11

1436 Words
คนตัวเล็กกว่าตรงหน้าเขาตัวสั่นเทา เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอกลัวหรือว่าโกรธกันแน่ในตอนที่เธอตอบโต้คำพูด “ผึ้งบอกแล้วไงว่าผึ้งไม่ใช่เมียคุณ แล้วผึ้งก็ไม่ได้ท้อง!” “งั้นเหรอ” เขาถามเสียงยานคาง สีหน้าไม่เชื่อถือเธอเลยสักนิดเดียว “ใช่สิคะ!” หญิงสาวตอบกลับ และนั่นทำให้ทริสตันมองคนโกหกด้วยสายตาขบขัน เขาบอกเธอแล้วว่าเธอจะโกหกก็ได้ แต่เขาไม่เชื่อเธอหรอก นับตั้งแต่วันที่เธอกับเขาทะเลาะกันและเธอยืนยันว่าไม่ได้ท้อง เขาก็รู้แล้วว่าเธอคิดจะทำอะไรถึงได้ให้คนของเขาตามติดเธอไปตลอด เขาขอบคุณพื้นฐานครอบครัวตัวเองที่เป็นมาเฟียก็คราวนี้ มันทำให้เขาส่งคนไปตามเธอได้ และอยากรู้อะไรเขาก็ได้รู้ทั้งหมด โดยไม่ต้องสนใจคำโกหกจากปากเธอ “แต่เมื่อวานคุณไปโรงพยาบาล ผลการตรวจบอกว่าคุณท้องได้เจ็ดสัปดาห์ คุณไปฝากครรภ์” รายละเอียดที่ออกมาจากปากของเขาทำให้มาธวีตะลึง “คุณ...คุณรู้ได้ยังไง!” ทริสตันมองท่าทีไม่อยากจะเชื่อของมาธวีแล้วก็เหยียดยิ้มออกมา “ก็ไม่ได้ยากอะไร” เขาบอกเธอไปง่ายๆ แต่ไม่คิดจะบอกวิธีการที่ใช้หรอก เธอคิดว่าเขาเป็นอะไร โกหกนิดหน่อยก็เชื่อเธอโดยไม่สืบเสาะค้นหาความจริงอะไรเลยหรือ บอกตามตรง ต่อให้เธอไม่ท้อง...เธอก็เป็นของเขาอยู่ดี มาธวีคิดว่าจะบินหนีเขาไปไหนได้หรือ ยิ่งวันนั้นเขาเห็นเจตนารมณ์อย่างชัดเจนของเธอที่พยายามจะหนีไปจากเขา ทริสตันหรือจะไว้วางใจโดยไม่ส่งคนตามติดเธอขนาดนี้ อันที่จริงเขารู้ที่อยู่เธอละเอียดอยู่แล้ว แต่ที่ทำเป็นถามอาชวินก็แค่อยากจะทดสอบเลขาฯ หนุ่มว่าไม่ได้รู้เรื่องหรือช่วยปกปิดอะไรให้มาธวีก็เท่านั้นเอง มาธวีมีสีหน้าไม่พอใจ เธอพยายามคาดเดาว่าเขาตามติดความเคลื่อนไหวของเธอด้วยวิธีไหนกันแน่ แต่อะไรไม่ร้ายเท่ากับที่เขารู้แล้วว่าเธอโกหกเขาเรื่องไม่ได้ท้อง “คุณคุกคามความเป็นส่วนตัวของผึ้งนะคะ” หญิงสาวบอกเขาด้วยน้ำเสียงฉุนโกรธ แต่ทริสตันไม่สนใจความโกรธของเธอสักนิด “ผมสนใจเรื่องของเมียตัวเอง ผิดตรงไหน” เขาย้อนถามหน้าตาเฉย และนั่นทำให้มาธวีนอตหลุดอีกครั้ง เธอถลึงตาใส่เขาและขึ้นเสียงอย่างเจ้าอารมณ์ว่า “ผิดตรงที่ถึงผึ้งจะท้อง แต่ผึ้งก็ไม่ใช่เมียคุณไงคะ!” ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม ลากเสียงยานคางในตอนที่ย้อนถามกลับ “งั้นเหรอ” และไม่เพียงแค่พูด เขาใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับปลายคางเล็กของหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา “เอ๊ะ คุณทริสตันจะทำอะไรคะ” มาธวีร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อทริสตันก้มหน้าลงมาหาเธอ ทั้งยังบังคับไม่ให้เธอหันหน้าหนีอีกด้วย มือเล็กพยายามผลักอกเขาให้ถอยห่าง แต่เหมือนเธอผลักกำแพงหิน เพราะชายหนุ่มไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลยแม้แต่น้อย เธอเห็นเขาเหยียดยิ้มมุมปาก สีหน้าท่าทีเย็นชานั้นทำให้เธอสั่นสะท้านขึ้นมาทันที “ก็ทำให้สมองกลวงๆ ของคุณจำได้ซะทีไงผึ้ง ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน” ไม่เพียงแค่พูด เพราะชายหนุ่มไม่รอให้เธอได้โต้แย้งอะไร ทริสตันก้มหน้าลง บดเบียดริมฝีปากของเขาเข้ากับกลีบปากนุ่มที่อ้าค้างของหญิงสาว ขบเม้มดึงดูดริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงราวกับถือโอกาสระบายความโกรธที่มีต่อเธอไปในตัว เขาแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็ก กวาดลิ้มชิมรสหวานที่ติดใจเขาอยู่นานนับเดือนด้วยความรู้สึกโหยหาอันร้อนแรงยากจะหยุดยั้ง เขาทั้งคิดถึง ขณะเดียวกันก็อยากสั่งสอนไม่ให้เธอต่อต้านเขาอีก เธอจะต่อต้านเขาไปทำไม ทั้งที่ปากก็ทั้งนุ่มทั้งหวานขนาดนี้ แต่คำพูดคำจามีแต่ตัดรอนให้เขาเสียใจ เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม ลึกซึ้งและแสดงออกชัดถึงความเป็นเจ้าของ ร่างเล็กๆ ในอ้อมกอดถึงกับสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาสอดมืออีกข้างรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดกับเรือนร่างของเขา เธอตัวเล็กก็จริง แต่ทุกๆ ส่วนในร่างกายของเธอเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นของเขา มันเหมาะเจาะและเหมาะสมที่สุดแล้ว “อย่า...อย่าทำแบบนี้” มาธวีประท้วงเสียงสั่นพร่า ลมหายใจของเธอกระชั้นถี่เหมือนรีบกอบโกยเอาอากาศเข้าสู่ปอดหลังจากที่เขาปล่อยริมฝีปากของเธอ ทริสตันมองใบหน้าหวานที่แดงก่ำขึ้นมาของเธอ ละเลยสายตาลงมายังกลีบปากนุ่มที่แดงก่ำนิดๆ เพราะจูบของเขา ก่อนจะตวัดตามองเข้าไปในดวงตาของเธอในยามที่ถามด้วยความท้าทาย “คุณจำไม่ได้ไม่ใช่หรือไง จำคืนนั้นไม่ได้เอง แต่ผมจำได้นะ ผมจะช่วยคุณรื้อฟื้นความทรงจำเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา” เขาพูดอย่างฉุนโกรธ วันนี้มาธวีท้าทายเขามากเกินไป และมันทำให้เขาขาดความยับยั้งชั่งใจ เขาก้มหน้าลงไปหาเธออีกครั้ง หมายจะจูบริมฝีปากหวานนั้นอีกหน แต่หญิงสาวกลับเบือนหน้าหนีไปเสียก่อน ทำให้เขาได้แต่ซุกหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นของเธอแทน “คุณทริสตัน! ฮื่อ” “...” ไม่เป็นไร จูบปากไม่ได้ เขาจูบเธอได้ทั้งตัว ทริสตันคิดอย่างหงุดหงิดใจในตอนที่และเล็มผิวเนื้ออ่อนบริเวณซอกคอเล็กของหญิงสาว ดูดกลืนขบเม้มทิ้งรอยตราของความเป็นเจ้าของไว้บนเนื้อตัวเธอ ขณะที่มือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไปทั่วเรือนร่างเล็ก เขาผลักดันเธอไปแนบชิดกับแพงอีกครั้ง ขณะที่มือใหญ่ทั้งสองข้างเลื่อนไล้กอบกุมอกอิ่มผ่านเสื้อยืดตัวบางที่เธอสวม และนั่นทำให้คนตัวเล็กในกำมือเขาถึงกับสะดุ้งเฮือก และคริสตันก็ไม่หนำใจ เขาเปลี่ยนใจเลื่อนมือเข้าไปใต้เสื้อยืดของหญิงสาว สัมผัสผิวเนื้อเนียนนุ่มที่ทำให้เขาโหยหาแทบทุกคืนวัน ดึงรั้งบราเซียร์ที่เป็นปราการกีดขวางขึ้นไปแล้วกอบกุมทรวงอกอิ่มเต็มไม้เต็มมือด้วยฝ่ามือของเขา คราวนี้คนตัวเล็กกว่าเลิกดิ้นรนต่อต้าน เธอช้อนตามองเขาด้วยท่าทีน่าสงสาร ดวงตาสีนิลคู่นั้นเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่คนใจแข็งเพียรสะกดเอาไว้ในตอนที่รีบร้องบอกเขาว่า “ปละ ปล่อยผึ้งนะคะ ปล่อยผึ้งเถอะ ผึ้งจำได้แล้ว จำได้แล้ว!” ทริสตันหยุดชะงักมือที่กำลังเคล้นคลึงลงบนอกอิ่มคู่งาม แต่ไม่ได้ละมือจากไปแต่อย่างใด เขาก้มหน้าลง ใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความต้องการจ้องมองเธอนิ่ง กับมาธวีต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นแหละ ถึงจะทำให้เธอยอมฟังสิ่งที่เขาต้องการได้ “ถ้าจำได้แล้ว งั้นผึ้งก็คุยกับผมได้แล้วใช่ไหมว่าจะแต่งงานกันตอนไหน” เขาถาม รู้สึกเห็นใจคนตัวเล็กกว่า เพราะเขาข่มขู่เธอมามากพอแล้ว เขาช่วยจัดเสื้อผ้าของเธอให้เข้าที่ ไม่สนใจมือเล็กที่ปัดมือของเขาออกคล้ายกับจะบอกว่าเธอจะทำเอง แต่เขาไม่ยอม เขาอยากทำให้เธอเอง ชายหนุ่มถลึงตาใส่เธอดุๆ ทีหนึ่ง และนั่นทำให้มาธวีเลิกต่อต้านเขา ทริสตันจึงจัดการเสื้อผ้าให้มาธวี เริ่มจากจัดบราเซียร์ที่เขาดึงรั้งขึ้นไปให้เข้าที่ ใบหน้าเธอแดงจัดในตอนที่เขาแตะต้องกอบกุมอกอิ่ม นั่นทำให้ทริสตันอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างจนได้แต่ลอบยิ้มในใจ จากนั้นจึงดึงเสื้อยืดที่เธอสวมลงมาจัดให้เข้าที่ เขาไม่อยากบอกหรอก ที่ทำอย่างนี้เป็นเพราะต้องการลงโทษคนปากแข็งด้วย เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แต่คิดแล้วเขาก็อยากให้เธอทำผิดอีกเหลือเกิน เขาชอบวิธีการที่จะใช้ลงโทษเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD