ตอนที่ 2 สิ้นสุดสัญญา

1787 Words
กว่าตีสองที่ร่างเล็กเพิ่งเปิดประตูกลับมาพักผ่อนที่บ้าน เพราะกว่าจะตั้งสติได้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว จะเรียกแท็กซี่ก็กลัวจึงโทรหามนชิดาเพื่อให้มารับ และโชคดีที่เพื่อนยังไม่ได้นอนหลับจึงออกมารับได้ “ขับรถดี ๆ นะมน” ก่อนจะปิดประตูบ้านธารมิกาหันมาบอกเพื่อนด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย รอยยิ้มของข่าวดีวันนี้มันไม่หลงเหลือแล้ว มีเพียงความเจ็บปวดในใจเท่านั้น “ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนไหม” “อย่าดีกว่า ฉันอยู่ได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ธารมิกาคิดว่ารบกวนเพื่อนเท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว จากนี้เธอต้องเข้มแข็งและ เพิ่งรับรู้ว่าที่จริงโลกใบนี้ก็ไม่ได้ใจดีกับเธอนะ แม้เธอจะคิดว่าภูธรเป็นคนที่ดีก็ตาม ธารมิกานั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกมีเพียงดวงไฟที่มีแสงสลัวคอยเป็นเพื่อน บ้านที่อยู่กับสามีมาสามปีบัดนี้รู้สึกว่ามันเหงาไปถนัดตา ทั้งที่เธอชอบบ้านหลังนี้มาก เธอมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวหลังจากแต่งงาน และทำทุกอย่างเองมีแต่เรื่องการทำความสะอาดบ้านจะจ้างแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุกสามวัน เพื่อลดความเหน็ดเหนื่อย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ของสามีเธอดูแลจัดการทั้งหมด ขณะนั่งอยู่ที่โซฟาพลางคิดว่าตัวเองพลาดตรงไหน ทำไมมัดใจเขาไว้ไม่ได้กันนะ เขามีอะไรที่สัญญากับธงพานิชย์ที่นอกเหนือจากที่เธอรู้งั้นเหรอ แต่เธอจะไม่ยอมออกไปจากบ้านหลังนี้เด็ดขาดหากไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะอะไร “ลูกจ๋า...แม่จะรักษาครอบครัวจนนาทีสุดท้ายให้ได้ ไม่ต้องกลัวนะ” เธอลูบท้องบอกลูกก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่ห้องรับแขกและนอนลงเพราะไม่อยากขึ้นบันไดกลัวอันตราย เช้าวันรุ่งขึ้นธารมิกาตื่นขึ้นในช่วงสายแล้ว เพราะนอนดึกเกินไปและตอนเช้ามีอาการเวียนหัวคลื่นไส้เล็กน้อย เห็นทีว่าคงต้องไปฝากครรภ์ด้วยตัวเองแล้ว คงไม่พึ่งพาสามีที่เพิ่งขอเลิกไปเมื่อคืน แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวแล้วกลับเห็นกองกระเป๋าเดินทางของสามีกองอยู่ตรงห้องรับแขก พร้อมกับใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขานั่งรออยู่ “ทำไมไม่นอนข้างบน” เสียงแข็ง ๆ กล่าวออกมาคล้ายโกรธที่เธอลงมานอนข้างล่าง แต่บางทีอาจจะคิดไปเอง เขาก็เย็นชาแบบนี้คงจะดีใจที่ไม่ได้นอนร่วมเตียง “เดินไม่ไหวเลยนอนห้องรับแขก” “แค่โดนบอกเลิกทำสำออยขนาดนั้นเชียว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยพร้อมผลิยิ้มที่ดูแล้วร้ายกาจมาก ธารมิกากัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ไม่ได้เธอต้องเข้มแข็ง และเป็นฝ่ายถามเขาบ้าง “จะไปไหนคะ” “ย้ายออก บ้านหลังนี้ยกให้ ส่วนรถคันนั้นอีกสองวันก็จะโอนเป็นชื่อเธอแล้ว พรุ่งนี้ค่ำมีนัดทานข้าวที่ธงพานิชย์ ผมจะประกาศให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับสถานะของเรา” ขนาดทนอยู่บ้านเดียวกันเขายังทนไม่ได้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าตลอดสามปีนั้นเขาต้องอดทนแค่ไหน “เพราะอย่างนี้ใช่ไหมพี่ภูถึงห่างเหินมาหนึ่งเดือน” ไม่รู้จะถามทำไม ทั้งที่คำตอบมันก็ทำให้เจ็บปวดอยู่แล้ว “ใช่” ดี...เขาชัดเจนดี ตัดก็ตัดได้ทันทีโดยไม่ให้เธอตั้งตัวเลย ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า “แล้วไม่คิดว่าถ้าเรามีลูกล่ะคะ” “พูดเรื่องนี้สองครั้งแล้วนะ จะเอาเรื่องลูกมายื้อผมไว้ บอกเลยว่าคุณไม่ฉลาดเท่าไหร่” เขาที่ไม่เคยอินกับการมีครอบครัวที่ถูกจัดแจงโดยการคลุมถุงชนอยู่แล้ว หากเด็กที่เกิดมาจากความไม่ได้รักเขาก็จินตนาการความรู้สึกไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะรู้สึกอย่างไร “พี่ภูเคยรักธารบ้างไหมคะ” “พี่ว่าเธอรู้คำตอบอยู่ในใจแล้ว ต้องให้ย้ำอีกเหรอ” อื้ม...ก็จริง หากเขารักเขาจะบอกเลิกหรืออย่างไร และการแต่งงานของเราก็แค่แต่งงานกันไม่ได้จดทะเบียน มันเลิกง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก “พี่ภูจะไปอยู่ไหนคะ” “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ร้าย...ปากเขาร้ายมาก นี่จะตัดขาดไม่ให้เธอพบเขาเลยใช่ไหม ก็ได้เธอจะปล่อยเขาไปก่อน แต่ทว่าเรื่องนี้ต้องได้รับความยินยอมที่ถูกต้องจากธงพานิชย์อยู่ดี เขาใช่จะเลิกได้ง่าย ๆ เมื่อไหร่กัน “พรุ่งนี้เย็นจะให้คนมารับไปด้วยกัน” “แยกกันเถอะค่ะ พูดมาขนาดนี้แล้ว” เธอก็มีมือมีเท้าจะงอมือให้สามีที่กำลังจะเป็นคนอื่นมาช่วยเหลืออีกได้ยังไง “ดี...ง่ายก็ดี” ใช่...เธอมันใจง่ายรักเขาไปแล้วนี่นา เขาพูดจบก็ลุกเดินออกไปโดยมีคนของเขามาขนของขึ้นรถตู้สีดำไปจากบ้านของเธอ และเป็นเธอที่ต้องเดินออกไปปิดประตู จบสิ้นแล้วเหรอชีวิตครอบครัวของเธอ ยายธาร! ธารมิกายามนี้ไม่มีญาติที่ไหนนอกจากพี่ชายที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ เพราะเป็นสำนักงานใหญ่ของธรรมวัฒน์ เธอคิดว่าหากต้องเลิกกันจริง ๆ ก็คงต้องซมซานไปหาพี่ชายที่ไม่เคยเห็นด้วยกับการแต่งงานที่คุณพ่อบังคับให้แต่ง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินเข้าครัวทำอาหารง่าย ๆ กินอย่างข้าวต้มเพราะได้กลิ่นคาวเล็กน้อยก็คลื่นไส้ ในวันถัดมาธารมิกามาถึงตั้งแต่ห้าโมงเย็น เพราะเลี่ยงรถติดจึงออกมาจากบ้านก่อน และเมื่อมาถึงเห็นว่าคุณย่าวาววิไลนั่งอยู่ในสวนจึงเดินเข้าไปทักทายอย่างหลานสะใภ้ที่ดี “สวัสดีค่ะคุณย่า” วาววิไลหันมาเห็นธารมิกาแล้วก็ส่งยิ้มให้ ยิ่งเห็นใบหน้าที่ดูมีน้ำมีนวลเล็กน้อยจึงถามถึงข่าวดี “หลานย่ามารึยัง” เอ่อ...คือว่า” ยังไม่ทันได้ตอบเสียงด้านหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน “คุณท่านคะ คุณภูธรมาแล้วค่ะ กำลังนั่งรอที่ห้องอาหารบ่นว่าหิวแล้วด้วยค่ะ” สุดาสาวใช้ในบ้านที่พ่วงด้วยสถานะเมียลับของลูกชายเจ้าของบ้าน และเป็นแม่แท้ ๆ ของภูธรแต่ไม่สามารถแสดงตัวตนให้ใครรับรู้ได้ กระทั่งลูกสะใภ้คนนี้สุดาก็ยังต้องวางตัวให้เป็นเจ้านาย “เห้อ...เจ้าหลานคนนี้ ไม่ได้มาด้วยกันแต่มาถึงก็หิวโซมาเชียว ให้ตั้งโต๊ะเถอะ แม่เขาล่ะอยู่ไหน” วาววิไลถามสุดา “คุณผู้หญิงกำลังคุมในครัวทำอาหารค่ะ รอคุณท่านไปนั่งก็จะตั้งโต๊ะ” ธารมิกามองท่าทางที่คุณป้าสุดามองเธอแปลก ๆ หลายครั้งออก แต่ครั้งนี้มองจ้องที่ท้องราวกับรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ แต่เธอยังไม่ได้บอกใครเลยนะ หรือว่าคิดไปเอง เอาเถอะรีบเดินไปดีกว่า สุดามองเห็นลูกสะใภ้แล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการบีบบังคับโดยที่ไม่รู้เรื่องราว เหมือนกับเธอที่ถูกขังอยู่บ้านหลังนี้ไปไหนไม่ได้เพราะเป็นห่วงลูก ธารมิกาเข้ามาพบว่าคุณแม่ออกมาแล้วเธอจึงยกมือไหว้ ก่อนจะเลี้ยวไปนั่งตรงใกล้กับเขาที่เป็นที่นั่งประจำของเธอ โดยเธอพยายามทำตัวลีบพร้อมมองสังเกตรอบ ๆ โต๊ะคล้ายกับจะดูว่าทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวกับที่เธอจะเลิกกับเขามาก่อนแล้วหรือเปล่า แต่กลับเห็นท่าทางที่เป็นปกติของทุกคนเธอก็คิดว่าคงจะยังไม่รู้ ดังนั้นเธอจะให้เขาเป็นคนพูด เมื่ออาหารตั้งบนโต๊ะพร้อมแล้วทุกคนก็ลงมือ บ้านธงพานิชย์ดูเหมือนจะเหลือแค่ผู้หญิง และมีภูธรเป็นผู้ชายหนึ่งเดียว แต่ทำไมนั้นเธอไม่เคยถาม เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อยากพูดถึง จนกระทั่งผ่านไปสักพักภูธรก็เริ่มเกริ่นเรื่องของเธอขึ้นจริง ๆ “คุณย่าครับ ผมทำให้ธงพานิชย์เข้าตลาดหลักทรัพย์ตามสัญญาได้แล้วครับ และนี่ก็สามปีแล้วถึงเวลาที่จะสิ้นสุดสัญญาแล้วใช่ไหมครับ” วาววิไลจากใบหน้าเบิกบานที่อยู่พร้อมหน้ากันต้องหุบยิ้มฉับ ก่อนจะเอ่ยขัดใจหลานชาย “แกพูดอะไร” พูดในสิ่งที่คุณย่าให้สัญญาเอาไว้อย่างไรครับ ผมมีสัญญาอยู่เผื่อคุณย่าแก่แล้วจะลืม” ธารมิกาไม่คิดว่ามีสัญญาบ้า ๆ อะไรเช่นนี้อยู่ด้วย เนื่องจากเธออยู่ใกล้จึงเห็นข้อความและเงื่อนไขที่ธงพานิชย์ตั้งเอาไว้ตรงเครื่องหมายดอกจัน *หากธารมิกาท้องและมีทายาท เขาจะหลุดพ้นจากธงพานิชย์รวมทั้งสัญญาอื่น ๆ เกี่ยวกับสุดาทั้งหมด เดี๋ยวนะนี่พวกเขาเห็นเธอเป็นแม่พันธุ์เอาไว้คลอดลูกให้ตระกูลนี้งั้นเหรอ ‘ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า’ *หากภายในสามปีสามารถนำธงพานิชย์เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ สัญญาแต่งงานก็สิ้นสุดด้วย รวมทั้งไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งใดอีกต่อไป และสามารถเลิกราจากธารมิกาได้ ธารมิกายกมือปิดปาก ร่างกายสั่นสะเทิ้ม ที่เข้าใจเสมอมาว่าเขาหลับนอนกับเธออย่างเร่าร้อน และบ่อยครั้งสามปีที่ผ่านมาคือเขาต้องการให้เธอท้องเพื่อจะเป็นอิสระจากเธองั้นเหรอ “นี่อะไรกันคะคุณย่า...ธารไปเกี่ยวอะไรกับสัญญาพวกนี้ ไม่ใช่ว่าคุณพ่อให้แต่งงานเพราะว่าสัญญาช่วยธุรกิจของธงพานิชย์เหรอคะ” ธารมิกาพูดปนสะอื้นอย่างน่าสงสาร จนสุดาปาดน้ำตาที่เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ถูกเอาเปรียบ “ตาภู...นี่แก...แกปีกกล้าแล้วงั้นสิ” “ครับ” เขาจะเลิกโดยที่จะไม่รับผิดชอบเธอเลยงั้นเหรอ แต่ว่าเธอไม่ยอมเด็ดขาด เรื่องพวกนี้เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยแม้ว่าแรกเริ่มคือการแต่งงานด้วยธุรกิจก็ตาม “แต่ธารไม่เลิก!” ธารมิกากำหมัด คนเหล่านี้จะใช้เธอเป็นหมากแล้วก็จะถีบหัวส่ง มันง่ายไปหน่อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD