ด้วยความที่อะไร ๆ เปลี่ยนแปลงกระทันหันน้ำตาลจึงปรับตัวไม่ทัน พ่อแม่เสียไม่ทันไรก็ต้องย้ายบ้านแล้ว ต้องมาอยู่ในพื้นที่ไกลแสนไกล ชนิดที่ว่าไร้หนทางหนีได้
เธอยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่สิ่งที่ทำให้เธอถึงกับยืนขาแข็งเลยก็คือบรรยากาศรอบ ๆ ตัวที่มันเป็นป่าเต็มไปหมด
"ต่อไปนี้ ผู้ปกครองของคุณน้ำตาล คือคุณศิวกร นายหัวคาวีเจ้าของสวนที่นี่ครับ"
"เขาคือใครคะ ?" จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่านายหัวคาวีที่ว่าเป็นอะไรกับครอบครัวเธอ ญาติฝ่ายไหน หรือคนรู้จักของใคร ทำไมเขาถึงมีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองของเธอ และดูแลทรัพย์สินของเธอทั้งหมด
"เรื่องส่วนตัวผมไม่ทราบครับ คุณน้ำตาลคงต้องไปถามเอาเอง"
"....." เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาปรับอารมณ์เครียดของตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอจะเจอต่อไปนี้มันจะเป็นยังไง
ไม่นานนักก็มีคนเดินออกมาจากบ้าน เป็นผู้หญิงวัยกลางคน แต่งตัวด้วยชุดเก่า ๆ ซีด ๆ อารมณ์เหมือนเป็นคนที่ทำงานที่นี่ ไม่ก็เจ้าของบ้านแต่ชอบใส่เสื้อผ้าแบบนี้ มันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
"มากันแล้วหรือคะ มา ๆ เชิญเข้าข้างในก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันหาน้ำหาท่าให้กิน"
น้ำตาลไม่ได้ตอบกลับอะไร เธอเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเข้าไปในตัวบ้าน เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้อย่างสุภาพเรียบร้อย พร้อมกับหันมองดูรอบ ๆ ตัวเอง ดูภายในตัวบ้านที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
"ตอนนี้นายหัวออกไปทำงานนะคะ แต่เดี๋ยวบ่าย ๆ กลับมาค่ะ" ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นบอก
"ผมคงต้องฝากดูแลคุณน้ำตาลต่อด้วยนะครับ พอดีมีธุระต้องไปที่อื่นต่อ"
"ได้เลยค่ะ"
พอคนที่พาเธอมาส่งออกไป น้ำตาลก็ได้แต่นั่งนิ่งตัวเกร็ง เพราะไม่รู้จักที่นี่ ไม่รู้จักใครเลย ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง
"คุณหนูอยากเดินดูบ้านไหมคะ ?"
"อ๋อค่ะ"
เธอยิ้มแหย ๆ ตอบรับ จะปฏิเสธมันก็ยังไง ๆ อยู่นะ แต่ก็ไม่ได้เชิงอยากไปเดินดูอะไรมากนักหรอก ที่นิ่งอยู่แบบนี้ก็เพราะไม่ชินมากกว่า
"แถวนี้เป็นสวนของนายหัวคาวีหมดเลยนะคะ"
"พอจะรู้ไหมคะ ว่าเขาคือใคร รู้จักกับครอบครัวของหนูได้ยังไง"
"เรื่องนี้ป้าเองก็ไม่รู้ค่ะ"
"เขาคนนั้น...นายหัวคาวีน่ะค่ะ เขาเป็นคนยังไงเหรอคะ ?"
"ก็เป็นคนดีค่ะ ขยันทำงาน เก่ง มีฝีมือ ดุบ้างเป็นครั้งคราว"
"อ๋อ..."
"ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เขาเป็นคนที่แบบ ปากร้ายแต่ใจดี บางอย่างที่พูดไปเหมือนดุ แต่ที่จริงแล้วก็แค่พูดแบบคนธรรมดา แค่เขาเป็นคนแบบนั้นเอง อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวก็ชินค่ะ"
"อ๋อค่ะ"
นี่ยังไม่เจอหน้ากันเลยนะ ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย เธอกลับเริ่มรู้สึกอึดอัดแล้วล่ะ ต้องมาเจอกับคนแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย
ไม่นานก็ถึงตอนบ่าย เธอได้ยินเสียงรถหลายคันเหมือนขับมาจอดที่หน้าบ้านราวกับว่าคนจำนวนมากแห่ยกโขยงกันมาทำอะไรที่นี่
"คุณหนูคะ มากันแล้วล่ะค่ะ"
"....." น้ำตาลเดินตามแม่บ้านออกไปที่ด้านนอก เธอเห็นคนหลายสิบคนกำลังยืนรวมกลุ่มกันอยู่ที่หน้าบ้าน และสายตาของเธอนั้นก็ไปสะดุดอยู่กับผู้ชายคนนึง เขาตัวสูง หน้าคมผิวเข้ม ท่าทางดูดุ ๆ หน่อย ใส่กางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาวลายสก๊อต เหมือนสัญชาตญาณของเธอมันบอกว่า ผู้ชายคนนี้เนี่ยแหละที่ชื่อว่า ‘นายหัวคาวี’
"พวกเขา มาทำอะไรกันเหรอคะ ?"
"เอาอุปกรณ์ทำสวนมาเก็บค่ะ ตอนเช้าก็จะมารวมตัวกันที่นี่ ตอนเย็นก็จะมารวมตัวกันที่นี่ เป็นปกติค่ะ"
"อ๋อ.."
"มาละเหรอ" ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาทัก มองอยู่ไกล ๆ เห็นว่าเขาตัวสูง พอเขาเดินมาใกล้มากขึ้น ตัวสูงจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง
"สะ สวัสดีค่ะ"
"อือ..แม่บ้านพาเธอขึ้นไปดูห้องนอนหรือยัง"
"ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีคนพาเธอไป สมัครเรียน ก็เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ"
"....." ท่าทางของเขาดูน่ากลัว สุขุม อยู่ใกล้แล้วรู้สึกเย็นยะเยือกบอกไม่ถูก แถมคำพูดของเขาก็ดูห้วนจนเธอไม่รู้จะตอบกลับยังไง
"มีอะไรเดี๋ยวแม่บ้านช่วยจัดการเอง ฉันเป็นผู้ชาย คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ผู้หญิงด้วยกัน คงรู้ใจกันมากกว่า"
"ค่ะ"
ก็นะ ผู้หญิงด้วยกันก็จริง แต่ก็ไม่ใช่รุ่นเดียวกันสักหน่อย มันจะรู้เรื่องรู้ใจกันได้สักแค่ไหนกันเชียว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก เพราะที่นี่มีแค่แม่บ้านที่เธอรู้สึกคุ้นชินมากที่สุด
"อยู่ที่นี่ก็ช่วยทำตัวให้เรียบร้อย เพราะไม่ใช่บ้านของเธอ"
" ??? "
"อะไรที่ฉันไม่ชอบก็อย่าทำ"
"อะไรคะ ?"
"เสียงดัง สกปรก ไม่เคารพเจ้าของบ้าน อยู่ที่นี่ไม่เหมือนที่นั่น เธอต้องทำงานเอง จัดการเรื่องทำความสะอาดห้องเอง เสื้อผ้าก็ต้องทำเอง ส่วนเรื่องกับข้าวเดี๋ยวจะให้แม่บ้านสอน เธอจะต้องทำเองเป็น ที่นี่ไม่มีแม่บ้านคอยรับใช้เหมือนที่นั่น"
"......" ครั้งแรกที่เจอกัน ก็รู้สึกได้แล้วว่าไม่ลงรอยกันเลยสักนิด เขากับเธอเหมือนเส้นคู่ขนาน ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แม้กระทั่งนิสัย เพราะเธอทำอะไรไม่เป็นเลย อยู่ที่นั่นอาหารก็มีแม่บ้านเตรียมให้เสื้อผ้าแม่บ้านก็จัดการให้ ห้องนอนก็มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดดูแล เธอไม่เคยต้องทำอะไรเองเลย
"ฉันเข้านอนแต่หัววัน เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน อย่าเสียงดังเข้าใจหรือเปล่า"
"ค่ะ"
เหมือนเขาแค่เดินมาออกคำสั่งกับเธอและจะเดินออกไปเท่านั้นเอง ไม่มีคำพูดอะไรนอกเหนือจากคำว่างานเลย
"เดี๋ยวค่ะ"
" ??? " ร่างกำยำหยุดชะงัก เมื่อถูกเด็กสาวนั้นเรียกไว้ให้หยุด
"หนูอยากรู้ คุณมีความเกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของหนู หนูจำเป็นต้องรู้ ทำไมคุณถึงมีสิทธิ์เป็นผู้ปกครอง ทำไมคุณถึงมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของพ่อแม่หนู"
"มันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องรู้"
"เราเป็นญาติกันเหรอคะ"
"เปล่า ไม่ใช่ญาติกัน"
"แล้วทำไมถึง..."
"บอกแล้วไง ว่ายังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องรู้ อยู่ที่นี่อย่างเรียบร้อย เงียบสงบ ทำตัวให้มันดี ๆ ถึงเวลาที่เธอควรรู้ เดี๋ยวเธอก็ได้รู้เอง"
แล้วเมื่อไหร่ล่ะมันถึงจะถึงเวลาที่ว่าน่ะ เธอไม่ใช่คนที่มีความอดทนในการรออะไรขนาดนั้นด้วยสิ
#ตกกลางคืนวันเดียวกัน
เป็นการนอนคืนแรกที่ทำให้เธอนอนไม่หลับเอาซะเลย อาหารมื้อแรกของที่นี่ก็ไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างรสจัด เธอไม่ค่อยกินอาหารรสจัดเท่าไหร่ ก็เลยกินไม่ได้มาก
และถึงบรรยากาศข้างนอกจะเย็นเพราะถูกล้อมรอบไปด้วยป่า แต่เธอก็นอนไม่หลับ เพราะมันทั้งร้อนทั้งเหนียวตัว เธอปรับตัวไม่ได้เลย ที่นี่ไม่มีแอร์ มีแค่พัดลมตัวเล็ก ๆ ตัวนึงเท่านั้นเอง
มันก็จริงอยู่ที่เธอโตพอที่จะอดทนกับอะไรได้แล้ว แต่มันก็ใช่ว่าโตแล้วจะปรับตัวได้ง่าย ๆ เลยสักหน่อย มาอยู่ที่นี่ลำพังโดยที่ไม่รู้จักใครสักคน ผู้ชายคนเดียวที่เป็นผู้ปกครองและดูเหมือนจะเป็นใครสักคนที่พ่อแม่ของเธอไว้ใจ ในสายตาของเธอเขาก็ไม่ได้ดูน่าไว้ใจเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร กว่าเธอจะปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ได้ ให้เข้ากับทุกคนที่นี่ได้
#เช้าวันต่อมา
"บอกแล้วไงว่าให้ตื่นแต่เช้า"
"แล้วนี่ไม่เรียกเช้าหรือคะ" เธอถามแกมประชด ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนปากไวอยู่แล้ว นี่ยัง 7 โมงเช้าอยู่เลย เธอก็เลยไม่เข้าใจว่านี่มันสายตรงไหน
"คนที่จะพาเธอไปสมัครเรียน เขามารอตั้งแต่เช้าแล้ว"
"ก็ไม่ได้นัดเวลากันตั้งแต่แรกนี่คะ จะให้เช้าแค่ไหนกัน หนูก็แค่ตื่นตามเวลาของหนู แล้วมันก็ไม่ได้สาย"
"รีบกินข้าว จะได้รีบไปจัดการเรื่องเรียนของเธอ"
"....." น้ำตาลนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความไม่สบอารมณ์ รู้สึกไม่ชอบคำพูดของเขาเลย
"ต่อไปนี้เรื่องเงินของเธอฉันจะเป็นคนกำหนดเอง ยังเด็กอยู่ไม่ควรใช้อะไรที่มันเกินตัว ฉันจะให้เงินเธอใช้เป็นรายวัน จะได้ไม่ต้องเอาเงินไปทำอย่างอื่น ที่มันไม่จำเป็น"
"แต่ว่า..."
"ฉันทำ เพราะฉันมีหน้าที่เป็นผู้ปกครองของเธอ"
"....."
เมื่อก่อนพ่อกับแม่ให้เงินเธอรายเดือน ซึ่งมันก็หลายหมื่นอยู่ ไม่รวมบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินที่พ่อกับแม่ให้ ไหนจะหุ้นเงินปันผลที่บริษัทที่เธอได้รับอีก ถึงจะอายุน้อยแต่เธอก็มีเงินมากเลยทีเดียว ส่วนมากก็มาจากเงินที่พ่อแม่ของเธอสร้างเอาไว้ให้เนี่ยแหละ
"เราคงต้องปรับตัว ปรับปรุงอะไรใหม่ ๆ กันหลายอย่างเลย"