“ฉลาดนี่” เขาพยักหน้าให้ลูกน้องมือขวาหน้าบากเดินประกบตามเธอไปที่ประตูร้าน
เมื่อประตูเปิดออก ลูกน้องมือขวาหน้าบากขยับกายเข้าแอบด้านข้างประตูแล้วใช้ปืนจี้สะเอวเธอไว้ หากเธอบอกตำรวจ ไส้เธอจะเหมือนขนมปังไส้ทะลักทันที
“มีอะไรคะคุณตำรวจ?”
“ไม่ทราบว่ามีคนเจ็บมาขอการรักษาที่นี่บ้างรึเปล่าครับ พอดีว่ามีแก๊งค้ายาชาวจีนเปิดศึกกันที่โกดังร้างไม่ไกลจากที่นี่ พยานหลายคนบอกว่ามีคนร้ายวิ่งหลบหนีมาทางนี้หลายคน”
“แก๊ง? ค้ายาหรือคะ?” เธอกลืนน้ำลายเอื้อก อดนึกถึงลายมังกรตามเนื้อตัวคนพวกนั้นไม่ได้
“ครับ พอดีมีการยิงปะทะกัน มีคนบาดเจ็บหลายคนเลย บางทีพวกมันอาจจะมาที่นี่...”
“ที่นี่เป็นคลินิกรักษาสัตว์นะคะคุณตำรวจ” เพราะปืนในมือไอ้หน้าบากขยับเตือน เธอก็เลยต้องพูด “ถ้าคนร้ายเข้ามาที่นี่คงโง่เต็มทีแล้วค่ะ ที่นี่มีแต่หมากับแมว เราไม่ได้รับรักษาคนค่ะ”
“อ่อครับ แต่ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือว่ามีคนแปลกหน้ามาแถวนี้ช่วยแจ้งตำรวจด้วยนะครับ คืนนี้ตำรวจจะตระเวนแถวนี้ทั้งคืน แล้วก็ปิดประตูคลินิกให้เรียบร้อยนะครับคุณหมอ ใครมาเคาะเรียกก็ไม่ต้องเปิด เพราะอาจเป็นคนร้ายก็ได้”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณตำรวจ”
เมื่อตำรวจสามนายจากไปแล้ว ประตูคลินิกก็ปิดลงเหมือนเดิม มือขวาของแก๊งใช้ปากกระบอกปืนเขี่ยก้นเธอให้เดินกลับไปที่ห้องผ่าตัด ขณะหมาแมวที่เห่าจนเหนื่อยเริ่มจะหลับนอนกันบ้างแล้ว
“นี่คุณ เอาปืนออกไปจากก้นฉัน!” เขามองหน้าเธอด้วยสายตาเหี้ยมก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเก็บปืนไว้ในกระเป๋าเสื้อหนัง “อากาศร้อนจะแย่ ยังจะใส่เสื้อหนังทำเท่ คงเท่ตายล่ะ หน้ายังกับ...ปลาหมอ!”
“ผมฟังออก”
เธออ้าปากหวอ “เหรอ? คงอยู่เมืองไทยมานานแล้วสินะ ชื่ออะไรล่ะ”
“เข้าไป” น้ำเสียงเย็นชาสั่งการ
“รู้แล้วน่า!!!”
ลูกน้องมือขวาหน้าบากของแก๊งคุมตัวเธอกลับเข้ามาที่ห้องผ่าตัด หรือห้องเชือดก็ไม่รู้
อรนลินคิดว่าเวลาตายของเธอขยับใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว คำถามก็คือเธอจะทำยังไงดี เพราะเธอยังไม่อยากตาย ยังมีอะไรอีกมากมายในโลกนี้ที่เธออยากทำ
ไอ้คนโหดสุดของกลุ่มเดินเข้ามาในห้อง แล้วรายงานหัวหน้าด้วยภาษาจีน หมอนี่น่าจะบู๊สุดเพราะตามเนื้อตัวมีแผลเป็นหลายจุดทีเดียว บ่งบอกว่าผ่านสงครามมาเยอะ
“ด้านหลังเป็นป่าละเมาะครับพี่ฟง พวกเราน่าจะออกไปทางนั้นได้”
“อืม”
เขาตอบรับลูกน้อง ก่อนหันมองมาทางเธอด้วยสายตาไร้อารมณ์ สัตวแพทย์สาวที่ซวยที่สุด
“ตำรวจว่าไง”