ตอนที่ 7
มิตรภาพและความลับ
“กินอะไรดีล่ะลิน” นัทธมนถามอย่างเป็นกันเองนั่นก็ทำให้นลินนารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“พี่นัทล่ะคะ”
“พี่ว่าจะกินผัดซีอิ๊วน่ะ”
“งั้นลินเอาเหมือนพี่ค่ะ แม่ค้าจะได้ทำพร้อมกัน”
นัทธมนเดินไปสั่งอาหารกับแม่ค้าจากนั้นก็เดินกลับมานั่งรอที่โต๊ะ
นลินนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนยกภูเขาออกจากอก การได้ออกมาจากบรรยากาศอึมครึมของแผนกทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
“เป็นไงบ้างคะ วันแรกที่นี่” นัทธมนถามด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายอย่างเป็นห่วง
“ก็ดีค่ะ” นลินนายิ้มเจื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าเรื่องความไม่ชอบมาพากลที่เจอได้อย่างไร
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมดูลินนาดูเครียดๆ” น้ำเสียงของนัทธมนเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ ทำให้เธอรู้สึกไว้วางใจมากขึ้น
นลินนาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่เธอเจอในตอนเช้า
“คือวันนี้ลินตรวจสอบเอกสารแล้วเจอว่ามีการสั่งวัสดุที่ไม่ตรงสเปกหลายรายการเลยค่ะ อย่างเหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ หรือกระเบื้อง” เธอพูดเสียงเบาลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านัทธมนตั้งใจฟัง เธอก็เล่าต่อ
“ลินบอกใครหรือยัง”
“ลินบอกคุณมนตรี แต่คุณมนตรีให้ทำตามนั้นและบอกว่ามันเป็นเรื่องของเจ้านาย ห้ามสงสัย ห้ามซักถาม แล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดค่ะ” นลินนาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดระคนหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือดลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงท่าทีของคุณมนตรี
“แต่ลินก็บอกพี่”
“ก็ลินไม่รู้จะบอกใครนี้คะ ทุกคนทำงานกันเคร่งเครียดมากมีพี่นัทคนเดียวที่ยอมคุยกับลิน”
นัทธมนฟังอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเธอดูเครียดขึ้นมาทันที ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อยด้วยความกังวล เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พี่เองก็เคยเจอแบบที่ลินเจอมาก่อน” นัทธมนพูดเสียงแผ่วเบาดวงตาเศร้าลงเล็กน้อย
“หมายความว่าไงคะ พี่นัทก็เคยเจอเรื่องแบบนี้เหมือนกันเหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นาน พี่เองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเป็นโครงการใหญ่โครงการหนึ่งพี่เห็นว่าปูนซีเมนต์ที่สั่งมาไม่ตรงตามที่ระบุในสัญญาเลยลองไปบอกคุณมนตรี เขาก็พูดเหมือนที่พูดกับลินเป๊ะเลยค่ะ แถมยังขู่ด้วยว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครจะโดนไล่ออก”
นลินนารู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมงานคนไหนที่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
“แล้วพี่ทำยังไงคะ” เธอถามด้วยความอยากรู้และหวังว่าจะได้คำแนะนำ
นัทธมนส่ายหน้าช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัดใจก่อนจะพูดขึ้น
“พี่จะทำอะไรได้ล่ะ ถ้าเราเอาเรื่องนี้ไปบอกลูกค้าคนที่เดือดร้อนก็คือเรา พี่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้คุณมนตรีทำเองหรือเพราะเป็นคำสั่งของเจ้านายอีกที ถึงเราจะมีหลักฐานแต่พนักงานตัวเล็กอย่างเราจะเอาอะไรไปสู้กับหัวหน้าแผนกได้ล่ะ ตอนนี้พี่ก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาทำงานไป ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ค่ะ” เธอพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
นัทธมนเองก็หนักใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะงานสมัยนั้นหายากและเธอก็ทางบ้านให้ต้องรับผิดชอบอีกหลายชีวิต
นลินนาเงียบไปทันที ความผิดหวังถาโถมเข้าใส่ เธอเข้าใจความรู้สึกของนัทธมนเป็นอย่างดี เพราะเธอก็คิดแบบเดียวกัน จะเสี่ยงกับการตกงานในวันแรกของการทำงานได้อย่างไรกัน
“ลินไม่รู้จะทำยังไงดีเลยค่ะพี่นัท มันรู้สึกอึดอัดใจมากเลย”
นัทธมนเอื้อมมือมาจับมือนลินนาเบาๆ เพื่อปลอบโยน
“พี่เข้าใจนะลิน พี่เองก็รู้สึกแบบนั้นแหละค่ะ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ถ้ายังอยากทำงานอยู่ที่นี่” เธอมองนลินนาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“ก็จริงค่ะ ถ้าลินงัดข้อกับหัวหน้าตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานไม่กี่วันลินก็คงถูกไล่ออกแล้วประวัติการทำงานของลินก็คงแย่มาก จะมีบริษัทไหนกล้ารับลินทำงาน” หญิงสาวพูดอย่าปลงตก
“เอาเป็นว่าเราก็แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอค่ะ ไม่ต้องไปคิดมากเรื่องอื่นเลย ผัดซีอิ๊วมาแล้วเรากินกันดีกว่านะ”
“ค่ะพี่นัท ดูท่าทางอร่อยมากด้วยนะคะ”
นลินนากลับมาสนใจกับผัดซีอิ๊วตรงหน้า เหมือนไม่สนใจกับสิ่ง แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี การต้องเห็นความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเธอ
ทั้งสองสาวทานอาหารกลางวันต่อจนเสร็จสิ้น บรรยากาศเริ่มกลับมาผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่ในใจของนลินนาก็ยังคงมีก้อนหินหนักๆ วางทับอยู่ เธอรู้ว่างานที่เพิ่งได้มานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเธออาจจะต้องเผชิญหน้ากับความไม่ชอบมาพากลอีกหลายครั้งในอนาคต แต่ในวันนี้ เธอได้รู้แล้วว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว อย่างน้อยก็มีนัทธมนที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ
นลินนากลับมานั่งที่โต๊ะทำงานด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งกว่าเดิม คำพูดของนัทธมนที่บอกว่า ‘ทำอะไรไม่ได้’ ยังคงก้องอยู่ในหู เธอพยายามจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า แต่จิตใจกลับว้าวุ่น เธอเหลือบมองเอกสารการสั่งซื้อที่วางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ความผิดปกติเหล่านั้นยังคงเป็นเหมือนเงาตามติด ไม่ว่าจะพยายามลืมแค่ไหน มันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ
ตลอดบ่ายนลินนาพยายามทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่อยากให้ใครมองว่าเธอเป็นพนักงานใหม่ที่เชื่องช้า แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกผิดในใจที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวก็รีบเก็บของทันที หญิงสาวรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่วันนี้กำลังจะผ่านพ้นไป เธอเดินออกจากแผนกจัดซื้ออย่างเร่งรีบ ไม่ต้องการที่จะอยู่ให้นานไปกว่านี้ เธอต้องการกลับบ้าน เพื่อพักผ่อนและจัดการกับความเครียดที่ถาโถมเข้ามา
นลินนาเวลาเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟฟ้าเหมือนกับตอนเช้า บรรยากาศบนรถไฟฟ้าในช่วงเวลาเลิกงานเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก จิตใจของเธอยังคงจมอยู่กับเรื่องราวที่บริษัท
เมื่อมาถึงบ้านกลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก นลินนายิ้มอย่างโล่งใจเพราะเธอได้กลับมาสู่พื้นที่ปลอดภัยของตัวเองอีกครั้งเธอจะต้องทิ้งความไม่สบายใจให้หมดก่อนจะเดินเข้าบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอลลิน เป็นไงบ้าง วันแรกที่ทำงาน เหนื่อยไหมลูก” ป้าสุรีย์เดินออกมาจากห้องครัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะป้า” เธอโกหกคำโต พยายามฉีกยิ้มให้กว้างที่สุด เพื่อไม่ให้ป้าสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในใจของเธอ
“แล้วที่ทำงานเป็นไงบ้าง เพื่อนร่วมงานใจดีไหม หัวหน้าดุหรือเปล่า” ป้าสุรีย์ถามอย่างสนใจ
“ก็ดีค่ะป้า เพื่อนร่วมงานก็น่ารักดีค่ะ หัวหน้าก็ดีค่ะ ไม่มีอะไรน่ากังวลเลย” นลินนาพยายามควบคุมสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด พยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในแผนกเพราะไม่อยากให้ป้าสุรีย์ต้องกังวล
“งั้นก็ดีแล้วจ้ะ ไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นนะลูกป้าเตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วหิวหรือยัง”
“หิวแล้วค่ะป้า” นลินนาตอบรับอย่างร่าเริง พยายามแสดงให้ป้าเห็นว่าเธอมีความสุขดี เพื่อให้ป้าสบายใจ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ นลินนาก็ออกมาทานข้าวกับป้าสุรีย์ เธอเล่าถึงการในวันแรกที่ทำงาน เล่าถึงรุ่นพี่ที่ชื่อนัทธมนที่ช่วยสอนงานเธออย่างดี หญิงสาวรู้ดีว่าการโกหกไม่ใช่เรื่องดีแต่ในสถานการณ์แบบนี้ การบอกความจริงอาจจะทำให้ป้าสุรีย์ต้องเป็นกังวลมากเกินไป
ในค่ำคืนนั้น แม้จะทานข้าวและพูดคุยกับป้าจนคลายความกังวลไปได้บ้าง แต่เมื่อกลับมาอยู่ในห้องคนเดียว ความรู้สึกอึดอัดใจก็กลับมาอีกครั้ง นลินนานอนพลิกตัวไปมาบนเตียง พยายามคิดหาวิธีที่จะจัดการกับปัญหาที่เธอเจอในวันแรกของการทำงาน เธอไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครดีและถ้าเธอปล่อยเรื่องนี้ไปเธอจะสามารถทำงานในที่แห่งนี้ได้อย่างสบายใจจริงหรือ