บทนำ
กลิ่นยาฆ่าเชื้อประจำโรงพยาบาลที่หลายคนคุ้นเคยกันดีอบอวลไปทั่ว ยิ่งบีบหัวใจของปืนรบ ให้เจ็บปวดทรมานราวกับจะหลุดออกจากร่าง เขานั่งเอามือกุมศีรษะด้วยความรู้สึกหวาดกลัวทำได้เพียงภาวนาให้การรักษาครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีให้เขาได้มีโอกาสชดเชยความผิดพลาดของตัวเองอีกสักครั้ง
ขอเพียงแค่ครั้งเดียว...เขาสาบานว่าจะไม่มีวันทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
ร่างหนานั่งตัวสั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉินมานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ในหัวของเขามืดแปดด้านไปหมดไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าคำภาวนาของเขาจะส่งถึงพระเจ้าหรือไม่
ครืด~
เสียงประตูบานเลื่อนที่ดังขึ้นทำให้ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้รุดเดินตรงไปยังนายแพทย์ที่เดินออกมาด้วยความร้อนรน
“เมียผมเป็นไงบ้างหมอ”
“คนไข้ปลอดภัยดีครับ ส่วนเรื่องอาการอื่นๆ คงต้องรอดูตอนคนไข้ฟื้นตัวอีกที ตอนนี้ย้ายคนไข้ไปห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว”
ลมหายใจหนักๆ ถูกผ่อนออกมาด้วยความโล่งอกอย่างน้อยเขาก็ยังไม่ได้สูญเสียเธอไป สำหรับเขาตอนนี้นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่สวรรค์มอบมันให้กับเขาถึงแม้จะต้องแลกมากับการสูญเสียที่ไม่คาดคิด
สองชั่วโมงต่อมา
ห้องพักฟื้นผู้ป่วยใน
มือเรียวของคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงผู้ป่วยถูกกุมประสานเอาไว้อย่างทะนุถนอมราวกับกลัวว่าจะทำให้มันบุบสลาย ริมฝีปากหยักได้รูปจุมพิตลงไปบนหลังมือซีดเซียวด้วยความคิดถึง คิดถึงรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ท่าทางอวดดี ความเอาแต่ใจของเธอท่าทางที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยให้ความสนใจมันเลย เพราะคิดว่าตัวเองก็คงแค่สนุกกับเธอเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอแตกต่างมากแค่ไหน
หากเธอตื่นขึ้นมาได้เห็นหน้าเขาเป็นคนแรกหวังว่าเธอจะยอมยกโทษให้กับความผิดพลาดของเขาที่คิดช้า และทำผิดพลาดลงไป
“บัว” ปืนรบเงยหน้ามองใบหน้าหวานด้วยความตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วเรียวที่กระตุกเมื่อครู่
“อือ~” น้ำเสียงพึมพำเบาๆ ทำให้ปืนรบระบายยิ้มกว้างออกมาทันที
“เจ็บตรงไหนไหม” เขารีบเอ่ยถามคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกพยาบาลให้เข้ามาดูอาการไปด้วย
“เจ็บตรง...คุณเป็นใคร” คนตัวเล็กที่กำลังจะเอ่ยปากหยุดชะงักเมื่อมองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ
“ฉัน...ปืนรบไง” น้ำเสียงของเขาดูไม่สู้ดีเท่าไหร่นักเมื่อใบบัวทักทายเขากลับมาแบบนั้น
“ปืนรบไหน ฉันไม่เห็นคุ้นหน้าคุณมาก่อน แล้วนี่ฉันเป็นอะไรไปทำไมถึง...โรงพยาบาล?” ใบหน้าหวานหันไปมองรอบๆ ก่อนจะเดาคำตอบออกมาจากชุด และสายน้ำเกลือที่ระโยงรยางค์อยู่ที่ข้อมือเธอ ที่นี่คงเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจากโรงพยาบาล เพียงแต่เธอไม่รู้สาเหตุที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่ก็เท่านั้นไหนจะผู้ชายแปลกหน้าคนนี้อีก
“อืม โรงพยาบาลเธอจำได้ไหมว่าตัวเองชื่ออะไร”
“คนบ้าอะไรจำชื่อตัวเองไม่ได้” หญิงสาวขมวดคิ้วให้กับคำถามที่แปลกประหลาดของชายหนุ่ม
“แล้วเธอจำฉันไม่ได้เหรอ จำไม่ได้เหรอว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล”
“คำถามนั่นฉันพึ่งถามคุณไปเองนะว่าฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง”
“ขอทางหน่อยครับ” เสียงนายแพทย์ที่แทรกขึ้นทำให้ปืนรบต้องยอมเดินหลบไปยืนอยู่ด้านหลังเพื่อให้คณะแพทย์เข้ามาตรวจดูอาการของใบบัวได้สะดวก
“คนไข้จำเรื่องราวก่อนหน้าที่จะมาโรงพยาบาลไม่ได้เลยเหรอครับ”
“จำไม่ได้ค่ะ”
“แล้วเรื่องราวล่าสุดที่จำได้คืออะไร วันไหน เมื่อไหร่ครับ”
“ล่าสุดที่จำได้ก็ไปเที่ยวผับกับเพื่อนประมาณวันที่สิบห้ามีนาวันปิดภาคเรียนปีหนึ่งพอดี แล้วหลังจากนั้นก็...โอ๊ย! นึกไม่ออก ปวดหัว!” มือเรียวยกขึ้นกุมขมับทั้งสองข้างด้วยความทรมาน เธอพยายามนึกถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้นแต่ก็นึกไม่ออก
“ไม่เป็นไรครับพักผ่อนก่อนก็ได้ ญาติคนไข้ตามหมอไปที่ห้องหน่อยครับ”
“ฉันไม่มีญาติค่ะ” ใบบัวบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาของเธอเปลี่ยนไปไร้ความรู้สึกจนบรรยากาศภายในห้องอึดอัดขึ้นมาในพริบตา
“ก็ผู้ชายคนนี้เขาบอกว่าเป็นแฟนคุณนี่ครับ”
“แฟนฉัน?” ใบบัวขมวดหัวคิ้วสวยเข้าหากัน “ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ” เธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ถึงแม้ว่าความทรงจำของเธอบางส่วนจะหายไป แต่จิตใต้สำนึกของเธอตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าเธอไม่มีทางมีแฟนแน่นอน เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ต้องผูกมัด และใช้ความรู้สึกเป็นอะไรที่เธอเกลียดมากที่สุด
“จากที่หมอประเมินคร่าวๆ ตอนนี้เหมือนความทรงจำในช่วงหนึ่งปีก่อนหน้าของคนไข้หายไปเพราะตอนนี้ตามอายุคนไข้น่าจะกำลังขึ้นปีสามแล้วครับ ช่วงนั้นคนไข้อาจจะตกลงคบกับแฟนคนนี้ก็ได้”
“ไม่มีทาง” ใบบัวยังคงปฏิเสธอย่างหนักแน่น ความคิดจะมีแฟนเป็นความคิดสุดท้ายที่ต่อให้ตายเธอก็ไม่ต้องการ
“ตอนนี้คนไข้ยังจำไม่ได้พักฟื้นก่อนดีกว่าครับ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เอาไว้ค่อยหาทางคุยกันอีกที” นายแพทย์พยายามปลอบโยนให้คนไข้ใจเย็นลง เพราะความเครียด และอารมณ์ของเธอส่งผลต่ออาการป่วย และการรักษาของเธอโดยตรง
ห้องตรวจเฉพาะทางด้านสมอง และประสาท
“จากอาการเบื้องต้น หมอได้ตรวจดูอย่างละเอียดพบว่าการตกบันไดไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสมองของคนไข้เลย แต่พรุ่งนี้หมอจะทำการนำคนไข้เข้าเครื่องตรวจสแกนสมองอีกครั้ง ส่วนปัจจัยที่คาดเดาได้ในตอนนี้คงจะเกี่ยวกับจิตใต้สำนึกของคนไข้เองที่อาจจะเจอเรื่องเครียดเลยสั่งการสมองไม่ให้จดจำเรื่องราวในช่วงเวลาเหล่านั้น จังหวะที่ตกบันไดอาจจะเกิดภาวะช็อกจนความจำเสื่อมได้”
“แล้วจะกลับมาจำได้ไหมครับ” ปืนรบเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล
“มีทั้งได้ และไม่ได้ บางคนใช้เวลาไม่นานก็กลับมาจำได้ บางคนใช้เวลาหลายปีก็จำได้แค่เพียงภาพเลือนรางเท่านั้น ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และคนใกล้ชิดที่ต้องมีส่วนช่วยในการกระตุ้นความทรงจำของคนไข้”
“งั้นเรื่องนั้นหมออย่าพึ่งบอกเธอได้ไหม ผมกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้แล้วอาการทรุดลง”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณครับ”
ปืนรบเดินกลับออกมาจากห้องตรวจด้วยความรู้สึกสับสน เพราะการที่เธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ก็ไม่นับว่าเป็นผลเสียซะทีเดียว แต่หากเขาไม่ช่วยให้ความทรงจำของเธอกลับคืนมาเขาก็จะอยู่กับเธอไปพร้อมกับคำโกหกซึ่งเขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจเพราะเขาอีก