ตอนที่ 1 เจ้าบ่าวจำเป็น
ภายในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ของโรงแรมดังอันดับหนึ่ง ถูกประดับประดา ตกแต่งด้วยดอกไม้สดนานาชนิด ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ตรงกลางด้านหน้าเวทีมีเค้กความสูงเจ็ดชั้น หรือเกือบ ๆสามเมตรตั้งตระหง่าน โดดเด่นสะดุดตา บรรดาแขกเหรื่อเรือนพันปรบมือจนเกิดเสียงดังสนั่น กึกก้องไปทั่วทั้งงาน เมื่อแสงไฟภายในห้องจัดเลี้ยงถูกหรี่แสงลง แล้วทดแทนด้วยไฟฟอลโล่ดวงใหญ่ สาดลำแสง ไปยังพรมทางเดินสีแดงกำมะหยี่ ซึ่งมีเจ้าสาวแสนสวยปรากฏตัวขึ้นมาสะกดทุกสายตาให้หยุดไว้เพียงเธอ
“เจ้าสาว สวยจังเลย”
“นั่นสิ สวยอย่างกับนางฟ้าแน่ะ”
“เอ...แต่คืนนี้ทำไมฉันยังไม่เห็นเจ้าบ่าวเลยนะ”
“นั่นสิ ตั้งแต่มางานยังไม่เห็นเจ้าบ่าวเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ท่ามกลางเสียงชื่นชมยินดี กลับมีประโยคคำถามมากมายแว่วมาเข้าหูไม่มีหยุดและกลับยิ่งมากขึ้น กระทั่งเจ้าสาวเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงกลางเวที เสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นจึงค่อย ๆ เงียบลง วีรดา สูดลมหายใจกลับเข้าไปในปอดลึก พยายามรวบรวมสติฉุดดึง ความกล้า ความมั่นใจ สติสัมปชัญญะ ทุกอย่างที่มันจะช่วยทำให้เธอผ่านค่ำคืนอันแสนเจ็บปวดนี้ได้ โดยที่เธอจะไม่ยอมปล่อยน้ำตาแม้แต่หยดเดียวไหลออกมาให้ใครเห็น แม้แต่พ่อแม่ ที่นั่งชะเง้อคอ มองหาเจ้าบ่าวไม่ต่างจากแขกเหรื่อคนอื่น ๆ
“ก่อนอื่นฉันขอกล่าวขอบคุณ แขกผู้เกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานแต่งงานของฉันในคืนนี้ เดิมทีงานนี้ถูกจัดขึ้น เพื่อฉลองการแต่งงานของฉันกับคู่หมั้น แต่เนื่องจากตอนนี้คู่หมั้นของฉัน เขาไม่สามารถมาทำหน้าที่เจ้าบ่าวได้ เพื่อไม่ให้ทุกท่านที่มาในงานเสียเวลา เสียความตั้งใจ ฉันอยากสอบถามถึงคุณผู้ชาย ที่อยู่ภายในงานนี้ ว่ามีคุณสุภาพบุรุษท่านใดที่อยู่ในสถานะโสด รบกวนช่วยยกมือขึ้นหน่อยได้หรือเปล่าคะ” วีรดาเจ้าสาวแสนสวย พูดทุกคำออกมาด้วยสีหน้าแววตาเด็ดเดี่ยวมั่นใจ ไร้ซึ่งแววตาแห่งความทุกข์ระทม ยิ้มหวานถูกคลี่ออกมาแจกจ่ายไปให้กับแขกในงานอย่างทั่วถึง
“ธนาโสด” หนุ่มน้อยวัยสี่ขวบครึ่ง กระโดดดึ๋ง เด้งตัวขึ้นมายืนบนเก้าอี้ แขนข้างหนึ่งชูขึ้นสูงจนสุดมือ มือเล็กกับนิ้วสั้นป้อมยกขึ้นมาป้องปากตะโกนดัง จนเจ้าสาวหันมายิ้มหวานด้วยความเอ็นดู
“ธนา ไม่เอาครับ อย่าซนสิ”
การันต์ หนุ่มหล่อวัยสามสิบสองปี รีบคว้าตัวหลานชายตัวป่วน ให้กลับลงมานั่งอย่างเดิม หากแต่เจ้าจิ๋วแสบที่วันนี้อยากทำตัวเป็นกามเทพ ไม่ใช่เพียงแค่คิดจะแผลงศร เพราะธนาหนุ่มน้อยยังแผลงฤทธิ์แกล้งน้าชาย ด้วยการประกาศก้องถึงสถานะหัวใจอันไร้คนดูแล
“น้ารันต์ของธนาก็โสดครับ น้ารันต์สามสิบสองขวบ แต่ยังไม่มีแฟนเลย”
แววตานึกเอ็นดู เบนจากเด็กน้อยช่างเจรจาไปยัง น้าชายตามที่ได้รับการแนะนำ วีรดากวาดตามองเหล่าบรรดาคนที่นั่งล้อมรอบโต๊ะ ซึ่งโซนพื้นที่นี้จัดให้สำหรับแขกระดับวีไอพีเท่านั้น อีกทั้งทุกคนที่นั่งล้อมวงอยู่มากกว่าครึ่ง เธอรู้จักพวกเขาดี เนื่องจากเป็นคนใน ‘ระดับเดียวกัน’ ดังนั้นจึงพออนุมานเดาได้ว่า พ่อหนุ่มการันต์คนนี้ก็ไม่ใช่ลูกตาสีตาสาธรรมดาแน่
“คุณยินดีขึ้นมาบนเวที เพื่อเป็นเจ้าบ่าวของฉันในคืนนี้ หรือเปล่าคะ” น้ำเสียงนุ่มนวลพูดเชิญชวนอย่างให้เกียรติ
“คือผม....” ริมฝีปากหยักขยับช้า ๆ
“โอเคฮะ” ยังคงเป็นหลานชายตัวป่วน ตอบรับข้อตกลงแทนน้าชายที่ได้แต่นั่งกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข
“ธนา!”
“น้ารันต์ ขึ้นไปหาเธอสิฮะ แฟนน้ารันต์สวยมากเลย”
“ฉันจะไม่บังคับคุณหรอกนะคะ ถ้าคุณไม่ยินดี...”
“ยินดีค่ะ ยินดีที่สุดเลย ไปสิรันต์ลุกขึ้นอย่าให้ภรรยารอนาน”
นารินทร์ พี่สาวฝาแฝดกระตุกแขนน้องชาย ที่เกิดห่างกันเพียงแค่สิบนาทีให้ลุกจากเก้าอี้ จากนั้นเดินจูงมือน้องชายขึ้นมาบนเวทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ยินดีด้วยนะรันต์ ในที่สุดก็หาเมียได้สักที” พี่สาวฝาแฝดยักคิ้วให้น้องชาย
“ฉันขอทราบชื่อคุณได้ไหมคะ” วีรดาส่งยิ้มพร้อมคำถามมายังผู้ชายที่ไม่ได้หาญกล้าอาสาขึ้นมาบนเวทีด้วยตัวเอง หากแต่ถูกทั้งพี่สาวและหลานชายยุงยงดันหลังขึ้นมา
“คือผม...การันต์ครับ” เสียงทุ้มเพียงแค่ฟังก็รับรู้ได้ถึงความสุภาพอ่อนโยน
“ค่ะ คุณการันต์ ถ้าหากคุณไม่เต็มใจ ไม่สบายใจที่จะก้าวมายืนอยู่เคียงข้างฉันตรงนี้ คุณสามารถปฏิเสธได้นะคะ ฉันเข้าใจดี”
ดวงตาคมมองตรงไปยังหญิงสาวในชุดเจ้าสาวแสนสวย การันต์มองลึกทะลุลงไปในแววตาคู่นั้น พลันนึกถึงคำประกาศอันน่าเศร้าแสนเจ็บปวด เดิมทีตอนได้รับการ์ดเชิญมางานแต่งงานคืนนี้เขาตั้งใจจะปฏิเสธ หากแต่เพราะครอบครัวรู้จักกับเจ้าบ่าว ในฐานะคู่ค้าคนทำธุรกิจ การันต์ไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะทำเรื่องใจดำกับคู่หมั้นของตัวเองได้ขนาดนี้
“ไม่เลยครับ ผมเต็มใจ”
“...........”
ประโยคขอบคุณ ถูกวีรดาเก็บกลืนมันลงไปพร้อมก้อนสะอื้น แห่งความตื้นตันใจ เวลานี้เธอทำได้เพียงส่งยิ้มให้กับผู้ชายแปลกหน้าที่เดินขึ้นมาบนเวที เปลี่ยนงานแต่งงานอันหนาวเหน็บเจ็บปวด ให้กลับมาอบอุ่นชื่นมื่นได้อีกครั้ง
“ผมจะยืนข้างคุณเอง” วีรดาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมือเย็นจนสั่น กระทั่งการันต์เอื้อมมือมาสัมผัส ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนานุ่ม ส่งผ่านความรู้สึกประหลาด ตั้งแต่ปลายเล็บขึ้นมาจนแตะสัมผัสหัวใจอันอ่อนไหวของเธอเอง
“ขอบคุณค่ะ”
แม้จะเป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย หากแต่พิธีแต่งงานยังถูกดำเนินต่อไป ท่ามกลางสักขีพยานจำนวนมาก วีรดารับแหวนแต่งงาน สวมมันลงบนนิ้วของการันต์อย่างไม่พอดีนัก เพราะขนาดของมันถูกวัดจากขนาดนิ้วอดีตคู่หมั้นของเธอ
เจ้าบ่าวจำเป็นหันไปมองแหวนเพชรในกล่องสีแดง รู้ว่าแหวนวงนั้นคงเป็นแหวนวงสำคัญที่คนเคยรักตั้งใจเลือกให้กับเธอ เจ้าบ่าวป้ายแดง ก้มลงมองสำรวจตัวเอง ก่อนจะถอดแหวนเพชรประจำตระกูลซึ่งสวมอยู่ออกมา
“วันนี้ ผมไม่ได้เตรียมแหวนสวย ๆ มาให้คุณ แหวนวงนี้ เดิมทีคุณปู่ท่านให้กับคุณย่า ส่งต่อมาให้พ่อของผม ผมตั้งใจว่าจะสวมแหวนวงนี้ให้กับภรรยาที่ผมรัก”
“คุณการันต์”
“คุณวีรดาครับ นับจากนี้ไปคุณคือภรรยาของผม ถึงแม้การแต่งงานนี้ มันอาจไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก แต่ผมขอสัญญาว่าตลอดชีวิตการแต่งงานของเรา ผมจะซื่อสัตย์และดูแลคุณอย่างดีที่สุด”
ความตั้งใจที่จะไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตา มาพังทลายลงทันที เมื่อแหวนเพชรเย็นเฉียบสัมผัสลงบนนิ้วเรียว วีรดาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงฝ่ามืออุ่นที่ลูบลงมาบนแผ่นหลังนั้น มันช่างอบอุ่นอย่างหาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้เลย
ขั้นตอนการส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ นารินทร์พี่สาวฝาแฝดอาสามาทำหน้าที่นี้แทนพ่อกับแม่ ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวเลยว่าได้สะใภ้สมใจอยากแล้ว
หลังจากประตูห้องบานใหญ่ถูกปิดกลับ คืนความส่วนตัวอันเงียบสงบกับคู่บ่าวสาว การันต์พยายามมองหาจุดที่ตัวเองสมควรยืนอยู่มากที่สุดในห้องนี้ โดยที่ไม่ทำให้วีรดาอึดอัด ต่อให้เวลานี้ทั้งคู่ได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยา หากทว่านอกจากชื่อ การันต์ก็ไม่รู้เรื่องราวอย่างอื่นเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เลย
“ขอบคุณนะคะ ที่วันนี้คุณช่วยกู้หน้าให้กับครอบครัวของฉัน” เจ้าสาวในชุดสวยเดินไปหยิบแชมเปญขวดใหญ่ขึ้นมาเปิด จากนั้นของเหลวสีขาวทองภายในใส่ลงไปในแก้วนำมายื่นให้การันต์
“ไม่เป็นไรครับ อันที่จริงพ่อกับแม่ ก็อยากให้ผมแต่งงานสักที” มือรับแก้วแชมเปญยกขึ้นดื่มอย่างช้า ๆ
“แล้วทำไมคุณถึงไม่แต่งงานล่ะ หน้าตาคุณก็ใช่ว่าจะขี้ริ้ว ขี้เหร่ หล่อกว่าพระเอกละครทีวี ดาราบางคนซะอีก ฐานะชาติตระกูลจัดอยู่ในระดับไม่ธรรมดาเลย” วีรดายกมือขึ้นมาอวดแหวนเพชรสลักชื่อสกุลของการันต์ ยืนยันคำพูดตัวเอง
ถึงแม้วีรดาจะเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเพื่อเรียนต่อหลายปี แต่นามสกุลดังของการันต์นี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าติดอันดับหนึ่งในห้าเศรษฐีเมืองไทย แล้วทำไมผู้ชายหล่อแสนสุภาพคนนี้ ถึงยังไม่มีสาว ๆ คนไหนจับจองกันนะ
“ฉันจะไม่เอาเปรียบคุณนะคะ ฉันจะไม่ใช้การแต่งงานครั้งนี้กักขัง เหนี่ยวรั้งคุณไว้กับฉันไม่ว่าจะเรื่องใด คุณยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ อย่างที่เคยเป็นมา อนาคตถ้าการแต่งงานกับฉัน ทำให้คุณอึดอัด ฉันยินดีที่จะหย่า เพื่อคืนอิสรภาพให้คุณ”
“คืนนี้เป็นคืนมงคล พ่อกับแม่ผมเคยบอกว่า คู่บ่าวสาวที่เข้าหอกันคืนแรก ต้องพูดคุยเรื่องการวางแผนอนาคต เช่น อยากมีลูกกี่คน ลูกสาว ลูกชาย อยากตั้งชื่อลูกว่าอะไร ผมว่าเรามาทำตามธรรมเนียมที่เป็นมงคลกันดีกว่าครับ”
การันต์นำแก้วแชมเปญวางลงไปบนโต๊ะ หยิบพานสีทองปูรองไว้ด้วยผ้าลูกไม้ประดับคริสตัลปักระยิบระยับ เดินนำมันมาวางลงบนเตียง จากนั้นบรรจงเก็บกลีบดอกไม้ ที่มีคนนำมาวางเรียงเป็นรูปหัวใจดวงใหญ่ เก็บมันใส่ลงไปบนพาน
“ว่ายังไงครับ คุณวีรดาวางแผนอนาคตเอาไว้ยังไง คุณอยากมีลูกสักกี่คน” เจ้าของใบหน้าคมคายเงยขึ้นไปมองเจ้าสาว
“ไม่รู้สิ แล้วคุณละคะ อยากมีลูกกี่คน” วีรดายกกระโปรงตัวเองขึ้นมาจากความเกะกะ แล้วมาช่วยเจ้าบ่าวจำเป็นกอบกำกลีบดอกไม้เหล่านั้นวางลงไปบนผืนผ้า
“อืม ผมเคยคิดเอาไว้ว่า ถ้าวันหนึ่งตัวเองแต่งงาน ผมอยากมีลูกเยอะ ๆ อาจจะสักสามหรือสี่คน”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจะมีลูกให้คุณ มากเท่าที่คุณต้องการ”
“ฮะ! อะไรนะครับ”