ตอนที่ 3 เด็กขัดดอก...(1)

1106 Words
ยี่สิบปีก่อนหน้านี้...ไร่เพียงดาว จ.เชียงใหม่ นายแพทย์ภูผา สินธนาสิริ ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมองชื่อดังพาครอบครัวของเขาเดินทางมาเยี่ยมพี่ชายและพี่สะใภ้ซึ่งเป็นเจ้าของไร่แห่งนี้พร้อมกับภรรยาแสนสวยอย่าง จารุกัญญ์ และลูกๆ ทั้งสาม ภูมิภัทร บุตรชายคนโตวัยสิบห้าปี เดินนำน้องสาววัยสิบสองอย่าง ภูริตา ที่จูงมือน้องชายคนเล็กวัยเจ็ดขวบอย่าง ภูมิรพี ให้เดินเคียงกันมา “ทำไมบ้านเงียบจังล่ะจ๊ะแสง” จารุกัญญ์ซึ่งเป็นลูกสาวบุญธรรมของ แม่เลี้ยงดารณี และ พิภพ อดีตแพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทางด้านเดียวกันกับน้องชายอย่างภูผาเอ่ยถามกับสาวใช้ที่เดินออกมาต้อนรับโดยมีสาวใช้อีกสองคนเข้ามาช่วยกันลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในบ้านไม้สักหลังใหญ่ “พ่อเลี้ยงไปธุระในเมืองค่ะ ส่วนแม่เลี้ยงกำลังคุยกับแขกอยู่ที่สวนกุหลาบหลังบ้านค่ะ ท่านบอกว่าถ้าคุณจ๋ามาถึงแล้วให้ไปหาท่านที่สวนด้วยค่ะ” “อ้าวเหรอจ๊ะ งั้นเดี๋ยวจ๋ามานะคะคุณภู ฝากดูแลเด็กๆ ด้วยนะคะ” เธอหันมาบอกสามีที่เคยมีสถานะเป็นคุณอามาก่อน “ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลลูกเอง เธอไปเถอะ” “งั้นฝากแสงหาขนมให้พวกเด็กๆ หน่อยนะจ๊ะ” “ได้ค่ะคุณจ๋า” สาวใช้รับคำสั่งก่อนจะแยกตัวออกไป จารุกัญญ์จึงได้เดินไปทางประตูด้านหลังและทะลุไปยังสวนกุหลาบของมารดา และที่ศาลาไม้กลางสวนเธอก็เจอกับมารดาและชายหญิงอีกสองคนโดยมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่งพับเพียบด้วยท่าทางเศร้าหมองนั่งอยู่ข้างกัน “สวัสดีค่ะแม่ดา เห็นแสงบอกว่าแม่บอกให้หนูมาหาที่นี่ มีอะไรรึเปล่าคะ” จารุกัญญ์ยกมือขึ้นไหว้มารดาซึ่งเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่กับเธอหลังจากที่เธอต้องสูญเสียบิดามารดาเพราะพวกเขาช่วยชีวิตท่านเอาไว้จนทำให้พวกเขาต้องจากไปพร้อมกัน จากลูกคนงานฐานะต้อยต่ำจึงได้กลายมาเป็นคุณหนูจ๋าของไร่เพียงดาวแห่งนี้ “มาแล้วเหรอลูก มานั่งข้างแม่สิจ๊ะ แม่มีใครบางคนจะแนะนำให้หนูรู้จัก ส่วนพวกเธอสองคนหมดธุระแล้วก็กลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลแม่หนูนี่ให้ดีที่สุด จนกว่าพวกเธอจะกลับมารับตามสัญญา แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าอีกหนึ่งปีฉันยังไม่เห็นหน้าพวกเธอสองคน เด็กคนนี้จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของฉันคนเดียว พวกเธอจะไม่มีวันได้อยู่กับเค้าอีก แล้วก็อย่ามาหาว่าฉันใจร้ายทีหลังก็แล้วกัน” แม่เลี้ยงดารณี บอกด้วยน้ำเสียงที่น่ายำเกรงแต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความเมตตาอยู่มาก แม้จะอยู่ในวัยเกษียณและปล่อยให้ลูกชายคนโตอย่าง ขุนเขา คอยดูแลและบริหารที่นี่แทน แต่ท่านก็ยังเต็มไปด้วยบารมีไม่ต่างจากตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ครับแม่เลี้ยง พวกเราสัญญาว่าอีกไม่เกินหนึ่งปีจะมารับลูกกลับไปแน่นอนครับ ยังไงก็ฝากแม่เลี้ยงเมตตาแกด้วยนะครับ” “อืม บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง คนอย่างฉันไม่คิดจะรังแกเด็กอยู่แล้วล่ะ” ได้ยินอย่างนั้นสองผัวเมียก็รีบยกมือไหว้ก่อนจะลุกขึ้น แต่เด็กน้อยเนื้อตัวเปรอะเปื้อนก็รีบคว้ามือพวกเขาไว้ “พ่อจ๋าแม่จ๋า จะทิ้งหนูไว้ที่นี่จริงเหรอจ๊ะ” เด็กน้อยเอ่ยถามทั้งน้ำตา สร้างความสะเทือนใจให้กับแม่เลี้ยงและจารุกัญญ์อยู่ไม่น้อย “อย่าร้องนะลูก ไว้พ่อกับแม่จะรีบกลับมารับนะ หนูอยู่นี่ก็ตั้งใจทำงานไปล่ะ อย่าทำตัวมีปัญหากับแม่เลี้ยงท่าน รู้มั้ย” คนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะของลูกพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอ “ฮึก...พ่อกับแม่รีบกลับมานะจ๊ะ หนูจะรอ” สองผัวเมียไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาแค่กอดลูกเอาไว้ก่อนจะปล่อยมือนั้นแล้วรีบเดินจากไปทั้งน้ำตา ปล่อยให้เด็กน้อยได้แต่มองตามตาละห้อยแต่ก็ไม่ได้วิ่งตามไปเพราะรู้ดีว่าเธอมาที่นี่เพื่ออะไร และถ้าเธอไม่ยอมอยู่ พวกท่านจะต้องเดือดร้อน นี่คือสิ่งที่เธอได้รับรู้เมื่อคืนนี้ก่อนที่พวกท่านจะพาเธอมาที่นี่ในตอนสาย “นี่มันเรื่องอะไรกันคะแม่ดา” จารุกัญญ์หันมาถามมารดาทันทีเมื่อสองผัวเมียลับสายตาไปแล้ว “สองคนนั้นติดหนี้แม่น่ะ แต่พอถึงกำหนดแล้วไม่มีเงินมาใช้คืน ก็เลยเอาลูกสาวมาทิ้งไว้แทนดอกเบี้ยก่อน เห็นว่าจะขอเวลาไปหาเงินอีกสักปี แล้วจะรีบมาไถ่ตัวลูกคืน” “อะไรกันคะ ทำไมเค้าถึง...” “เค้าก็คงไม่อยากทำหรอกลูก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ” ท่านบอกพลางถอนหายใจเฮือก ความจริงท่านก็ไม่ได้อยากรับเด็กมาเป็นตัวประกันเอาไว้แบบนี้ แต่ที่ยอมก็เพราะเห็นแก่อนาคตของเด็ก ไม่รู้ว่าหากสองคนนั้นพาลูกตะลอนหาเงิน เด็กจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแค่ไหน อย่างน้อยถ้าท่านรับเธอมาไว้ดูแล ภายในหนึ่งปีจากนี้เธอก็จะไม่มีวันลำบาก หลังจากนั้นก็คงแล้วแต่บุญแต่กรรมของเด็กคนนี้เอง “แล้วที่แม่ดาเรียกหนูมาหา เพราะแม่มีอะไรจะให้หนูทำรึเปล่าคะ” “ใช่จ้ะ แม่เองก็แก่แล้วจะให้มาดูแลเด็กตัวกะเปี๊ยกเหมือนตอนที่ดูแลหนูก็คงจะไม่ไหว ถึงจะแค่ปีเดียวก็เถอะ อีกอย่างตอนนี้คนงานในไร่ก็มีมากหน้าหลายตา แรงงานต่างด้าวก็มีไม่น้อย แม่ก็ห่วงความปลอดภัยของเด็กน่ะ เลยว่าจะฝากให้หนูพาไปดูแลที่กรุงเทพฯ จะดีกว่า ให้เด็กมันคอยช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ เดี๋ยวพอพ่อแม่เค้ามารับ แม่จะโทรไปบอกอีกทีแล้วหนูค่อยพากลับมาส่งละกันนะ” “ได้สิคะ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่...หนูชื่ออะไรจ๊ะ” จารุกัญญ์หันไปมองสบตาเด็กน้อยที่ยังมีน้ำตาอาบแก้ม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD