออกมาจากปากของนักฆ่ากระจอกตรงหน้าทำให้คนถูกด่ากระตุกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบยังทอดมองร่างตรงหน้านิ่ง “ความตายของฉันไม่ใส่สิ่งที่นายต้องใส่ใจหรอก...” เขาเอ่ยกับอีกฝ่ายออกมาเป็นประโยคแรก และนั่นก็เรียกสายตาเดือดดาลของคนเจ็บให้เงยหน้า มองมายังคนพูดได้ “แกมันไอ้สารเลวเทียนหลง!” “...” “เจ้านายของฉันจะตามล่าแก เขาจะฆ่าแกเทียนหลง! ฉันสาบานได้เลยว่าเขาจะฆ่าแก!” “อย่างนั้นหรือ...” ดวงหน้าหล่อเหลาของคนถามเรียบนิ่ง มุมปากเหยียดยิ้มหยันราวกับไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำขู่เลยแม้แต่น้อย และนั่นยิ่งทำให้คนถูกมองเดือดดาลมากยิ่งขึ้น “ไม่ต้องมาทำสีหน้าแบบนั้นใส่ฉัน ถ้าอยากจะฆ่าฉันก็ฆ่าเลย! ฆ่าเดี๋ยวนี้!” คนเจ็บตะโกนดังลั่น เขาพร้อมที่จะตาย แต่จะไม่ยอมตกอยู่ในกำมือของไอ้วิปริตอย่างมันเด็ดขาด! ไอ้หมอนี่มันเป็นปิศาจ...มันไม่ใช่คนแล้ว! “แล้วจะไม่บอกฉันหน่อยเหรอว่าเจ้านายของแกคือใคร ฉันจะได้เตรียมตัวต้อนรับถูก” ‘หลงเทียนหลง’ ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม เขายังคงรักษาความนิ่งสงบของตนเองเอาไว้ได้ ไม่มีแววโกรธเคืองในดวงหน้าหล่อเหลาคมคายเลยแม้แต่น้อย “ไอ้โง่อย่างแกไม่มีวันเข้าถึงเจ้านายของฉันหรอก!” “ไอ้โง่อย่างนั้นหรือ?” เทียนหลงทวนคำพูดนั้น คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างสงสัย “ฉันไม่คิดว่าคำนั้นจะเหมาะกับฉันเท่าไหร่หรอกนะ” “ท่านหลงครับ อย่าเสียเวลากับไอ้สวะนี่เลย จัดการส่งมันไปนรกเลยดีกว่าครับครับ” หยวนเฟยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายดูจะสนุกกับการยั่วโทสะไอ้นักฆ่าที่ดวงถึงฆาตตรงหน้าอย่างสนุกสนาน แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์เหมาะสมที่นายเหนือหัวของตระกูลหลงจะมายืนอยู่ในตรอกโสโครกแบบนี้ “เฟย...” คนเป็นนายเรียกชื่อลูกน้องเสียงเย็น เป็นการปรามและแสดงความไม่พอใจที่หยวนเฟยกล้าขัดความสนุกของเขา แต่คราวนี้หยวนเฟยไม่กลัวเหมือนอย่างที่ผ่านมา “นะครับ พรุ่งนี้ท่านหลงมีงานตั้งแต่เช้า ท่านควรจะพักผ่อนเสียที เรื่องไอ้สวะนี่ส่งให้คนอื่นจัดการเถอะครับ ไม่นานเราก็จะรู้เองว่ามันเป็นคนของใครที่กล้าส่งมาแหย่ให้ท่านหลงต้องลำบาก” “ฉันไม่ได้ลำบากอะไร” เทียนหลงแย้งเสียงเรียบ แต่เมื่อเห็นสีหน้าดื้อดึงไม่ยอมแพ้ของหยวนเฟย เทียนหลงจึงถอนหายใจแผ่วเบาและยอมถอยให้แก่คนเป็นลูกน้องในที่สุด “เอาสิ นายจัดการแล้วกัน” “ครับ” หยวนเฟยรับคำอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนเองเข้ามารับช่วงจัดการร่างของนักฆ่าที่ถูกส่งมาเสียก่อน ทว่าก่อนที่คนของเขาจะหิ้วร่างนั้นไปจัดการดับลมหายใจ เทียนหลงกลับยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้ทุกคนหยุด เขาตรงไปหยุดยืนตรงหน้าร่างของนักฆ่าซึ่งตกเป็นเชลยในกำมือของตนเองด้วยรอยยิ้มเย็นที่ผุดพรายขึ้นบนริมฝีปากหยักสวย “นายด่าว่าฉันวิปริตสินะ...” เขาเอ่ยทวนหนึ่งในถ้อยคำบริภาษที่ฝ่ายนั้นซึ่งติดอยู่ในใจของตนเอง “ถุย!” คนถูกถามไม่พูดอะไร ทว่ากลับถ่มน้ำลายใส่นายเหนือหัวแห่งตระกูลหลง น้ำลายนั้นกระเด็นแปดเปื้อนรองเท้าสีดำคู่มันวับของชายหนุ่ม เทียนหลงไม่พูดอะไรต่อ แต่กลับเบือนหน้าไปทางหยวนเฟยซึ่งยืนเยื้องอยู่ทางด้านหลังแล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “กรีดเนื้อของมันและเฉือนออกมาทีละชิ้น ระวังอย่าให้มันตายจนกว่าเราจะตามหาตัวเจ้านายของมันเจอ...ทำตามที่สั่งนะอาเฟย” “ครับท่านหลง” หยวนเฟยรับคำเสียงหนักแน่น ขณะที่ลูกน้องของเขาก็หิ้วปีกร่างนั้นซึ่งร้องโวยวายไปตลอดทางเพราะคำสั่งนั้น ส่งผลให้มันที่เยือกเย็นมาตลอดถึงกับโวยวายลั่นกับวิธีการรีดเค้นข้อมูลอันน่ากลัวของหลงเทียนหลง ทว่าคนออกคำสั่งกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เขาเดินนำคนเป็นลูกน้องออกมาจากตรอกซอมซ่อนั่นอย่างช้าๆ ที่ปลายทางรถลิโมฯ สีดำมันปลาบกำลังจอดรออยู่ ทุกก้าวย่างของหลงเทียนหลงนั้นสง่างาม และเต็มไปด้วยความมั่นคง ทว่า…ทุกย่างก้าวของเขากลับสั่นสะเทือนความมั่นคงของใครหลายๆ คนเสมอจนกระทั่งเคยมีคนพูดเอาไว้ว่าทางเดินของหลงเทียนหลงนั้นเป็น ‘เส้นทางสีเลือด’ เพราะมันมักจะถูกชะโลมไปด้วยเลือดของบุคคลที่อาจหาญลุกขึ้นต่อกรกับ ‘ชิงหลง’ แต่เทียนหลงก็ไม่เคยลังเลที่จะเดินไปบนเส้นทางสายนี้...ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เต็มใจ แต่การอยู่บนจุดนี้ได้ก็เหมือนกับเขากำลังขี่หลังเสือ เมื่อไหร่ที่เขา ผ่อนปรนแรงจับยึด หรืออยากลงจากหลังเสือตัวนี้...คงมีแต่ความตายเท่านั้นแหละ ที่จะเปิดแขนอ้าออกรอต้อนรับเขาอยู่ ฉะนั้นแม้เส้นทางสายนี้บางคนจะพูดว่ามันคือเส้นทางที่เต็มไปด้วย เลือดเนื้อของคนที่เดินผ่านเพื่อขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด เขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินผ่านมัน เพราะโลกใบนี้ไม่ได้ต้องการคนดี แต่โลกต้องการคนแข็งแกร่ง ผู้ชนะเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ที่อยู่รอด และต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นปิศาจร้ายหรืออะไรก็ตามแต่ เขาก็ไม่เคยสนใจตราบเท่าที่เขาบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้ …นั่นก็คือ การก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของผู้ที่แข็งแกร่งบนโลกสีดำใบนี้อย่างไรล่ะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD