สุพิชฌาย์ติดต่อไปยังคอนโดมิเนียมเดียวกับอาจารย์ปณัยกรเมื่อรู้ว่าเขาซื้อคอนโดห้องไหน หญิงสาวก็แจ้งกับทางคอนโดว่าอยากจะได้ห้องที่อยู่ตรงกันข้าม แต่ตอนนี้มีคนจองไว้ก่อนแล้วและเขาจะย้ายเข้ามาในเดือนหน้าสุพิชฌาย์จึงเสนอซื้อห้องต่อจากเจ้าของเดิมในราคาที่แพงขึ้นส่วนเจ้าของเดิมเลือกซื้อห้องใหม่ที่อยู่ในตึกเดียวกัน
“แกเข้าไปอยู่ที่คอนโดนั้นหลายวันแล้วได้เจอกับอาจารย์ไนท์บ้างหรือยังเปียโน” ณัฐมลถามระหว่างที่นั่งทานอาหารกลางวันด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย
“ยังไม่เจอเลยทางคอนโดบอกว่าอาจารย์ไนท์จะย้ายเข้าอาทิตย์หน้า”
“แล้วแกแน่ใจนะว่าอาจารย์เขาจะมาอยู่ห้องนั้นจริงๆ ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วเป็นใครก็ไม่รู้มาอยู่ห้องนั้นทีนี้ก็เสียเงินฟรีเลยนะ”
“ไม่หรอกใบตอง ฉันสืบแล้วรับรองไม่มีพลาด”
“แล้วถ้าแกเจอกับเขาแล้วแกจะทำยังไงถึงจะสนิทสนมกับเขาได้ล่ะ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มาสอนที่นี่แล้ว มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน”
“ก็คุยกันในฐานะเพื่อนบ้านไง มีอะไรหลายอย่างที่เพื่อนบ้านอยู่ด้วยกันแล้วต้องพึ่งพาอาศัยกัน”
“ฉันว่าในหัวแกตอนนี้มีแต่แผนการจะใกล้ชิดกับอาจารย์ไนท์มากเกินไปแล้วนะอย่าลืมสนใจการเรียนล่ะ”
“ไม่ลืมหรอกน่าเจน แล้วเมื่อไหร่พวกแกจะไปเที่ยวห้องฉันล่ะไปเย็นนี้เลยดีไหม ซื้ออะไรไปกินที่นั่นแล้วไปค้างกับฉัน” เพราะย้ายออกมาอยู่คนเดียวหลายวันแล้วสุพิชฌาย์ก็เลยรู้สึกเหงา
“เอาไว้ช่วงใกล้สอบแล้วกันจะได้ไปติวหนังสือกันด้วยแกว่าดีไหมใบตอง”
“ก็ดีนะ แล้วถ้าแกต้องไปเรียนเมืองนอกล่ะ ห้องนี้จะเอายังไง ทิ้งไว้เฉยๆ หรือให้คนอื่นเช่า”
“ฉันยังไม่คิดเรื่องนั้นเลยใบตอง บางทีก็อยากจะเก็บห้องไว้เผื่อกลับมาเมืองไทยจะได้เจอกับอาจารย์ไนท์” หญิงสาวพูดไปยิ้มไปจากนั้นทั้งสามคนก็เดินกลับมายังห้องเรียน
แล้ววันที่สุพิชฌาย์รอคอยก็มาถึงเมื่อเย็นวันหนึ่งหลังจากเธอเลิกเรียนและขับจนรถมาจอดในที่ประจำก็เห็นรถยนต์ของอาจารย์ปณัยกรจอดอยู่ใกล้ๆ กับรถของเธอ คอนโดแห่งนี้เป็นคอนโดที่มีที่จอดรถให้กับผู้เช่าทุกห้องและเรียงตามห้องพักรถของเธอกับปณัยกรก็เลยอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน
สุพิชฌาย์รีบกลับขึ้นไปบนห้องอาบน้ำแต่งตัวและสั่งขนมจากร้านประจำให้มาส่งจากนั้นก็ไปเคาะห้องของชายหนุ่มในเวลาค่ำ เธอรออยู่หน้าห้องด้วยความตื่นเต้นเพราะนี่ก็เกือบจะสิบวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอกับอาจารย์คนนี้ แต่ก็ติดตามข่าวคราวของเขาผ่านทางอาจารย์กิ่งแก้วภรรยาของอาจารย์ทรงวุฒิอยู่ตลอด หัวใจหญิงสาวเต้นแรงและเมื่อประตูห้องเปิดออกก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นอาจารย์ปณัยกรอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นต่างจากทุกครั้งที่เจอกัน
“อ้าว......อาจารย์ไนท์” หญิงสาวทำสีหน้าตกใจเหมือนไม่รู้ว่าห้องที่ตนเองมาเคาะคือห้องของเขา
“เปียโนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“หนูพักอยู่ห้องนี้ค่ะอาจารย์และหนูรู้จากนิติว่าผู้เช่าคนใหม่ย้ายเข้ามาหนูก็เลยเอาขนมมาให้ต้อนรับเพื่อนบ้านค่ะ” หญิงสาวส่งของคุกกี้ที่เพิ่งส่งมาเมื่อครู่ให้กับอาจารย์หนุ่ม
“ขอบคุณนะเปียโน แต่ผมไม่มีอะไรให้คุณเลยเพิ่งย้ายเข้ามาน่ะ ของยังเก็บไม่เข้าที่เลย”
“ให้หนูช่วยอาจารย์จัดของไหมคะ”
“ไม่เป็นไรอีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว ผมเพิ่งรู้ว่าคุณพักอยู่ที่นี่”
“อันที่จริงหนูก็พักอยู่ที่บ้านค่ะ แต่ช่วงนี้อยากออกมาใช้ชีวิตคนเดียวก็เลยมาอยู่ที่นี่ค่ะ”
“บังเอิญมากเลยนะ” เขามองหน้าเธอแล้วยิ้มแต่ก็แอบสงสัยว่าทำไมมันบังเอิญมากขนาดนี้
“อาจารย์จัดของอีกเยอะหรือเปล่า”
“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว มีอะไรเหรอเปียโน”
“อาจารย์กินข้าวเย็นหรือยังคะ แถวนี้มีร้านอาหารอร่อย เยอะเลยให้หนูพาอาจารย์ไปเลี้ยงต้อนรับดีไหม”
“แต่ผมยังต้องจัดของต่อนะคุณจะไม่หิวแย่เหรอ”
“ไม่หิวหรอกค่ะ ถ้าอาจารย์จัดของเสร็จแล้วไปเคาะห้องหนูนะคะ แล้วหนูจะพาอาจารย์ไปกินของอร่อยๆ ตกลงไหม”
“แต่ผมว่า.....”
“อาจารย์อย่าปฏิเสธเลย ตอนนี้เราไม่ใช่อาจารย์กับนักศึกษากันแล้วนะคะ เราคือเพื่อนบ้านกันค่ะและการเลี้ยงต้อนรับเพื่อนบ้านก็เป็นอะไรที่คนอื่นเขาทำกันตกลงนะหนูจะรอ”
“เอางั้นก็ได้ครับ” ปณัยกรเห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงสาวเขาจึงตอบตงลงเพราะเขาเพิ่งย้ายมาวันแรกเลยไม่รู้จักร้านอาหารบริเวณนี้
เมื่อสุพิชฌาย์เดินกลับห้องของตัวเองไปแล้วปณัยกรก็ปิดประตูแล้วเอาคุ้กกี้มาวางบนโต๊ะทานอาหารในห้องครัวก่อนจะจัดของที่เหลือเข้าที่โดยเร่งความเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะเมื่อหญิงสาวพูดถึงการกินข้าวเขาก็เริ่มหิวขึ้นมาเนื่องจากใช้พลังงานเยอะในการจัดของให้เข้า
หลังจากจัดของเสร็จเขาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องตรงข้าม ปณัยกรยืนรอไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตู
“เสร็จแล้วเหรอคะอาจารย์”
“เสร็จแล้วไปกันเลยไหมต้องเอารถไปหรือเปล่า”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ร้านที่เราจะไปเดินไม่กี่ช่วงตึกเอง”
ระหว่างทางไปร้านอาหารหญิงสาวก็ชวนเขาคุยไปเรื่อยไม่นานนักทั้งสองก็หมายถึงร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง
“อาจารย์อยากกินอะไรคะ ที่นี่มีอาหารหลายแบบเลยค่ะ”
“ผมตามใจคนเลี้ยงก็แล้วกันนะว่าวันนี้อยากกินอะไร”
“งั้นกินเป็นสเต๊กกับสลัดดีไหมคะ ที่นี่สเต็กอร่อยมากๆ เลยค่ะ อาจารย์ชอบกินสเต๊กอะไรคะ”
“ผมขอเป็นสเต๊กเนื้อก็แล้วกันคุณล่ะ”
“หนูขอเป็นสเต๊กปลาค่ะ”
จากนั้นสุพิชฌาย์ก็เรียกพนักงานมาสั่งเมนูสเต๊กของตนเองและปณัยกรและเพิ่มเติมสปาเกตตีและสลัดมาอีกสองจาน
การทานอาหารด้วยกันวันนี้ยังคงเป็นสุพิชฌาย์ที่ผูกขาดการคุยเช่นเดิมส่วนปณัยกรก็ได้แค่พยักหน้าหรือตอบรับและตอบคำถามสั้นๆ เท่านั้น
“อาจารย์อยากซื้อของใช้อะไรเข้าคอนโดไหมคะ” หญิงสาวถามเมื่อกำลังจะเดินผ่านร้านสะดวกซื้อ
“ก็ดีเหมือนกันนะ คุณรีบกลับหอหรือเปล่าล่ะ” ปณัยกรถามอย่างเกรงใจ
“ไม่หรอกค่ะหนูก็อยากซื้อของใช้อยู่เหมือนกัน”
ทั้งสองเข้าไปเลือกซื้อของในร้านสะดวกซื้อก่อนจะได้ของใช้ที่จำเป็นมาคนละหนึ่งถุง
“ให้ผมช่วยถือไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะแค่นี้เองของอาจารย์ถุงใหญ่คงจะหนักน่าดูนะคะ”
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ เราไปกันเถอะนี่มันก็เริ่มจะดึกมากแล้วพรุ่งนี้ผมมีสอนแต่เช้า คุณล่ะมีเรียนหรือเปล่า”
“หนูก็มีเรียนแต่เช้าเหมือนกันค่ะ”
“ขอบคุณนะเปียโนที่เลี้ยงผม”
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ เราเป็นเพื่อนบ้านกันนี่คะ อาจารย์คะแล้วเมื่อไหร่อาจารย์จะให้เบอร์โทรศัพท์หนูล่ะ”
“คุณไม่ได้เรียนกับผมแล้วนี่เจ้าเบอร์โทรศัพท์ผมไปทำไม”
“ก็เราเป็นเพื่อนเหมือนกันไงคะ เพื่อนบ้านกันก็ต้องแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ แต่สัญญาเลยค่ะว่าจะไม่โทรไปรบกวนเวลางานจองอาจารย์ และถ้าจะให้ดีขอแอดไลน์อาจารย์ด้วยได้ไหมคะ” เพราะเห็นว่าหญิงสาวเป็นเพื่อนบ้านและตอนนี้ล่ะสถานะระหว่างเขาก็ไม่ใช่อาจารย์กับลูกศิษย์แล้วปณัยกรเลยยอมให้เบอร์โทรศัพท์และแอดไลน์กับหญิงสาว ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าห้องของตนเอง