อลิซบดเบียดร่างอรชรเข้าหาเรือนกายกำยำจนศีรษะทุยขึ้นไปเกยอยู่บนแผ่นอกกว้าง เจ้าตัวยิ้มกริ่มพออกพอใจที่ได้ใกล้ชิดเขาเพิ่มขึ้นมาอีกนิด หวังว่าพี่เจคคงจะไมใจร้ายผลักเธอลงไปนอนกองที่พื้นหรอกนะ วันนี้เป็นวันเดตของเธอกับเขา ดังนั้นทำแบบนี้คงไม่ผิดอะไร
กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับกลิ่นแชมพูเด็กกระแทกเข้าจมูกของเจคอบโครมใหญ่ ชายหนุ่มสูดความหอมจนสุดปอด ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาเพื่อหาที่มาของกลิ่นหอมนั้น
ศีรษะทุยที่วางพาดบนแผ่นอกของเขาทำให้เจคอบทราบที่มาของกลิ่นหอมทันที เขาแอบสูดดมความหอมเข้าปอดอีกนิดซึ่งก็ไม่น่าจะผิดอะไร เมื่อเจ้าตัวมานอนกับเขาเอง แต่ครั้งนี้ใบหน้าหล่อเหลากลับกลายเป็นเหยเก เมื่อกลิ่นหอมที่ตั้งใจจะสูดดมเข้าปอดได้เปลี่ยนเป็นกลิ่นเหม็นไหม้แทน
“อลิซ ได้กลิ่นเหม็นไหม้อะไรไหม”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้ใบหน้าเล็กแหงนเงยขึ้นมอง ก่อนจะยิ้มใส่ตาเขา
“พี่เจค ตื่นแล้วหรือคะ”
อลิซถามได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหวีดร้องเมื่อกลิ่นเหม็นไหม้กระแทกเข้าโสตประสาทการรับกลิ่นเข้าอย่างจัง ร่างเล็กก้าวลงจากเตียงหวายพรวดพราด จนร่างสูงคว้าร่างเธอเอาไว้ไม่ทัน ทำได้เพียงรีบสาวเท้ายาวๆ ตามเธอเข้าไปในตัวบ้าน
“ฮื้อ…ไม่นะ มันบดอบชีสของอลิซ”
หญิงสาวร้องครวญอยู่หน้าเตาอบ เมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอแทบใจสลาย กลิ่นเหม็นไหม้และควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากเตาอบเป็นหลักฐานชิ้นเยี่ยมที่ยืนยันได้ว่าการอบมันบดอบชีสของเธอประสบความล้มเหลว
เจคอบที่ตามมาที่หลังถึงกับส่ายหน้าดิก ก่อนร่างสูงจะพาตัวเองไปหยุดหน้าเตาอบ มือหนาเอื้อมไปด้านหน้าหมายใจจะเปิดเตาอบเพื่อดูชะตากรรมของอาหารที่อยู่ด้านใน ถ้าไม่ติดว่าเสียงเล็กแหลมร้องปรามเอาไว้เสียก่อน
“อย่าเพิ่งค่ะ”
“ทำไม”
ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหน้ากลับมามองอลิซที่ยืนหน้าเสียอยู่ด้านหลัง เขาเห็นเธอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่อยู่สองสามครั้ง ก่อนจะทำหน้าตาราวกับคนที่เพิ่งจะปลงอะไรบางอย่างได้
“เปิดได้เลยค่ะ เมื่อตะกี้อลิซแค่ขอเวลาทำใจ ก่อนจะเห็นสภาพอาหารฝีมือตัวเองน่ะค่ะ”
เมื่ออลิซว่าจบ เจคอบจึงเบนหน้ากลับมาที่เตาอบ มือหนาค่อยๆ เปิดเตาอบออกอย่างเบามือ และก็ไม่ผิดอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ กลุ่มควันสีขาวพร้อมกลิ่นเหม็นไหม้พวยพุ่งออกมาอีกระลอก และควันก็ค่อยๆ จางหาย เหลือเพียงมันบดอบชีสที่ไม้เกรียมเป็นตอตะโกให้เห็นอยู่ด้านใน
อลิซอ้าปากกว้างเป็นรูปตัวโอ มือบางทั้งสองข้างรีบตะครุบปากตัวเองเอาไว้ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาจนพี่เจคของเธออาจจะตกใจ ใบหน้าเรียวสวยสะบัดไปมาราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งผิดพลาดอย่างมหันต์
“แน่ใจนะว่านี่คือมันบดอบชีส”
“แน่ใจสิคะ อลิซทำเองกับมือ มันก็แค่ไหม้เกรียมไปหน่อยก็เท่านั้นเอง” ท้ายประโยคเสียงเบาลง
“ไม่หน่อยละมั้ง”
เจคอบส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะจัดการหยิบมันบดอบชีสที่มีความไหม้เกรียมระดับสิบ มาจัดการเททิ้งลงถังขยะ อลิซมองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจ
หมดกัน มันบดอบชีสของเธอ
“พี่เจคไม่ต้องกังวลนะคะ ถึงมันบดอบชีสจะกินไม่ได้ แต่อลิซมีอีกเมนูที่เตรียมจะทำให้พี่เจคกินค่ะ”
“อลิซจะทำอะไร”
“ไก่อบน้ำผึ้งมัสตาร์ดค่ะ”
“พี่ว่าอลิซนั่งดูอยู่ห่างๆ ดีกว่า เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ทำไมล่ะคะ”
“บอกตรงๆ ว่าพี่ไม่อยากให้ห้องครัวของพี่ต้องลุกเป็นไฟ”
อลิซย่นจมูกก่อนจะยอมเดินไปหย่อนสะโพกนั่งที่เก้าอี้แต่โดยดี หมดกันแผนการสร้างความประทับใจให้พี่เจคโดยการทำอาหาร กลายเป็นว่าเธอต้องมานั่งดูเขาจัดการทำอาหารให้เธอกินเสียเอง
แล้วแบบนี้เธอจะพิชิตหัวใจของเขาได้เมื่อไรกันนะ
ร่างสูงที่สวมผ้ากันเปื้อน หยิบจับอาหารอย่างคล่องแคล่ว พี่เจคของเธอเก่งไปเสียทุกอย่าง ยิ่งมองก็ยิ่งตกหลุมรัก และเธอก็คิดว่าชาตินี้คงถอนตัวถอนใจจากเขาไม่ได้แน่
ไก่อบน้ำผึ้งมัสตาร์ดบนจานกระเบื้องสีขาวทรงกลมขนาดใหญ่หน้าตาน่ารับประทาน พร้อมเครื่องเคียงอย่างมันฝรั่งและถั่วเข็มลวกผัดที่ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะอาหารที่มีดอกลิลลี่สีชมพูที่เป็นดอกไม้พลาสติกประดับอยู่อย่างสวยงาม
“อลิซกินเลยนะคะ”
ไก่อบน้ำผึ้งมัสตาร์ดหน้าตาน่ารับประทานชวนให้น้ำลายสออยู่ตรงหน้า อลิซถึงกับลืมภารกิจพิชิตหัวใจของพี่เจคไปชั่วขณะ ถึงนาทีนี้เรื่องกินต้องมาก่อน
เจคอบไม่ทันได้เอ่ยปากอนุญาต เจ้าตัวก็จัดการตักอาหารใส่จานเสร็จสรรพ แต่ก็ยังมีน้ำใจเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย ถึงแม้ว่าชิ้นที่ตักใส่จานเขาจะเล็กกว่าของเธอมากอยู่ก็ตาม
เมื่อทั้งคู่จัดการอาหารจนเกลี้ยง โดยเฉพาะอลิซที่ดูจะถูกอกถูกใจกับรสชาติอาหารเป็นนักหนา หญิงสาวอาสาเป็นคนจัดการกับภาชนะที่เปื้อนทั้งหมด เจคอบก็เห็นสมควรในเมื่อเขาเป็นคนปรุงอาหารเธอก็ควรมีส่วนร่วมบ้างตามประสาคนที่ต้องอยู่ร่วมกัน
‘คนที่ต้องอยู่ร่วมกันอย่างนั้นหรือ’
เจคอบสะดุ้งตัวนิดๆ กับความคิดที่แวบเข้ามาในสมองอย่างไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าความคิดบ้าๆ นั่นผุดขึ้นมาในหัวเขาได้อย่างไร เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังคิดเลอะเทอะไปกันใหญ่ ชายหนุ่มจึงสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ความคิดที่เขาคิดว่าไม่เคยต้องการให้มันเกิดขึ้นออกไป แล้วลุกพรวดพราดออกจากตรงนั้นจนอลิซมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความแปลกใจ
‘เป็นอะไรของเขาอีกล่ะ’
เมื่อจัดการภาชนะเรียบร้อย อลิซจึงเดินออกมานอกตัวบ้านเพื่อตามหาเจคอบ เธอตรงดิ่งมาที่ศาลาริมทะเลสาบเป็นอันดับแรก เมื่อไม่พบหญิงสาวจึงเดินดูรอบๆ ตัวบ้านแทน
“หายไปไหนนะ”
อลิซบ่นพึมพำหลังจากเดินรอบบ้านเป็นหนที่สองแล้วไม่พบแม้แต่เงาของเจคอบ เธอคาดว่าระหว่างที่เธอเดินหาเขารอบๆ ตัวบ้าน พี่เจคอาจจะกลับเข้าไปข้างใน หญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าไปตามหาเขาในตัวบ้าน แต่ด้วยความเร่งรีบทำให้เท้าเล็กข้างหนึ่งกระแทกก้อนหินเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย!”
เสียงเล็กร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนจะรีบก้มลงดูที่เท้าของตัวเอง ใบหน้าเนียนซีดเผือดก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งที่พื้น
เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาจากบริเวณปลายนิ้วหัวแม่เท้า มือเล็กค่อยๆ ประคองเท้าของตัวเองอย่างเบามือเพื่อจะหาตำแหน่งของบาดแผล เล็บของเธอไม่ช้ำ แต่ทว่าเนื้อด้านข้างมีรอยฉีกขาดเป็นทางยาวเกือบสองเซนติเมตร และเลือดก็ยังคงไหลออกมาตลอดเวลา
อลิซรู้สึกใจหวิวคล้ายกับตัวเองจะเป็นลม จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เสียเลือดมากจนถึงขนาดทำให้เป็นลมหมดสติได้ แต่ความจริงก็คือเธอกลัวเลือดต่างหาก ความกลัวคือสาเหตุทำให้เธอจวนจะเป็นลมอยู่รอมร่อ
“พี่เจค ช่วยอลิซด้วย!”
หญิงสาวตะโกนจนสุดเสียง แต่เธอก็ไม่เห็นเขาในระยะสายตา แม้แต่เสียงที่จะขานรับกลับมาก็ไม่มี
“พี่เจค ช่วยอลิซด้วยค่ะ”