ตอนที่หญิงสาวเข้าไปข้างในห้องหลังจากที่เคาะส่งสัญญาณให้ทริสตัน เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ แฟ้มเอกสารกองสุมไปทั่วโต๊ะ บางส่วนลงมากองอยู่กับพื้นข้างโต๊ะด้วย เห็นได้ชัดว่าปริมาณงานของเขาเยอะมากจริงๆ แน่นอนว่าคนที่ต้องเก็บแฟ้มเหล่านั้นก็คือเธอนี่แหละ
หญิงสาวก้าวเข้าไปตรงหน้าเขา จมูกได้กลิ่นกาแฟเข้มข้นผสมกับกลิ่นบุหรี่ที่ทำให้เธอถึงกับพะอืดพะอมขึ้นมาทันที หูเธอได้ยินเขาเจรจากับปลายสายทางโทรศัพท์มือถือรัวเร็วเป็นภาษาอังกฤษ ดูท่าจะเป็นงานด่วนของอีกซีกโลกหนึ่ง
ทริสตัน กวินภัทร แมคไกวร์...เจ้านายหนุ่มของเธอเป็นลูกเสี้ยวอเมริกัน ทว่าถึงอย่างนั้นด้วยความที่ถูกเลี้ยงดูที่อเมริกาเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ทริสตันมีลักษณะท่าทางของคนต่างชาติมากกว่าคนไทย ดวงหน้าของเขาขาวคม คิ้วเข้มจัด และริมฝีปากแดงสดนั้นขับให้ดวงหน้าของเขายิ่งดูหล่อเหลางดงาม ทริสตันเหมือนส่วนผสมดีๆ ที่พระเจ้าบรรจงสรรค์สร้าง ถึงเขาจะมีดวงหน้าแบบนี้เหมือนน้องชายของเขา ทว่าไม่รู้ทำไมมาธวีสามารถแยกเขากับน้องชายฝาแฝดออกได้อย่างชัดเจน...
มาธวีมองทริสตัน เธอกับเจ้านายคนนี้ไม่สนิทกันเลย แม้จะทำงานด้วยกันมากว่าสามปี เหมือนมีเส้นกั้นบางอย่างระหว่างเธอกับเขา แยกเธอกับเขาออกจากกันอย่างชัดเจน เธอรู้ดีว่าทริสตันไม่ใช่คนถือตัว เขาเป็นเจ้านายที่ดีและยุติธรรม แต่กับเธอนั้นท่าทางของเขายามมองเธอในบางครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นก็ทำให้เธอไม่สบายใจ เธอไม่เคยอ่านสายตาของเขาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ในยามมองเธอ เขามองเหมือนประเมินอะไรสักอย่าง ทว่าเมื่อเธอรู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นก็กลับมาเรียบเฉยเยือกเย็นเหมือนเคย
มาธวีไม่ได้คิดไปเองว่าเขามองเธอเหมือนจับผิด มองเหมือนเธอแตกต่างจากทุกคนที่อยู่ใต้อาณัติของเขา มาธวีเคยเกือบหมดความอดทนและถามเขาว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า แต่ก็ระงับเอาไว้ได้ เพราะคิดอีกแง่ได้ว่าเธออาจจะคิดไปเองก็ได้ เพราะถึงเวลาทำงาน เขาก็เป็นเจ้านายที่ปกติคนหนึ่ง อีกอย่างเขาเป็นผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิง ทริสตันจะสนิทกับอาชวินมากกว่าเธอก็ไม่เห็นจะแปลก และการทำงานกับทริสตันก็ดีกว่าเจ้านายเก่าของเธอมาก มาธวีจึงปล่อยเรื่องนี้ไปตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกับทริสตันมา
เธอรอทริสตันคุยธุระของเขาอยู่หลายนาทีโดยไม่กล้าแทรกอะไร ทว่าเมื่อทำท่าจะวางแฟ้มงานไว้ให้ ทริสตันกลับมองเธอเหมือนไม่ให้เธอออกไปไหน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะบางครั้งเจ้านายหนุ่มก็จะซักถามเรื่องงานกับเธอบ้าง เพราะเขารู้ว่าข้อมูลไหนเธอเป็นคนรวบรวมหรืออาชวินเป็นคนรวบรวม มาธวีเลยต้องยืนคอย แต่สถานการณ์ในห้องนี้ไม่ดีสำหรับเธอเสียเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทริสตันสูบบุหรี่ในห้อง ปกติเธอไม่รู้สึกอะไร ทว่าวันนี้กลิ่นของมันทำให้เธอมึนหัวเสียจนไม่สามารถระงับเอาไว้ได้ เธอพยายามจะทรงตัวให้อยู่ แต่กลับพบว่านั่นเป็นเรื่องลำบากสำหรับเธอเป็นอย่างยิ่ง มาธวีรู้สึกว่าดวงตาพร่าเบลอมากขึ้นทุกที แขนขาหนักอึ้ง และในที่สุดเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
ทว่าถึงอย่างนั้น เสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก็เป็นน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เรียกชื่อเธอดังลั่นด้วยความตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“ผึ้ง!!!”
..................................................................................
มาธวีมอง ทริสตัน กวินภัทร แมคไกวร์ เงยหน้าขึ้นมามองเธอ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบจะเหมือนสีทองของเขาจ้องมองเธอนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาจนทำให้ผู้พบเห็นใจสั่นอยู่ไม่ไกลจากใบหน้าของเธอ ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดสูทเหมือนจะข่มให้เธอดูตัวเล็กจ้อยมากขึ้น มาธวีได้กลิ่นน้ำหอมเย็นๆ จากตัวเขา ทว่ามันกลับไม่ได้ทำให้คนที่ได้กลิ่นอย่างเธอใจเย็นสักนิด กลับทำให้เธอรู้สึกร้อนรนไม่สบายใจ
ดูเหมือนทริสตันจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว คงจะใช้ห้องพักผ่อนเล็กที่อยู่ติดกับห้องทำงานนี้นั่นแหละ รวมถึงกลิ่นบุหรี่ในห้องนี้ก็คล้ายกับถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เธอฟื้นขึ้นมา มาธวีพบว่าตัวเองนอนอยู่ภายในห้องพักผ่อนเล็กของทริสตัน เธอมองเห็นร่างสูงใหญ่เลือนรางตอนที่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาดูสูงเพรียว สง่างาม และเต็มไปด้วยอำนาจที่กดให้เธอรู้สึกต่ำต้อยกว่าเขาเสมอ ตอนที่เธอค่อยๆ ลุกขึ้น อาชวินก็ก้าวเข้ามาหาเธอ อีกฝ่ายบ่นเธอยกใหญ่ที่เป็นลม ไม่สบายก็ไม่ยอมบอกอะไรเขา ขณะที่เจ้าของห้องนั้นไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ก้าวออกไปจากห้องนอนเล็กนั้นแล้ว
กระทั่งเธอได้สติครบสมบูรณ์ อาชวินก็ซักถามเธออย่างห่วงใยแล้วจึงบอกเธอว่าให้ออกไปพบกับทริสตัน จากนั้นเขาก็เดินนำเธอออกไป แล้วทิ้งให้เธอเผชิญหน้ากับคนเป็นเจ้านายตามลำพัง
มาธวีเม้มปากแน่น พยายามระงับไม่ให้ตัวเองสั่นกับความใกล้ชิดที่ผิดปกตินี้
ทริสตันไม่เคยเรียกพบเธอเป็นการส่วนตัวอย่างนี้สักครั้ง แม้กระทั่งหลังจากเรื่องคืนนั้นก็ไม่เคย ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นเพราะเขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเป็นเธอ ในเมื่อตอนที่เธอหนีออกมาเขายังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่เขาขย้ำกินไปทั้งคืนจะเป็นเธอ
แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิดไปทั้งหมด มาธวีตัวชาวาบ แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความรู้สึกอ่อนแรงในยามที่เขาเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มว่า
“คุณท้องใช่ไหมมาธวี...”
“...”
มาธวีรู้ว่าตัวเองคงจะหน้าซีดเผือดอย่างแน่นอน เธอไม่กล้าเงยหน้ามองเขา ขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงจนแทบจะโลดออกมานอกอก
ถึงกระนั้นมาธวีก็เม้มปากแน่น ไม่ยอมตอบอะไร
“เด็กในท้องนั่น...”
เธอรู้สึกได้ว่าร่างสูงใหญ่ประชิดเข้ามาหาเธอมากกว่าเดิม รับรู้ได้ถึงความร้อนจากร่างกายของเขาที่แผ่ซ่านเหมือนจะแทรกซึมคุกคามเธอ กระทั่งรับรู้ได้ถึงมือใหญ่ที่กระชับบนไหล่เล็ก บังคับให้เธอสู้หน้าเขา เธอเลยเงยหน้ามองเขาตามสัญชาตญาณ และนั่นทำให้เขาเอ่ยประโยคสุดท้ายที่ค้างคาออกมาจนหมดสิ้น
“...เป็นลูกของผมใช่ไหม”