หลังจากจัดการเอกสารแฟ้มสุดท้ายแล้วเสร็จ ฟาบิโอจึงลุกจากโต๊ะทำงาน ขยับเท้ามาที่โซฟาตัวยาวที่มีร่างเล็กที่กำลังหลับสนิทของปาริมาอยู่บนนั้น ชายหนุ่มเห็นมาครู่หนึ่งแล้วว่าหญิงสาวพยายามต่อสู้กับความง่วงงุนอย่างเต็มกำลัง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะต่อสู้ไม่ไหว สุดท้ายจึงหลับไปทั้งที่อยู่ในท่านั่งแบบนี้
ดวงตาคู่คมกวาดสายตามองร่างแบบบางที่มีเสื้อคลุมผ้าแพรสีน้ำเงินเข้มของเขาคลุมเอาไว้อย่างละเอียด ก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่กำลังหลับตาพริ้ม
กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวหญิงสาวยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขา ฟาบิโอรู้สึกคุ้นกับกลิ่นนี้มาก เหมือนกับว่าเขาเคยได้กลิ่นแบบนี้มาจากที่ไหนสักที่ และได้กลิ่นแบบระยะประชิด แต่พยายามนึกเท่าไรก็ยังนึกไม่ออก
หรือว่าเขาจะเคยได้กลิ่นแบบนี้มาจากลลิตา
แต่ก็…
ไม่น่าจะใช่
ความคิดในหัวของฟาบิโอกำลังขัดแย้งกัน แวบแรกชายหนุ่มคิดว่าคงเคยได้กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบนี้มาจากลลิตา แต่ครู่ต่อมาก็นึกขึ้นมาได้ว่าลลิตามักจะใช้น้ำหอมยี่ห้อดัง ซึ่งจะให้กลิ่นฉุนมากกว่าจะให้กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบนี้
เมื่อคิดไม่ตกชายหนุ่มจึงเลิกคิด เขาทิ้งสายตาที่ใบหน้าเล็กของปาริมาอีกครู่หนึ่งแล้วเรียกเธอด้วยเสียงที่ดังพอประมาณ
“ปาริมา”
ฟาบิโอรออยู่พักนึง เมื่อไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจากคนที่ตัวเล็กกว่า ริมฝีปากหยักลึกจึงขยับอีกครั้ง ใช้น้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม
“ปาริมา”
ผลที่ได้รับยังคงเป็นเช่นเดิม ร่างแบบบางยังคงไม่ไหวติง ใบหน้าหล่อเหลา
ส่ายไปมาเบาๆ ก่อนจะขยับเท้าไปใกล้ร่างเล็ก โน้มตัวลงช้อนเอาคนขี้เซาขึ้นสู่อ้อมแขนในท่าเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาว นอกจากคนถูกอุ้มจะไม่รู้สึกตัวแล้ว ยังซุกซบใบหน้าเข้าหาอกอุ่นๆ ของเขาอีกต่างหาก
‘สบายจริงนะแม่คุณ’
ฟาบิโอต่อว่าปาริมาในใจอย่างเอ็นดู มุมปากของเขายกขึ้นสูง แววตาคู่คมดูเป็นประกาย แต่ก็เพียงชั่วเสี้ยววินาทีแล้วเลือนหายไป ชายหนุ่มกระชับร่างเล็กในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น กำลังจะขยับเท้าไปที่ประตูห้อง แต่จังหวะนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“เข้ามา”
เมื่อฟาบิโอเอ่ยปากอนุญาต ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มจึงถูกผลักเข้ามา ผู้ที่เข้ามาใหม่ก็คือติอาโก้ บอดี้การ์ดหนุ่มชะงักเท้า ดวงตาสีฟ้าฉายแววแปลกใจที่เห็นปาริมาอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายหนุ่ม แต่ก็เพียงแวบหนึ่งแล้วเลือนหายไป
“นายนั่งรอฉันก่อน เดี๋ยวฉันมา”
“ครับ”
เมื่อติอาโก้รับคำ ฟาบิโอจึงขยับเท้าออกไปนอกห้องพร้อมร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน โดยมีบอดี้การ์ดหนุ่มช่วยอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดประตูให้กว้างขึ้น
ติอาโก้มองตามร่างของเจ้านายหนุ่มไปจนลับสายตา ก่อนจะขยับเท้ามานั่งรอที่โซฟาตัวยาวตามคำสั่ง ใบหน้าคมคายตามสไตล์หนุ่มตะวันตกฉายแววครุ่นคิด
‘คุณฟาเอาจริงแล้วสินะ’
บอดี้การ์ดหนุ่มเผยรอยยิ้มบางเบา เมื่อคิดถึงเรื่องราวของผู้เป็นนาย เขารับใช้ฟาบิโอมานาน และก็นานพอจะรู้ว่าเจ้านายของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เขาห่วงก็แต่สาวน้อยอย่างปาริมาเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเจ้านายของเขาได้หรือเปล่า
และเขาเองก็คิดว่าปาริมาไม่มีทางรับมือเจ้านายของเขาได้ง่ายๆ แน่
ฟาบิโอวางร่างเล็กของปาริมาลงบนเตียงขนาดสามจุดห้าฟุตภายในห้องนอนของหญิงสาว เขานั่งลงบนเตียงแล้วช่วยจัดท่าให้เธอได้นอนอย่างสุขสบายพร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมให้ร่างเล็กที่ยังคงหลับสนิท
แสงพระจันทร์จากด้านนอกที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างที่กำลังพลิ้วไหวตกกระทบลงบนในหน้าเกลี้ยงเกลาตรึงสายตาของฟาบิโอเอาไว้ ชายหนุ่มไม่อยากละสายตาจากใบหน้างดงามหมดจดเลยสักนิด แต่ก็พยายามหักห้ามใจเอาไว้ ลมหายใจพรืดใหญ่ถูกพ่นออกมาก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นยืน ทิ้งสายตาที่ร่างเล็กที่ยังคงหลับสนิทอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าจากไป โดยไม่ลืมกดล็อกประตูให้อย่างเสร็จสรรพ
ฟาบิโอก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ร่างสูงสาวเท้าไปที่เก้าอี้ตัวเดิมที่เคยนั่งดูแฟ้มเอกสารก่อนหน้านี้ เขาขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง ส่วนติอาโก้ก็ขยับเท้ามาหยุดตรงหน้าเจ้านายหนุ่มทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องออกปากสั่ง
“พรุ่งนี้ให้คนเตรียมรถแปดโมงเช้านะ ฉันจะเข้าไปที่โรงแรม แล้วก็บอกคุณปรางด้วยว่าช่วงบ่ายให้เรียกหัวหน้าแผนกทุกแผนกเข้าประชุม ย้ำว่าทุกแผนก”
“ครับ”
ติอาโก้รับคำ แม้มุมปากจะไม่ได้ยกยิ้ม หากแต่ก็ไม่อาจซ่อนแววตาที่กำลังเผยรอยยิ้มเอาไว้ได้ เมื่อคิดถึงเรื่องของเจ้านายหนุ่มกับสาวน้อยผู้น่าสงสารอย่างปาริมาที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อของเจ้านายเขาโดยไม่รู้ตัว
“นายกำลังยิ้ม”
ฟาบิโอเอ่ยเสียงเข้มเมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าของติอาโก้ นัยน์ตาสีเทาอ่อนจ้องบอดี้การ์ดคนสนิทตาเขม็ง หากเป็นลูกน้องคนอื่นคนเกรงกลัวฟาบิโอจนหัวหดไปแล้ว
แต่ไม่ใช่กับติอาโก้
เพราะนอกจากติอาโก้จะรับใช้ฟาบิโอมานาน เขายังเป็นคนที่ฟาบิโอไว้ใจมากที่สุด ในยามที่อยู่กันสองคน ความสัมพันธ์จึงดูคล้ายเพื่อนมากกว่าจะเป็นเจ้านายกับลูกน้อง
“ผมเปล่าครับ”
แม้จะปฏิเสธ แต่ทว่าดวงตาสีฟ้าของบอดี้การ์ดหนุ่มกลับเป็นประกายเจิดจ้ามากขึ้นกว่าเดิม ซ้ำยังค่อยๆ เผยรอยยิ้มบางเบาที่มุมปาก
“ถ้านายไม่อยากโดนเตะก็บอกฉันมาว่านายยิ้มอะไร”
ใบหน้าหล่อเหลาของฟาบิโอดูตึงขึ้น เหมือนบอดี้การ์ดคนสนิทเอาแต่ปฏิเสธ ไม่ยอมเปิดปาก พานคิดไปถึงเจ้าของกลิ่นกายหอมอ่อนๆ รายนั้นก็เอาแต่ปิดปาก กว่าจะคาดคั้นให้พูดได้ทำเอาเขาหงุดหงิด
นี่มันวันบ้าบออะไรของเขาก็ไม่รู้
หงุดหงิดชะมัด
“ผมยอมรับก็ได้ครับว่าผมยิ้ม ที่ผมยิ้มเพราะเห็นคุณฟามีความสุขน่ะครับ”
“มีความสุข ฉันมีความสุขเรื่องอะไร”
ฟาบิโอไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองกำลังมีความสุขตั้งแต่เมื่อไรกัน งานล้นมือแบบนี้เนี่ยนะ ที่ติอาโก้เรียกมันว่าความสุข
ไม่สุขเลยสักนิด
“ก็...สุขที่ได้อุ้มสาวมั้งครับ”
น้ำเสียงของติอาโก้เจือความขบขันเอาไว้ด้วย สีหน้าก็ดูรื่นเริงมากกว่าเดิม เรียกว่าไม่เหลือมาดเข้มของบอดี้การ์ดยามที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเลยสักนิด
“ไร้สาระ”
ฟาบิโอสวนกลับ แต่น้ำเสียงที่ตอบออกไปไม่ได้มั่นคงนัก นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ติอาโก้ทราบว่าเจ้านายหนุ่มกำลังปกปิดบางอย่างเอาไว้ ซึ่งก็แน่นอนว่าปิดเขาไม่ได้ หากเป็นในยามปกติ เรื่องไหนที่ไม่จริง ฟาบิโอจะปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง แต่หากเรื่องไหนมีส่วนที่เป็นเรื่องจริงแล้วละก็ น้ำเสียงที่ใช้ก็จะดูอ่อนลงอยู่หนึ่งส่วน
ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ
“ครับ”