วันนี้อรณิชาอยากโทรศัพท์ไปยกเลิกนัดกับน่านนทีแต่ถ้าเธอทำแบบนั้นก็กลัวว่าเขาจะหาว่าเธอกลัวที่จะเจอกับเขา หญิงสาวเลยจำต้องออกไปซื้อผ้าม่านกับชายหนุ่มตามที่นัดกันไว้
บรรยากาศระหว่างเธอกับน่านนทีวันนี้ค่อนข้างเงียบต่างฝ่ายต่างพูดให้น้อยที่สุดจะยกเว้นก็แต่ตอนที่เขาคุยกับร้านขายผ้าม่านว่า อยากได้ผ้าม่านแบบไหนรวมถึงการนัดเวลาให้พนักงานเข้ามาติดตั้งผ้าม่าน พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วน่านนทีก็มาส่งอรณิชาที่บ้านโดยไม่ลงจากรถ
“ผมไปก่อนนะถ้าพรุ่งนี้ถ้าเขามาติดผ้าม่านโทรตามผมด้วย”
“แต่วันนี้คุยกับทางร้านโอเคแล้วอีฟคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ คุณไม่ต้องมาก็ได้” อรณิชาบอกเขาด้วยความเกรงใจ ตอนนี้หญิงสาวอยากจะอยู่ห่างกับเขาให้มากที่สุดเพราะคิดว่าการเจอกับเขาทุกวันคงไม่ดีเท่าไหร่สำหรับคนที่แต่งงานแล้วอย่างเธอ
“ที่คุณไม่อยากให้ผมมาเพราะไม่อยากจะเจอผมใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฉันจะทำแบบนั้นแต่ที่ฉันไม่อยากให้คุณมาเพราะพรุ่งนี้มันเป็นวันจันทร์และกลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงานของคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกการมาดูแลความเรียบร้อยบ้านลูกค้าก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่งของผมนะ พรุ่งนี้ถ้าเขามาถึงก็รีบโทรบอก”
“บริษัทคุณอยู่แถวนี้เหรอคะ”
“บริษัทผมอยู่ห่างจากนี่ไม่ไกลหรอกถ้าขับรถก็ประมาณสิบนาทีเอง”
“ก็ได้ค่ะถ้าพรุ่งนี้พวกเขามาถึงแล้วอีฟจะโทรตามคุณ ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้”
“ไม่เป็นไรคุณรีบเข้าบ้านไปเถอะ”
ชายหนุ่มรอจนหญิงสาวเดินเข้าไปในตัวบ้านจากนั้นก็ขับรถออกไป
น่านนทีอยากอยู่ห่างจากเธอให้มากที่สุดเพราะยิ่งอยู่ใกล้เขาก็ อดคิดถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้แต่ครั้นจะไม่มาช่วยดูก็รู้สึกเป็นห่วงเนื่องจากพนักงานที่เข้ามาติดตั้งผ้าม่านจะเป็นผู้ชายทั้งหมดและเขาก็อยากมาช่วยหญิงสาวสำรวจความเรียบร้อยด้วย น่านนทีคิดว่าบางทีพรุ่งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้เจอกันชายหนุ่มหวังว่าจากนี้ไปเขาจะทำใจและจะลืมเธอได้ในที่สุด
อรณิชาเดินเข้ามาในบ้านแล้วทรุดตัวลงนั่งลงบนโซฟาวันนี้เธอเหนื่อยกับการไปเดินเลือกผ้าม่านมากๆ กว่าจะได้สีและแบบที่ถูกใจก็ผ่านไปถึงสามร้านแต่มันก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยเนื่องจากผ้าม่านร้านสุดท้ายที่น่านนทีพาเธอไปดูนั้นสวยถูกใจอีกทั้งราคาก็ดีมากๆ อีกด้วย
หญิงสาวนึกขอบคุณชายหนุ่มอยู่ในใจและคิดว่าถ้าเรื่องบ้านเธอเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างจะนัดน่านนทีและเพื่อนของเขามาทานข้าวด้วยกันอีกครั้ง จากนั้นก็จะไม่ติดต่อกับชายหนุ่มอีกเลย เพราะยิ่งอยู่ใกล้เขามากเท่าไหร่ความ ทรงจำในอดีตมันก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอหลงลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองนั้นแต่งงานแล้วและมันคงไม่ดีแน่ถ้าหากอเล็กซ์จะรู้เรื่องนี้
เมื่อนึกถึงสามีหญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรไปหาเขา แต่เมื่อเทียบเวลาแล้วที่อเมริกาก็น่าเป็นเวลาประมาณหกโมงเช้า ซึ่งอเล็กซ์น่าจะยังไม่ตื่นอรณิชาจึงอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวจนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวจะโทรศัพท์ไปหาผู้เป็นสามี
“สวัสดีค่ะ อเล็กซ์เป็นยังไงบ้าง”
“ผมสบายดี แล้วคุณล่ะคงยุ่งมากใช่ไหมถึงไม่มีเวลาโทรมาหาผมเลย”
“ขอโทษนะที่ได้แต่ส่งข้อความหาคุณ พอดีเวลาที่นี่กับที่นั่นมันต่างกันและอีฟก็กลัวว่าจะโทรไปรบกวนเวลาคุณน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วเรื่องบ้านเป็นยังไงบ้างเรียบร้อยดีไหม” เขาถามภรรยาขณะกำลังจะแต่งตัวออกไปทำงาน
“ก็อย่างที่ฉันส่งรูปให้คุณดูนั่นแหละค่ะ บ้านหลังนี้สวยและถูกใจฉันมากมันเหมือนบ้านในฝันเลยฉันอยากให้คุณมาเห็นด้วยตาของตัวเองนะคะ”
“ผมหวังว่าคงมีโอกาสได้ไปที่นั่นสักครั้งนะ”
“ถ้าคุณยังทำงานหนักอยู่แบบนี้ก็คงยากที่จะมาเที่ยวที่นี่”
“ทำไมเวลาเราคุยกันทุกครั้งคุณจะต้องบ่นเรื่องที่ผมทำงานหนักด้วยล่ะอีฟ ทุกอย่างที่ผมทำก็เพื่อครอบครัวของเรานะ ผมอยากมีฐานะที่มั่นคงมากกว่านี้”
“แต่อีฟว่าตอนนี้เราก็มีกินมีใช้มากพอแล้วนะคะ สิ่งที่อีฟต้องการจากคุณไม่ใช่เงินทองอะไรเลยแค่ต้องการเวลาจากคุณเท่านั้น”
“ผมรู้แต่ผมขอเวลาหน่อยได้ไหมล่ะขอเวลาผมทำงานให้เต็มที่ก่อน”
“อีกนานแค่ไหนคะอเล็กซ์กว่าคุณจะพอใจกับจำนวนเงินในบัญชีของคุณ”
อรณิชาอดไม่ได้ที่จะบ่นเขาเรื่องงาน เงินทองของเขามันก็มีมากอยู่แล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังทำงานหนักซึ่งเธอไม่เห็นถึงความจำเป็นเลยที่เขาจะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนั้น
สิ่งที่อรณิชาอยากจะได้จากสามีก็คือเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เงินทองของเขาเลยสักนิด
“ทำไมคุณต้องพูดประชดผมด้วย เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาและคิดว่าจะไปทำงานด้วยความสดชื่นมีสมาธิกับการทำงานแต่พอได้คุยกับคุณแล้วผมรู้สึกหงุดหงิดมากๆ” อเล็กซ์บ่นอย่างหัวเสีย
“อีฟต้องขอโทษด้วยนะคะที่โทรมารบกวนคุณและทำให้คุณหงุดหงิด ถ้ายังงั้นอีฟวางสายก่อน”
“ผมก็แค่อยากให้เราคุยกันดีๆ ผมอยากให้คุณเข้าใจผมบ้าง”
“อีฟเข้าใจค่ะ เข้าใจว่าคุณเห็นเงินสำคัญกว่าทุกอย่าง แต่สำหรับอีฟคำว่าครอบครัวควรมีเวลาได้อยู่ด้วยกันได้ใช้ชีวิตด้วยกันมากกว่านี้”
“ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตด้วยกันกับผมแล้วคุณจะหนีมาเมืองไทยทำไมล่ะ”
“ถึงอีฟอยู่อเมริกาคุณก็ไม่มีเวลาให้อีฟอยู่ดี อีฟมีเวลาให้คุณคิดทบทวนอีกประมาณสามสัปดาห์นะอเล็กซ์”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความตามที่พูดถ้าอีฟกลับไปครั้งนี้เราจะคุยเรื่องอนาคตของเราอย่างจริงจัง อีฟอยากได้เวลาจากคุณมากกว่านี้ถ้าคุณคิดว่ามันยากที่จะทำ เราก็เลิกกัน แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองและมีเวลาให้อีฟมากขึ้นอีฟก็ยินดีจะกลับไปเป็นภรรยาของคุณเหมือนเดิม” อรณิชาบอกความต้องการของตนเองออกไป
“เราสองคนจะเลิกกันด้วยเหตุผลแค่นี้เหรออีฟ”
“มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้หรอกนะอเล็กซ์ มันคือการได้ใช้ชีวิตร่วมกัน อีฟแต่งงานกับคุณนะไม่ได้แต่งงานกับเงินของคุณ ก่อนหน้าที่เราจะแต่งงานกันทำไมคุณถึงมีเวลาให้ฉันมากมายขนาดนั้นล่ะ มันทำให้อีฟรู้สึกดีฉันหลงรักคุณ หลงรักที่เราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน วันหยุดก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน อีฟรักอเล็กซ์คนเดิมคนที่ยิ้มแย้ม คนที่หัวเราะไปกับอีฟในทุกๆ ที่ไม่ใช่คนที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานและไม่เคยมีเวลาให้เลย คุณอยู่ที่บริษัทมากกว่าอยู่ที่บ้านอีกอีกนะคะ คุณทิ้งให้อีฟอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว”
อรณิชาตัดสินใจพูดทุกอย่างที่เก็บไว้ข้างในมานาน หญิงสาวอยากให้อเล็กซ์ได้ใช้เวลาที่เหลือตัดสินใจว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ซึ่งถ้าเขาทำไม่ได้เธอก็ยินดีจะเดินจากเขาออกมาจากชีวิตของเขาเพราะคงทนไม่ได้ที่จะอยู่กับคนเย็นชาและบ้างานแบบนั้นอีกต่อไป
“ผมว่าตอนนี้คุณน่าจะพูดด้วยอารมณ์ เอาไว้คุณใจเย็นกว่านี้ก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน”
“อย่าลืมนะอเล็กซ์ทบทวนความรู้สึกของคุณดีๆ แล้วฉันจะกลับไปฟังคำตอบที่นั่น”
พูดจบอรณิชาก็กดวางสายและเอนตัวลงนอนหญิงสาวไม่รู้ว่าตนเองพลาดตรงไหน เธอทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ผู้ชายอีกคนกลับเปลี่ยนไปเป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักเลย แต่ก่อนอเล็กซ์เป็นผู้ชายที่ร่าเริงสนุกสนานพาเธอออกไปเที่ยวไปแคมปิ้งมันทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขมากๆ แต่หลังจากแต่งงานกับเขาได้ครึ่งปีชายหนุ่มก็เริ่มเปลี่ยนไปเขาเคร่งเครียดกับการทำงานมากขึ้นใช้ชีวิตอยู่ในบริษัทมากขึ้นและบางครั้งก็ไม่กลับมานอนที่บ้าน