บทที่ 3
กลับบ้านเรา
วันนี้เป็นวันที่ใบบัวจะได้กลับออกจากโรงพยาบาลตามกำหนดการที่ปืนรบเคยแจ้งกับเธอเอาไว้เมื่อวันก่อน แน่นอนว่าสีหน้าของเธอวันนี้สดใสกว่าทุกวัน เพราะจะได้ออกจากห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาลเสียที และสิ่งหนึ่งที่เธอขอให้ปืนรบช่วยจัดการเตรียมให้เธอก็คือเครื่องสำอางเพื่อที่จะได้แต่งหน้าก่อนออกจากโรงพยาบาล
“จะแต่งไปไหน” ปืนรบที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับถุงยาเอ่ยถามคนตัวเล็กที่กำลังแต่งหน้าอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“จะแต่งไปไหนก็เรื่องของฉัน” ใบบัวตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ผัวก็มีแล้วแต่งไปให้ใครดู”
“ฉันละเบื่อพวกผู้ชายที่พูดแบบนี้จริงๆ เลย คุณเองก็คงชอบมองผู้หญิงสวยๆ ใช่ไหมล่ะ”
“ที่รักสวยอยู่แล้ว”
“สวยอยู่แล้วก็อยากสวยอีก ทำไมสวยไม่ได้รึไง”
“ได้ครับคุณเมีย”
“บอกให้เลิกเรียกแบบนั้นไง” มือเรียวที่กำลังแต้มลิปสติกลงบนริมฝีปากหยุดชะงักพร้อมกับหันมามองเขาตาขวาง
“ไม่เลิกหรอกเรียกแบบนี้คนอื่นจะได้รู้ว่าเธอมีผัวแล้ว”
“โรคจิตรึไง”
“อ้าว อยากให้คนอื่นรู้ว่ามีเมียแล้วมันโรคจิตตรงไหนกัน”
“ช่างเถอะ ขี้เกียจห้ามคุณแล้ว” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนที่เธอจะหันมาเก็บเครื่องสำอางใส่กระเป๋าเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล “จะทำอะไรน่ะ” มือเรียวยื่นไปดันใบหน้าคมคายที่เลื่อนมาตรงหน้าเธอเอาไว้อย่างรู้ทัน
“ขอจุ๊บหน่อย”
“ไม่”
“ทำไม”
“เพราะคุณมันชอบฉวยโอกาส”
“ดูพูดเข้าสิขอจุ๊บดีๆ ก็ไม่ให้ พอไม่ขอก็หาว่าฉวยโอกาส” ปืนรบบ่นอุบพร้อมกับพยายามดันหน้าเข้ามาใกล้ แต่ก็ถูกใบบัวใช้มือทั้งสองข้างดันเอาไว้
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้”
“อย่าให้เผลอแล้วกันพ่อจะจับปล้ำเลย” ถ้อยคำประชดประชันของปืนรบทำให้ใบบัวก้าวลงจากเตียงผู้ป่วยไปตีแขนเขาด้วยความหมั่นไส้
“กล้าก็ลองดูสิ”
“ทนไหวก็ลองดูสิ”
“ฉันไม่มีทางพิศวาสคุณหรอกนะ หน้าตา หุ่นก็งั้น...อ๊ะ!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่อมือเรียวถูกคว้าไปจับวางลงบนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามถึงแม้จะมีเสื้อยืดกั้นเอาไว้ แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยอยู่ภายในได้เป็นอย่างดี
“หุ่นฉันฟิตมากนะ อย่าใส่ร้ายผัวนักเลยเมียจ๋า”
“บะ...บ้า” ใบบัวรีบดึงมือกลับด้วยความเขินอาย เพราะไม่ทันตั้งตัวปืนรบจึงฉวยโอกาสหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“ชื่นใจจัง”
“นี่คุณ!” ดวงตากลมโตตวัดสายตามามองเขาตาขวางที่เสียท่าให้กับเขาจนได้
“กลับบ้านเรากัน” ปืนรบตีเนียนฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินมาช่วยหิ้วสัมภาระของเธอส่งให้คนขับรถไปถือ “นั่งรถเข็นไหม”
“ไม่เอา ฉันเดินเองได้” ใบบัวบอกก่อนจะหันไปตรวจเช็กสัมภาระอีกครั้ง “ทำอะไรอีกเนี่ย” เธอก้มมองมือตัวเองที่ถูกปืนรบกุมประสานเอาไว้
“จับมือ”
“รู้แล้ว แล้วจับทำไมบอกแล้วไงเดินเองได้”
“เดินได้ก็ส่วนเดินได้ ฉันอยากจับแล้วมันเกี่ยวอะไรกัน”
“ร้อนไม่ชอบให้จับ”
“ถ้าไม่ยอมให้จับฉันจะอุ้มเธอออกไป”
“บ้าอำนาจ” ริมฝีปากเล็กเบะคว่ำเมื่อไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เธอทำได้เพียงจำใจให้เขาเดินจับมือจนสมใจ
ใบบัวมองสองข้างทางขณะที่รถขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกสับสน เส้นทางที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยแต่เธอกลับจำมันไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ นี่ไม่ใช่เส้นทางที่จะไปคอนโดของเธอแน่นอน
“เรากำลังจะไปไหนกันนี่ไม่ใช่ทางไปคอนโดฉันนะ” ใบบัวหันกลับมาถามปืนรบที่นั่งอยู่ข้างๆ
“บ้านเรา”
“บ้านเรา?” หัวคิ้วมนเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอมีบ้านที่พ่อแม่ซื้อไว้ให้แต่เพราะว่ามันใหญ่ และเหงาเกินไปเธอจึงย้ายออกมาอยู่คอนโดแทน และก็ไม่คิดจะกลับไปอยู่บ้านหลังนั้นอีกเลย
“บ้านฉันเอง แต่ของของฉันก็คือของของที่รัก เพราะฉะนั้นที่ที่เรากำลังจะไปคือบ้านของเราสองคน”
“...” ใบบัวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่ ฉันอยากไปอยู่คอนโดตัวเองมากกว่า” ทันทีที่ดึงสติตัวเองกลับมาได้เธอก็รีบปฏิเสธที่จะไปอยู่บ้านเขาในทันที
“พวกเราสองคนเคยอยู่ที่นั่นด้วยกัน การที่ได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยอาจจะทำให้ความจำกลับมาก็ได้นะ อีกอย่างที่นั่นคือที่ของเราสองคน ห้องนอนที่รักก็เป็นคนตกแต่งด้วยตัวเองฉันอยากให้ที่รักได้กลับไปอยู่อีกครั้ง” ปืนรบพยายามหว่านล้อมคนตัวเล็ก เดิมทีเขาเองก็ไม่อยากให้เธอกลับไปที่บ้านหลังนั้นเพราะกลัวว่าบรรยากาศที่คุ้นเคยจะทำให้ความจำของเธอกลับมา แต่พอมาคิดดูอีกทีเขาอยากให้เธอมีความสุขมากกว่า ตอนที่ได้ไปเลือกของแต่งห้องด้วยกัน ตอนนั้นเธอดูมีความสุขมากเหมือนเธอรู้สึกว่าที่นั่นคือบ้านหลังแรกของเธอถึงแม้จะย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นานก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อนก็ตาม
“ฉันทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ”
“อืม ที่รักมีความสุขมากเลยรู้ไหมเวลาไปเดินซื้อของแต่งบ้าน”
“แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะอินกับอะไรแบบนั้นเท่าไหร่”
“ไปเห็นเดี๋ยวก็รู้เองว่ารสนิยมการแต่งบ้านของที่รักมันห่วยแค่ไหน”
“นี่! ถึงฉันจะไม่คิดว่าตัวเองจะว่างไปทำอะไรแบบนั้น แต่ถ้าได้ทำแล้วรสนิยมของฉันดูดีกว่าคุณแน่ๆ”
“ไว้เราไปเดินซื้อของแต่งบ้านกันอีกนะ” น้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆ ที่เอื้อมมาจับประสานมือเล็กเอาไว้บนตักทำให้ใบบัวรู้สึกประหม่าเล็กน้อยก่อนจะรีบดึงมือกลับ
“ได้ แต่คุณเป็นคนจ่ายนะบ้านคุณนี่”
“บอกว่าบ้านเราไง”
“ช่างเถอะ แต่แสดงว่ารสนิยมของฉันต้องดีมากแน่ๆ ใช่ไหมล่ะถึงได้ให้ฉันไปซื้อของมาแต่งบ้านอีก” คนตัวเล็กเชิดหน้ากอดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะชอบรสนิยมห่วยๆ ของที่รักก็ได้ เพราะอะไรที่เป็นที่รักฉันก็ชอบหมดเลย” ปืนรบทำสีหน้าครุ่นคิดราวกับแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมทุกอย่างที่เธอทำเขาถึงชอบไปเสียหมด
กว่าจะรู้ใจตัวเองเขาก็เกือบเสียเธอไปแล้ว หวังว่าตอนนี้คงจะไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ เขาจะไม่เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองถ้ารักเขาก็จะบอกว่ารักเพื่อให้เธอรับรู้ถึงความจริงใจของเขา
หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงตีหน้าขรึมไม่ยอมพูดมันออกมา ที่ทำแบบนั้นก็เพียงเพราะตัวเขาเองที่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ทั้งที่รักเธอมากขนาดนี้แต่กลับไม่ยอมเปิดใจ และเข้าใจเธอให้มากกว่านี้
“คุณนี่มันเป็นคนยังไงกันแน่ทำเหมือนเรารักกันมาก แต่เหน็บฉันทุกประโยคเลยจริงๆ” ใบบัวจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อถูกเขาขัดครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่งั้นฉันจะต่อกรกับเด็กแสบอย่างที่รักได้เหรอ” ปลายจมูกเชิดรั้นถูกบีบไปมาจนแดงระเรื่อ
“อือ เจ็บนะ”
“โอ๋ๆ หายยัง” ใบหน้าคมคายโน้มลงมาจูบลงบนปลายจมูกเชิดรั้นเบาๆ แทนคำปลอบโยนเพียงแค่นั้นใบหน้าหวานก็แดงระเรื่อขึ้นมาในทันที
“กวนจริงๆ เลย” คนตัวเล็กมุ่ยหน้าใส่ก่อนจะหันหน้ากลับมองออกไปที่นอกรถตามเดิม แต่ก็ถูกมือหนารั้งศีรษะให้หันกลับมาซบลงที่ไหล่ของเขา
“พักผ่อนก่อนเดี๋ยววันหลังพาออกมาเที่ยว ได้มองจนตาแฉะแน่ทำเหมือนเด็กพึ่งเคยเห็นถนนมองอยู่ได้”
ใบบัวไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ก็ยอมนอนซบไหล่เขาเงียบๆ จนกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนตัวเล็กที่บ่งบอกว่าคนตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาหลับไปแล้วทำให้ปืนรบจูบลงบนศีรษะทุยเบาๆ เพราะกลัวจะรบกวนการพักผ่อนของเธอ ก่อนที่จะหยิบมือถือมาดูงานไปด้วยขณะที่มืออีกข้างก็ยังคงประคองศีรษะทุยเอาไว้พลางลูบเบาๆ เป็นการกล่อมเธอตลอดทาง