กีรติการีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อจะคุยกับวิคเตอร์และหวังว่าเช้านี้ชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจพาเธอกลับกรุงเทพแต่ก็ต้องผิดหวังมาออกมาจากห้องนอนแล้วป้าภรณ์บอกว่าเจ้านายออกไปจากเกาะตั้งแต่เช้า
“เขาไปไหนคะป้าภรณ์ แล้วเย็นนี้จะกลับมาหรือเปล่า”
“ก็คงจะออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ แต่ตอนเย็นก็จะกลับมาค้างที่นี่คุณวิคเตอร์สั่งให้ป้าทำกับข้าวไว้รอแล้ว เช้านี้คุณกรีนต้องกินข้าวคนเดียวนะคะ ป้าทำข้าวต้มกุ้งไว้คุณคงไม่แพ้กุ้งใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ กินข้าวคนเดียวก็ดีเหมือนกันกรีนก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากนักหรอก” หญิงสาวเดินตามป้าภรณ์เข้าไปในห้องครัวและนั่งทานข้าวต้มจนหมดก็กลับเข้าห้อง จากนั้นยกแล็ปท็อปออกมานั่งทำงานต่อที่ห้องรับแขก เธอไม่ชอบนั่งทำงานในห้องนอนถึงแม้จะมีความเป็นส่วนตัวแต่เวลาเห็นเตียงนอนทีไรก็ง่วงทุกที
ในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ป้าภรณ์อยู่มั้ย” ผู้มาเยือนถามหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นในห้องรับแขก
“ป้าภรณ์ทำความสะอาดห้องนอนคุณวิคเตอร์อยู่น่ะ มีอะไรกับป้าภรณ์เหรอเดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูไปหาเอง” ท่าทางของผู้หญิงที่เดินเข้ามาเหมือนจะคุ้นเคยกับป้าภรณ์และดูคุ้นเคยกับที่นี่ดีกีรติกาจึงเลิกสนใจและนั่งทำงานของตนเองต่อ
“ป้าภรณ์”
“อ้าวลูกปลามาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
“ก็พี่เต้ไปตามบอกว่าเจ้านายให้มาช่วยป้าภรณ์ทำงานค่ะ ผู้หญิงที่อยู่ในห้องรับแขกเป็นใครเหรอคะป้า”
“แขกของคุณวิคเตอร์น่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นแขก ปกติหนูไม่เห็นคุณวิคเตอร์พาผู้หญิงมาที่นี่เลยหนูว่าน่าจะไม่ใช่แขกธรรมดาหรอก”
“เธอจะเป็นใครก็ช่างเถอะเรามีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายเลย มาช่วยป้าทำความสะอาดห้องดีกว่าเดี๋ยวต้องไปทำห้องคุณกรีนอีกห้องหนึ่ง”
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อกรีนเหรอคะ”
“ใช่เธอชื่อคุณกรีน”
“เธอสวยดีนะคะแต่เด็กไปหน่อยไม่เหมาะกับเจ้านายหรอก”
“เราไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์เจ้านายแบบนั้นนะลูกปลาเกิดเขามาได้ยินขึ้นแล้วโมโหเลิกจ้างเราขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ”
“หนูก็แค่พูดกับป้าภรณ์คนเดียวไม่พูดให้คนอื่นฟังหรอกค่ะ”
“ไปทำงานกันเถอะป้าไม่อยากเถียงกับแกแล้วลูกปลา”
หลังจากช่วยป้าภรณ์ทำความสะอาดและซักผ้าเรียบร้อยแล้วลูกปลาก็เดินมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
“ป้าภรณ์ให้หนูมาถามว่ากลางวันนี้คุณกรีนจะกินข้าวกับอะไร”
“อะไรก็ได้จ้ะแล้วแต่ป้าภรณ์เลยฉันกินได้ทุกอย่าง” เมื่อได้รับคำตอบแล้วลูกปลาก็เดินไปบอกป้าภรณ์ในห้องครัว
ในช่วงบ่ายทั้งบ้านเงียบสนิทกีรติกาเลยถือโอกาสเดินสำรวจบริเวณบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูงมีห้องนอนอยู่ประมาณสามถึงสี่ห้องมีห้องรับแขกที่เธอนั่งทำงานอยู่ถัดออกไปก็เป็นห้องครัวและมีส่วนของระเบียงที่ยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อรับลมทะเล
เมื่อสำรวจบริเวณด้านบนจนครบเธอก็ลงมาด้านล่างซึ่งไม่แปลกใจเลยที่เห็นผู้ชายที่ชื่อเต้นั่งเฝ้าอยู่เหมือนกับเมื่อวาน
“เขาให้นายเฝ้าฉันใช่ไหม”
“ครับ”
“นายไม่เบื่อรึไงที่ต้องมาเฝ้าฉันแบบนี้”
“ผมถือว่านี่คืองานครับ”
“นี่นายเต้ฉันมาคิดดูดีๆ แล้วฉันว่าที่นี่มันก็น่าอยู่เหมือนกันนะแต่จะให้ฉันอยู่แต่ในบ้านก็คงน่าเบื่อมากนอกจากชายหาดที่เห็นแล้วที่นี่ยังมีที่เที่ยวอื่นหรือเปล่าล่ะเช่นพวกน้ำตก ร้านอาหาร คาเฟ่หรือกิจกรรมทางน้ำต่างๆ อะไรพวกนี้น่ะ ฉันจะได้เล่นแก้เบื่อ”
“ไม่มีหรอกครับที่นี่เป็นแค่เกาะเล็กๆ เองมีบ้านอยู่แค่ไม่กี่หลัง”
“บ้านนายอยู่บนเกาะนี้ด้วยหรือเปล่าล่ะ”
“ครับแต่จะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง”
“คนที่นี่เขาทำอาชีพอะไรกันเหรอ”
“คุณอยากจะรู้ไปทำไมครับ”
“ก็ฉันเป็นนักเขียนนิยายฉันก็อยากรู้ข้อมูลเอาไปเขียนนิยายเยอะๆ นายพาฉันเดินดูรอบๆ เกาะได้ไหมล่ะฉันจะได้เก็บข้อมูล”
“ผมขอโทรถามเจ้านายก่อนว่าจะพาคุณไปได้ไกลแค่ไหน” ชายหนุ่มที่ชื่อเต้เดินเลี่ยงออกไปอีกทางหนึ่งจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาวิคเตอร์เพื่อขออนุญาตพาหญิงสาวไปเที่ยวรอบๆ เกาะตามที่เธอขอเมื่อคุยเสร็จเขาก็เขาเดินกลับมาอีกครั้ง
“เขาตกลงหรือเปล่านายเต้” หญิงสาวรีบถาม
“เจ้านายให้ผมพาคุณเดินดูรอบเกาะฝั่งนี้ได้ส่วนอีกฝั่งหนึ่งถ้าคุณอยากจะไปจริงๆ เจ้านายจะเป็นคนพาคุณไปเอง”
“ฝั่งที่นายพูดถึงมันเป็นอะไรเหรอ”
“ก็เป็นหมู่บ้านชาวประมงน่ะ แต่มันค่อนข้างอันตราย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณผมคงรับผิดชอบไม่ไหว เอาไว้ถ้าคุณอยากไปจริงๆ ก็รอวันที่เจ้าไหนว่างก็แล้วกันนะ”
“มันน่ากลัวอย่างที่นายพูดจริงๆ หรือเพราะเขากลัวว่าฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นกันแน่ล่ะ”
“ดูเหมือนคุณจะไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดถ้าอย่างนั้นผมพาคุณไปก็ได้แต่คุณวิ่งได้เร็วแค่ไหนล่ะ”
“หมายถึงอะไร”
“ผมก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละคุณวิ่งได้เร็วแค่ไหนเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเราต้องวิ่งให้เร็วที่สุด หมู่บ้านชาวประมงผู้ชายค่อนข้างเยอะและผู้หญิงสวยๆ แปลกหน้าอย่างคุณเดินลงเขาไปผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอดปลอดภัยกลับออกมาหรือเปล่า มันเคยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวบนเกาะและหลงเข้าไปโซนหมู่บ้านชาวประมงคุณรู้มั้ยเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“เธอก็ถูกผู้ชายพวกนั้นข่มขืนคืนยังไงล่ะ”
“จะบ้าหรือเปล่าบ้านเมืองมีกฎหมายนะแล้วคนแถวนั้นยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้ยังไง” กีรติกาไม่เชื่อที่เขาพูด
“เพราะนี่มันอยู่นอกเหนือน่านน้ำประเทศไทยนะคุณอะไรก็เกิดขึ้นได้”
“แล้วนักท่องเที่ยวคนนั้นเขาแจ้งความหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นคุณโดนแบบนั้นคุณจะกล้าแจ้งความไหมล่ะ เธอก็แค่กลับออกไปจากที่นี่เรื่องทุกอย่างก็เงียบลง”
“นายกำลังจะขู่ให้ฉันกลัวใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่ได้ขู่ครับ ถ้าคุณอยากจะไปจริงๆ ผมก็พาคุณไปได้แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราต้องวิ่งให้เร็วที่สุดคุณอยากไปจริงๆ ก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบ” เขามองหญิงสาวที่สวมรองเท้าแตะหูคีบสีชมพูหวานแล้วส่ายหน้า
“ฉันไม่ไปก็ได้” เมื่อเขาพูดแบบนี้กีรติกาก็เริ่มจะกลัวแต่เธอคิดว่าวันใดวันหนึ่งต้องหาโอกาสเพราะถ้าหากที่นั่นเป็นหมู่บ้านชาวประมงก็อาจจะมีเรือออกไปด้านนอกและเธอจะว่าจ้างเรือพวกนั้นให้ไปส่ง กีรติกายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ส่วนไหนแต่เขาบอกว่าอยู่นอกน่านน้ำของประเทศไทยถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นทางใต้แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นฝั่งอันดามันหรือฝั่งอ่าวไทยซึ่งเรื่องนี้เธอจะต้องหาข้อมูลอีกครั้ง