ท่ามกลางไฟแสงสีในที่อโคจรเป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดีที่ฉันไม่ค่อยชื่นชอบนัก แต่ก็ต้องยอมลุกขึ้นมาแต่งหน้าสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นเพียงเพราะไม่ต้องการที่จะสร้างความแปลกแยก
หลังจากขึ้นมหาวิทยาลัย ฉันและกลุ่มเพื่อนมัธยมก็ต่างแยกย้ายกันไปเรียนในวิชาชีพของตัวเอง ยัยเกรซไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตามคำสั่งของแม่ ส่วนยัยออมสินก็ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยที่พ่อเลือกให้ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากฉันไปหลายกิโลเมตร นั่นเลยทำให้ฉันไม่ต่างจากอยู่คนเดียวในที่ใหม่ ๆ เพราะฉะนั้นการหาเพื่อนใหม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มคนที่เพิ่งจะเห็นหน้าค่าตาเพียงไม่นานเพื่อผูกพันธมิตร
“เอ้า! ชนนน!!”
แก้วเหล้าถูกชูขึ้นสูงเหนือหัวด้วยบุคคลที่เมาลิ้นเปลี้ยแทบจะยันตัวไม่อยู่ ก่อนทุกคนที่นั่งร่วมวงจะยกแก้วขึ้นชนด้วยสายตาฉ่ำปรือ ไม่เว้นแม้กระทั่งฉัน
“อลิซ! ไปหนายวะ”
เสียงยานคางเอ่ยถามในจังหวะที่คว้าข้อมือของฉันเอาไว้
“ไปห้องน้ำ ไปไหม”
“อ๋อ...”
เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระ จากนั้นก็หันกลับไปชงเหล้าตามเดิม เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วฉันจึงเดินโซซัดโซเซมาเข้าห้องน้ำเพียงลำพัง แอบคิดถึงยัยเกรซกับยัยออมสินเหมือนกันแฮะ ป่านนี้ยัยสองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เจอเพื่อนใหม่ที่ดีไหม แล้วจะคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันกำลังคิดถึงอยู่ตอนนี้หรือเปล่า
คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่สักพักก็เดินมาถึงทางเข้าห้องน้ำ ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวขาเข้าไปก็ต้องหยุดชะงัก เพราะข้าง ๆ ห้องน้ำที่เป็นทางเดินไปสูบบุหรี่หลังร้านมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังสวมกอดและบดจูบกันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน
ฉันไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดรับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ แต่ที่ฉันหยุดชะงักจนต้องยืนนิ่งแล้วต้องขยี้ตาซ้ำให้มั่นใจว่าฉันไม่ได้เมาจนตาลายไปเองก็เพราะว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้าฉันในตอนนี้มันดันเหมือนกับ... แฟนเก่า
“ไอ้พี่กวิน”
ฉันหลุดเสียงพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มประมวลว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ทำไมโลกถึงได้กลมมากขนาดนี้
ตอนแรกที่เห็นก็ยังตกใจอยู่ แต่พอจ้องมองคนตรงหน้าเริงรักกันอย่างไม่อายสายตาผู้คนฉันก็เริ่มเจ็บใจขึ้นมา มันไม่ใช่ความเจ็บปวดทรมานคล้ายจะตายเหมือนช่วงแรก แต่มันแค่เจ็บใจที่ไม่เคยได้เอาคืนเขาเลยสักครั้ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเมาหรือนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นกำเริบ ฉันเริ่มกวาดสายตามองหาเป้าหมายสำหรับเริ่มภารกิจนี้ ก่อนจะไปหยุดสายตาที่ใครบางคน... ใครบางคนที่กำลังเดินลงมาจากบันไดชั้นบนของผับ เพียงเสี้ยวเดียวที่สายตาเราเผลอปะทะกัน วิญญาณฉันก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในห้วงภวังค์
หล่ออะไรขนาดนี้วะเนี่ย...
บอกตามตรงว่าเผลอมองอยู่นานจนเริ่มได้สติในจังหวะที่เขากำลังเดินมาทางนี้ ฉันจึงรีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ก่อนจะพรูลมหายใจออกจากปากหนัก ๆ เพื่อเรียกความกล้า
“พะ พี่คะ!”
เสียงที่เปล่งออกไปดังมากพอ เพียงแต่เสียงดนตรีที่ด้านหน้ากำลังเดือด เป็นเหตุให้คนร่างสูงที่เดินผ่านหน้าฉันไปไม่แม้แต่จะหยุดและหันมามอง ฉันเลยต้องวิ่งตามแล้วยกมือขึ้นไปคว้าแขนเขาไว้
“พี่คะ!”
ได้ผล! เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าสายตานุ่มลึกไม่ต่างไปจากท้องทะเลในยามวิกาลกำลังซุกซ่อนความรู้สึกบางสิ่งเอาไว้
“เอ่อ... หนูขอรบกวนหน่อยได้ไหมคะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นพูดกับคนร่างสูงพร้อมกับเขย่งปลายเท้า เนื่องจากส่วนสูงเราค่อนข้างที่จะห่างกันมาก
“ว่า...”
คำถามสั้น ๆ ออกจากปากของเขา ทว่าสีหน้ายังคงเดิมไว้ ซ้ำยังไม่ยอมโน้มลงมาคุย ปล่อยให้ฉันตะโกนฝ่าเสียงดนตรีจนคอแทบแตก
“พี่เห็นผู้ชายคนนั้นไหมคะ”
เขาหันไปมองตามครู่เดียว ก่อนจะหันกลับมาจ้องที่ฉันเชิงตั้งคำถาม
“เขาเป็นแฟนเก่าหนูค่ะ เราจบกันไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะเขานอกใจหนู พี่ช่วยแกล้งเป็นแฟนให้หนูควงไปเย้ยหน้าเขาได้ไหมคะ?”
ฉันกลั้นใจพูดออกไปจนหมด แล้วรอดูว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ และเป็นไปตามคาด เขานิ่งเงียบพร้อมกับเพ่งมองฉันด้วยสายตาที่ไม่ต่างไปจากเดิม นี่เขาทำเป็นอยู่หน้าเดียวหรือไงเนี่ย
“แล้วฉันจะได้อะไร”
นี่ฉันเป็นสาวน้อยผู้น่าสงสารนะ แค่ยืมควงไปเย้ยหน้าไม่ถึงนาที ทำไมต้องคิดเงินด้วยเล่า
“พี่อยากได้เท่าไหร่คะ”
“มั่นใจเหรอว่าให้ได้”
“มั่นใจสิคะ”
ฉันพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น บ้านฉันรวยติดหนึ่งในยี่สิบของประเทศเชียวนะ เขาจะเอาเยอะเท่าไหร่ล่ะ ถ้าไม่เกินแสนฉันจ่ายได้อยู่แล้ว
พึ่บ!
“พี่! ทะ ทำไรเนี่ย”
ฉันเบิกตาโพลงพร้อมกับยืนตัวเกร็ง เมื่อจู่ ๆ อีกฝ่ายก็โอบรอบเอวฉันเข้าไปชิดตัวจนกลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาปะทะเข้าหน้า
“ก็ให้แกล้งเป็นผัวไม่ใช่เหรอ เดินห่างเหินเป็นวาใครจะเชื่อ”
จริงด้วยแฮะ แต่... มันต้องชิดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เขาจะสิงร่างฉันอยู่แล้ว
“ฉันชื่อคินน์ เรียกว่าเฮียคินน์”
“หนูชื่ออลิซค่ะ ขอบคุณที่ช่วยหนูนะคะ”
“หึ ฉันไม่ได้ช่วย ฉันทำเพราะข้อแลกเปลี่ยน”
พูดจบก็กระชากตัวให้ฉันเดินตามอย่างไม่ทันตั้งหลักจนหน้าแทบคะมำ ก่อนจะมุ่งตรงมายังคู่รักที่บดจูบกันอยู่โดยที่ฉันยังไม่ทันได้เตรียมบทให้เขา
พลั่ก!
“ขอโทษครับ”
เขาแสร้งเดินไปชนผู้หญิงที่กำลังรั้งคอคนตรงหน้าเข้ามาจูบ เป็นเหตุให้ภารกิจของทั้งคู่หยุดชะงัก จังหวะนี้พี่กวินถึงได้เงยหน้าขึ้นมาดูและพบว่าเป็นฉันที่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ทั้งที่ใจของฉันกำลังเต้นโครมครามอย่างหนัก
“เมื่อกี้เธอถามฉันว่าจะพาไปไหนใช่ไหม? ฉันจะพาไปเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ”
เฮียคินน์แสร้งหันมาคุยกับฉันแล้วคล้องเอวเดินออกมาด้านหลังผับ ทั้งที่ฉันยังไม่ทันได้ปั่นประสาทไอ้แฟนเก่าตัวดีเลย
“อะไรเนี่ย หนูยังไม่ทันได้เหน็บแนมให้สาแก่ใจเลยนะ”
ฉันรีบกระซิบถาม ในขณะที่ยังเนียนเดินออกมาอย่างไร้พิรุธ
“เดี๋ยวมันก็ตามออกมา”
อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีใส่ใจเท่าที่ควรด้วยซ้ำ เขาพาฉันเดินมาเรื่อย ๆ ก่อนจะพบว่าเลยจุดสูบบุหรี่เข้ามาแล้วจะเป็นห้องวีไอพี ไอ้ผับนี้มันกว้างใหญ่อะไรขนาดนี้เนี่ย
แกรก!
เฮียคินน์ยกคีย์การ์ดขึ้นมาเปิดที่ประตูทางเข้าโซนวีไอพี ซึ่งน่าจะเป็นทางเข้าด่านแรก ข้างในนี้ดูซับซ้อนจนน่ากลัวแปลก ๆ แฮะ
“เข้าไปสิ”
“ฮะ เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”
“ก็อยากให้เนียนไม่ใช่เหรอ”
เขายกยิ้มเล็กน้อยอย่างมีแผนร้าย ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับไปมองด้านหลัง และพบว่าพี่กวินเดินตามเข้ามาจริง ๆ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอก็ชอบเล่นเสียวในที่แบบนี้ด้วย”
คนมาใหม่เอ่ยเหน็บแนมด้วยท่าทีฉุนเฉียว เขาตามมาได้ไงเนี่ย แล้วผู้หญิงที่เขายืนคลอเคลียอยู่เมื่อครู่นี้ล่ะ?
“แปลกตรงไหน ในเมื่อฉันมีปัญญาจ่ายห้องวีไอพีไว้เล่นเสียวกัน หรือว่า... ต้องเอาเมียไปยืนล้วงให้คนเขาดูแบบนายล่ะ มันถึงจะถูก”
“นี่มึงว่ากูเหรอ!”
ไอ้พี่กวินชี้หน้าด้วยความเดือดดาล เขาคงอยากพาลเพราะไม่อยากเห็นฉันไปเสวยสุขกับคนอื่น ก็แหงสิ คบกันมาสามปีได้มากสุดก็แค่จูบ เขาเกือบจะได้ครอบครองร่างกายฉันแล้ว ขอแค่ให้ฉันได้ขึ้นมหาวิทยาลัยก่อนตามที่เราตกลงกัน แต่สุดท้ายเขาก็รอไม่ได้
“แล้วตรงนี้มีหมาตัวอื่นให้กูว่าไหมล่ะ”
“ไอ้สัตว์!!”
คนโมโหเลือดขึ้นหน้าพุ่งเข้ามาฟาดหมัดใส่เฮียคินน์เต็มแรง แต่กลับช้าไปกว่าเท้าอีกฝ่ายที่ยกขึ้นมายันกลางอก เป็นเหตุให้เขาเซล้มไปด้านหลังอย่างหมดสภาพ แต่ยังไม่วายลุกขึ้นคว้าแจกันดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังเพื่อจะหาเรื่องต่อ
“กรี๊ดดด! เฮีย! ระวัง!”
เพล้ง!!
แจกันถูกโยนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ตัวฉันจะถูกคว้าเข้าไปกอดจนจมอก เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงแจกันแตกละเอียดดังอยู่ไม่ไกล
“เฮียเป็นอะไรไหม”
ฉันเงยหน้าขึ้นสำรวจ ยังไม่ทันที่จะได้โล่งใจเขาก็ผละออกจากการกอดรัด เพื่อไปฟาดฟันกับพี่กวินที่กำลังเดือดเป็นหมาบ้า
“แส่หาเรื่องนักนะมึง!”
ผลัวะ ผลัวะ!!
นาทีนี้ฉันทำได้เพียงยืนตัวสั่นเป็นลูกนก มองดูไอ้พี่กวินกำลังนอนคุดคู้อยู่ที่พื้นเพราะถูกเฮียคินน์กระหน่ำต่อยจนร่วง ซ้ำยังตามไปกระทืบจนคนถูกกระทำขดตัวงอเป็นกุ้ง
“พะ พอแล้วเฮีย!!”
เห็นท่าไม่ดีฉันจึงรีบปรี่เข้าไปรั้งแขนเขาออกมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กลุ่มรปภ. กรูเข้ามายังที่เกิดเหตุ
“เอามันออกไป!”
เฮียออกคำสั่งเสียงแข็ง กลุ่มชายร่างใหญ่ที่กรูเข้ามาก็รีบทำตามคำสั่งอย่างไม่อิดออด
“ครับคุณคินน์”
“แล้วจดแบล็กลิสชื่อมันไว้ อย่าให้เห็นไอ้เวรนี่เสนอหน้าอยู่ในผับของฉันอีก”
“...”
เมื่อกี้เขาว่าไงนะ ผับของฉันงั้นเหรอ... ไอ้ที่เขามีบัตรวีไอพีนี่ก็เพราะเขาเป็นเจ้าของผับงั้นเหรอ
ซวยแล้วอลิซ งานนี้แสนเดียวไม่พอแน่ ขอความร่วมมือผิดคนจริง ๆ เลย!