ร่างสูงที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้าเธอ ทำให้อลิซแทบลืมหายใจ ก่อนจะรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงก่อนหน้านี้ให้กลับคืนมา ร่างบางถอยหลังกรูดเตรียมจะหนีเข้าไปในรถ แต่ไม่ทันเมื่อร่างสูงก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวเธอ คว้าหมับเอามือเล็กไว้ในอุ้งมือใหญ่กระตุกเพียงนิดร่างบางก็เสถลาเข้าหาแผ่นอกกว้างอย่างไม่เป็นท่า
“ทำไมไม่กลับบ้าน ไปไหนมา”
เจคอบเค้นถามเสียงหนัก หน้าตาก็ดูบึ้งตึงจนน่าหวาดกลัว แต่ด้วยความที่กำลังน้อยอกน้อยใจที่อีกฝ่ายโยนข้อเสนออันแสนโหดร้ายใส่หน้า อลิซจึงแสร้งใจกล้าตอบออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
“มันเรื่องของอลิซ พี่เจคจะมายุ่งอะไรด้วย”
ใบหน้าเรียวสวยเชิดขึ้นนิดๆ ยามที่โต้ตอบอีกฝ่าย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าไปกระตุ้นให้คนที่กำลังอารมณ์ขุ่นมัวอารมณ์เสียเข้าไปกันใหญ่
“พี่ก็ไม่อยากยุ่งหรอก ถ้าอาข้าวหอมไม่โทร.หาพี่ แล้วบอกว่าลูกสาวหายไป พี่ก็จะไม่ออกมาตามแบบนี้หรอก”
ร่างบางชาดิกกับคำตอบกลับของอีกฝ่าย ในใจหวังว่าที่เขาตามมาเพราะจะห่วงใยเธอบ้าง สักนิดก็ยังดี แต่นี่เปล่าเลย ที่เขามาตามก็เพราะมารดาของเธอคงโทร.ไปรบกวน เขาจึงยอมเป็นธุระออกมาตามหาเธออย่างไม่เต็มใจเพราะไม่อาจปฏิเสธได้ก็เท่านั้นเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่อุตส่าห์มาตามหาอลิซแทนคุณแม่ แต่ทีหลังถ้าคุณแม่โทร.ไปรบกวนพี่เจคก็ปฏิเสธได้เลยค่ะ คุณแม่จะได้ไม่กล้ารบกวนอีก”
“พี่มีมารยาทพอที่จะไม่ปฏิเสธผู้ใหญ่ และก็เลิกเล่นแง่เสียที”
เจคอบบอกเสียงกระด้าง ความเย่อหยิ่งทำให้เขาไม่ยอมพูดว่าที่ออกมาตามก็เพราะห่วงเธอด้วย ไม่อย่างนั้นเด็กแสบจะยิ่งได้ใจ เขาจึงบอกในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกออกไป
อลิซตวัดสายตาขุ่นเคืองมองคนตัวโต เฮอะ ทำเป็นบอกว่าตัวเองมีมารยาท อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก มีมารยาทกับทุกคนยกเว้นกับเธอล่ะสินะ
“ถ้าอย่างนั้นพี่เจคก็ปล่อยอลิซสิคะ อลิซจะได้กลับบ้านเสียที”
อลิซพยายามกระชากข้อมือเล็กออกจากอุ้งมือแข็งแรง แต่เธอไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด นอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยแล้วยังกระชับให้แน่นมากยิ่งขึ้น
“พี่ปล่อยแน่ แต่อลิซต้องตอบพี่มาก่อนว่าหายไปไหนมา”
“นั่นมันเรื่องของอลิซ อลิซจะไปไหนก็ได้ อลิซโตแล้วนะคะ”
“หึ โตแล้ว โตแล้วแต่ทำให้คนอื่นเป็นห่วงเนี่ยนะ”
น้ำเสียงกึ่งเยาะกึ่งตำหนิ ทำให้อลิซอารมณ์กรุ่น ความน้อยอกน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่ใส่ใจไยดีในตัวเธอ ทำให้อลิซดื้อแพ่งโต้แย้งกลับไป
“คนอื่นเป็นห่วง แต่พี่เจคไม่ได้ห่วง พี่เจคจะมาเดือดร้อนอะไรด้วยคะ”
“อลิซ!”
เจคอบเพิ่มน้ำหนักในการบีบรัดข้อมือเล็กโดยไม่รู้ตัว อารมณ์ขุ่นมัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเพราะความดื้อดึงของอีกฝ่าย ถึงแม้จะเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด แต่อลิซก็ไม่ปริปากบ่นแม้แต่นิดเดียว
“ปล่อยค่ะ อลิซจะกลับบ้าน”
อลิซบอกเสียงขมขื่น ไม่มีสักครั้งเลยที่เขาจะพูดจาดีๆ กับเธอ ซ้ำเวลาที่เห็นหน้าเธอเขาก็ทำทีท่าเหนื่อยหน่ายเสียเต็มประดา แต่ก็เอาเถอะ เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ยังพอมีเวลาอีกตั้งสามเดือนที่จะพิชิตใจเขาได้ แต่ตอนนี้เธออ่อนแอเกินกว่าจะรับมือเขาไหว เขาควรปล่อยให้เธอไปตั้งหลักบ้าง ไม่ใช่ยื้อยุดฉุดกระชากเธอเอาไว้แบบนี้
“ไม่ปล่อย ถ้าไม่บอกว่าหายไปไหนมาก็อยู่กันแบบนี้แหละ เลิกเล่นแง่เสียที บอกพี่มาเดี๋ยวนี้ว่าหายไปไหนมา”
อลิซส่งค้อนวงใหญ่ไปให้เขา แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกรู้สา ยังคงทำสีหน้าบึ้งตึงได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเจคอบนั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองเขาด้วยสายตาขุ่นเขียว เสียงทุ้มต่ำจึงถามย้ำอีกครั้ง
“ตอบพี่มาเดี๋ยวนี้”
อลิซตวัดสายตาขุ่นมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะตอบออกไปอย่างกระแทกกระทั้น
“ไปนั่งชิงช้าสวรรค์ลอนดอนอายมาค่ะ”
“ไปกับใคร”
เจคอบเค้นถามเสียงหนัก อารมณ์กรุ่นๆ เริ่มปะทุขึ้นมาอีกรอบ ถ้าคำตอบที่ได้รับไม่เป็นที่พอใจแล้วละก็ เขาจะจัดการเด็กแสบนี่ให้อยู่หมัดเลยคอยดู
“ไปกับใครก็ได้ค่ะที่ไม่ใช่พี่เจค”
อลิซตอบอย่างรวนๆ แต่ทำเอาคนฟังเดือดปุด แต่เขาก็ใจดีพอที่จะให้โอกาสเธอได้พูดแก้ตัวอีกสักครั้ง
“ตอบดีๆ อลิซ อย่าให้พี่ต้องโมโหมากไปกว่านี้”
“ก็ได้ค่ะ อลิซไปกับเพื่อน เพื่อนผู้ชายค่ะ พี่เจคพอใจกับคำตอบหรือยังคะ”
“อลิซไม่มีสิทธิ์ทำตัวเหลวไหลแบบนั้น ในเมื่ออลิซยังเป็นคู่หมั้นของพี่อยู่”
“คู่หมั้นอย่างนั้นหรือคะ? คู่หมั้นที่พี่เจคไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยแยแส และไม่เคยต้องการมาตั้งแต่ทีแรกแล้วนี่คะ”
“จะอะไรก็ช่าง อลิซไม่มีสิทธิ์ทำตัวเหลวไหล ยังไงซะตอนนี้อลิซก็ยังอยู่ในสถานะคู่หมั้นของพี่ เพราะฉะนั้นอย่าทำตัวเหลวไหลแบบนั้นอีกเป็นอันขาดเพราะจะเสื่อมเสียมาถึงพี่”
“งั้นหรือคะ ก็ได้ค่ะ ต่อไปนี้เราไม่ใช่คู่หมั้นกันแล้ว เอาแหวนของพี่เจคคืนไปเลยค่ะ อลิซไม่ต้องการ”
มือเล็กอีกข้างที่ไม่ได้ถูกเขาพันธนาการเอาไว้ คว้าหมับตรงตำแหน่งแหวนหมั้นที่สวมบนนิ้วนางข้างซ้าย ก่อนจะกระชากออกสุดแรงอย่างไม่สนใจไยดีว่าผิวหนังบริเวณนั้นจะถลอกหรือเป็นรอยแดงหรือไม่ เธอจับแหวนวงนั้นยัดใส่มือเขาก่อนจะกระชากมือเล็กอีกข้างที่ถูกอุ้งมือใหญ่พันธนาการเอาไว้ออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี และคราวนี้เธอก็ทำสำเร็จ มือเล็กเป็นอิสระ ตวัดสายตาขุ่นมองเขาอีกครั้งแล้วหันหลังเตรียมเข้าไปในตัวรถ แต่เธอไม่สามารถเปิดประตูรถได้ เมื่อร่างสูงเข้าประชิดตัวเธอจากทางด้านหลัง ใช้มือหนาข้างหนึ่งค้ำยันประตูไว้ อลิซถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะค่อยๆ เอี้ยวตัวกลับมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“มีอะไรอีกคะ”
เจคอบไม่ตอบ ร่างสูงยกยิ้มมุมปากจนคนที่แสร้งทำใจกล้าเกิดอาการหวาดหวั่น นัยน์ตาสีเทาอมฟ้ากำลังฉายแววบางอย่างที่บ่งบอกได้ว่าเธอกำลังจะไม่ปลอดภัย
“จะ...จะทำอะไรคะ”
อลิซเกิดอาการลมหายใจสะดุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อใบหน้าคมคายโน้มลงต่ำจนลมหายใจร้อนผ่าวปะทะเข้ากับใบหน้าเนียนใสจนแทบไหม้
“หึๆ แล้วอลิซคิดว่าพี่จะทำอะไรล่ะ”
เจคอบจงใจกระซิบชิดกลีบปากนุ่ม อลิซพยายามเอนตัวหลบแต่ทางหนีไม่มีให้เธอเลย เมื่อแผ่นหลังบอบบางชิดกับประตูรถจนเธอหลบเลี่ยงไปไม่ได้อีก
“อย่าทำอะไรอลิซนะคะ ถะ...ถ้าพี่เจคทำ อลิซจะ...อลิซจะเกาะติดชีวิตพี่เจคและพี่เจคจะไม่มีทางสลัดอลิซออกจากชีวิตได้อีกเลยนะคะ จะลองดูก็ได้”
อลิซข่มขู่ทั้งที่ตนเองก็ตกเป็นรอง คนถูกขู่ทำเพียงยิ้มยั่ว เลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างกวนอารมณ์ ก่อนจะตอกกลับจนคนขู่หน้าเจื่อน
“งั้นเหรอ น่ากลัวจัง”
ร่างสูงไม่ยี่หระทั้งยังไหวไหล่เบาๆ อย่างกวนประสาท ก่อนที่อลิซจะได้โต้ตอบกลับไป มือบางข้างซ้ายก็ถูกอุ้งมือใหญ่ครอบครองเอาไว้แล้วสวมแหวนวงที่เธอยัดใส่มือของเขาก่อนหน้านี้ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายดังเดิม
“อย่าให้พี่เห็นอีกว่าถอดแหวนวงนี้ออก ไม่งั้นเราได้เห็นดีกันแน่ จะลองดูก็ได้”