ในที่สุดงานแต่งงานบ้าๆ นี่ก็จบลง และหลังจากนั้นคืออาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่พริมาภาตั้งใจแล้วว่าเธอจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมอะไร เพราะแขกส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เพื่อนของเธออยู่แล้ว
ตอนแรกสุดนั้น ห้องหอคืนแรกดรัสตันได้เช่าโรงแรมที่นี่ เป็นห้องเพรสซิเดนต์เชียลสวีต แต่ไม่รู้เขาเกิดเปลี่ยนใจอะไร จึงบอกว่าจะใช้บ้านของเขาแทน พริมาภาหรือจะไปค้านอะไรได้ ทว่าระหว่างที่แยกตัวกับดรัสตัน อีกฝ่ายยังไม่ยอมให้เธอกลับก่อน พริมาภาจึงนั่งรออยู่ในห้องพักที่เขาเปิดทิ้งไว้ให้เธอพักผ่อน ระหว่างนั้นเองหญิงสาวจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับบิดามารดาของตนเอง
บิดาเธอมีสีหน้าดีขึ้น เขายิ้มแย้มพึงพอใจตลอดงาน เธอรู้ว่าท่านโล่งใจที่เธอยอมทำตามที่ท่านต้องการ บางครั้ง...บางครั้งพริมาภาก็อดคิดไม่ได้ว่าระหว่างพวกเธอที่เป็นลูกกับชีวิตของท่านเอง บิดาเธอสนใจอะไรมากกว่ากัน แต่นั่นแหละ เธอจะปฏิเสธได้อย่างไรว่า ที่เธอได้ใช้ชีวิตดีมาถึงขนาดนี้ก็เป็นเพราะเงินทองที่ท่านหามาให้เธอใช้นั่นแหละ
ส่วนมารดา ถึงจะพยายามแย้มยิ้ม แต่ก็มักจะมองเธอด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกผิด นั่นทำให้พริมาภาได้แต่อดทนไว้ ไม่คิดทำอะไรบุ่มบ่ามลงไปให้ทุกคนเสียใจเหมือนที่พี่สาวเธอทำ
พริมาภาอึดอัด นึกอยากกลับบ้าน ถอดชุดแต่งงานบ้าๆ นี่ออก แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ ตอนนี้เธอกำลังนั่งเผชิญหน้ากับบิดามารดา ผู้เป็นพ่อยืนอยู่ตรงข้ามเธอกับแม่ที่นั่งอยู่บนเตียง แม่จับมือของเธอเอาไว้แน่น ขณะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้อยๆ ราวกับจะร้องไห้ออกมาว่า
“เราก็แต่งงานแล้ว ต่อไปอะไรหนักนิดเบาหน่อยก็อดทนไว้นะพีชนะ”
“แม่คะ...”
พริมาภาได้แต่ประท้วงออกมา พ่อกับแม่ทำเหมือนว่างานแต่งนี้ผ่านพ้นไปแล้วเธอกับดรัสตันจะสามารถใช้ชีวิตคู่กันได้อย่างนั้นแหละ
สุดท้ายมันจะจบลงด้วยการแยกทาง ทำไมเธอจะต้องถูกสั่งให้อดทน และเพราะรู้ดีอย่างนั้น ตอนที่แม่พูดแบบนั้น พริมาภาถึงได้เจ็บในใจเสียจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เธอร้องไห้ในวันนี้รวมกันแล้วมากกว่าระยะเวลาสิบปีของความเสียใจที่เธอได้เผชิญหน้ามาเสียอีก
“ไม่เอาลูก ไม่ต้องร้อง” แม่รีบปล่อยมือเธอ แล้วค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้เธอเบาๆ “แม่... อย่าให้แม่รู้สึกผิดมากไปกว่านี้”
“หนู...”
พริมาภาเลยพูดอะไรไม่ออก คำพูดมากมายของเธอจุกอยู่ในลำคอ มันเป็นคำตัดพ้อที่จะทำให้คนฟังไม่สบายใจ แม่เธอไม่สบาย เธอไม่ควรทำให้ท่านคิดมากจนอาการทรุดหนักมากไปกว่านี้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น พยายามระงับน้ำตาตัวเองเพื่อให้ท่านสบายใจ ระหว่างนั้นเองบิดาที่เอาแต่เงียบอยู่นานของเธอก็เอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกว่า
“พีช พ่อขอบคุณหนูมากนะที่ช่วยบ้านเราเอาไว้”
น้ำเสียงของพ่ออ่อนลง เป็นครั้งแรกที่เธอรับรู้ได้ว่าท่านรู้สึกผิดที่บังคับให้เธอแต่งงานแทนพี่แพรแบบนี้
“พีช...”
ชั่วระยะเวลานั้น พริมาภารู้สึกว่าเธอทำถูกแล้วที่ยอมตามใจพ่อกับแม่อย่างนี้ แต่วินาทีถัดมาทุกอย่างก็จบสิ้นลง เธอคงคิดไปเองว่าพ่อคงจะเห็นใจเธอบ้าง
แต่เธอคิดผิด...
“พ่อรู้ว่าลูกกับคุณดรัสตันไม่ถูกกัน แต่ในเมื่อแต่งงานกันไปแล้ว พ่อก็อยากให้พีชใจเย็นๆ หน่อย อย่างที่แม่เขาบอก หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน”
“พ่อคะ” พริมาภาประท้วงเสียงหนัก เธอจ้องมองท่านเขม็งก่อนจะเอ่ยสิ่งที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกออกมา “ถ้าหลังจากนี้พีชจะหย่า...”
“พีช!”
ทั้งบิดามารดาของเธอเอ่ยขัดขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ก่อนที่พ่อจะเป็นคนออกคำสั่งเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง
“พ่อไม่อยากให้พีชหย่า”
พริมาภาแสดงออกชัดถึงการต่อต้านในทันที
“แล้วถ้าพี่แพรกลับมา”
ทุกคนต้องไม่ลืมว่าเธอเป็นแค่ตัวแทน แต่พวกเขาแต่ละคนกลับทำเหมือนว่ามันคือเรื่องจริงไปแล้ว ทั้งบังคับให้เธอจดทะเบียนสมรส ทั้งจัดงานแต่งงานใหญ่โตต่อไปโดยไม่ยอมยกเลิก
แต่...คนรักตัวจริงของดรัสตันไม่ใช่เธอ...
ถ้าพี่แพรกลับมาแล้วเธอก็ต้องเดินออกไปจากตรงนี้ พริมาภาไม่คิดจะทนอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้เด็ดขาด!
“กลับมาแล้วยังไง” บิดาของเธอตอบโต้เสียงหนัก สีหน้าเกรี้ยวกราดทุกครั้งที่พูดถึงแพรรัมภาลูกสาวคนโต “ถึงยังไงคุณดรัสตันก็เป็นสามีพีช! ในเมื่อแพรเลือกเดินทางนี้แล้วก็ไปให้สุดทาง”
พริมาภาได้ยินคำสั่งนั้นแล้วถึงกับเจ็บใจอกจนพูดไม่ถูก
เธออาจจะไม่เคยแสดงออกให้คนที่บ้านรู้ เรื่องนี้มีเพียงเธอกับดรัสตันที่รู้ดีแก่ใจกันสองคนว่าเธอกับเขาเกลียดกันมากแค่ไหน แต่พ่อกลับจะบังคับให้เธออยู่กับเขาให้ได้ แค่คิดเธอก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
“พีชต้องทนทั้งชีวิตเลยเหรอคะ” น้ำเสียงของพริมาภาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ซ่อนเอาไว้ไม่ไหว “ถ้าเกิดพีชกับเขาเข้ากันไม่ได้จริงๆ”
คราวนี้พ่อคงจะรู้ว่าเมื่อครู่เขาทำร้ายจิตใจเธอมากเกินไปจริงๆ หรือเป็นเพราะแม่ช่วยปรามพ่อ ท่านถึงได้มีท่าทีอ่อนลงบ้างนิดหน่อยในตอนที่ยอมอะลุ่มอล่วยให้แก่เธอ
“ถ้าตอนนั้นพ่อก็จะยอมรับ แต่ตอนนี้พ่อไม่ยอม”
พริมาภาเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้เช่นกัน นี่คือชีวิตของเธอทั้งชีวิต และเธอได้ให้ท่านบงการแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนี้ทางเลือกควรจะเป็นของเธอ ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะคิดตัดสินใจแทนเธอได้
“พีชยอมให้พ่อมากแล้วนะคะที่ให้พ่อบังคับพีชแต่งงานกับเขา”
“...”
“พ่อพังความรักของพีชไปแล้ว อนาคตของพีช พ่อจะไม่ยอมให้พีชตัดสินใจเองเลยเหรอคะ”
“พีช!”
“ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกัน ฉันขอนะคะคุณทิว”
สุดท้ายแม่ของเธอก็ทนไม่ไหว หันไปห้ามปรามผู้เป็นสามี
“คุณพลอย”
ทิวัตถ์มีท่าทีขัดใจอยู่บ้าง แต่คราวนี้พรรณวดีไม่ยอมเงียบอีกต่อไปแล้ว
“เราบังคับยายพีชเพราะความเห็นแก่ตัวมามากพอแล้ว หลังจากนี้ก็ให้พีชเขาตัดสินใจเองเถอะค่ะ”
เธอเอ่ยร้องขอ และนั่นทำให้คนเป็นสามียอมตามใจเธอในที่สุด
“ก็ได้” ทว่าถึงอย่างนั้นทิวัตถ์ก็มิวายออกคำสั่งกับลูกสาวคนเล็กของตน “แต่จะทำอะไรก็บอกพ่อก่อนด้วยได้ไหม สัญญามานะพีช”
“ค่ะ”
พริมาภารับคำ และได้แต่รับคำสั่งไปอย่างนั้นเพราะเธอก็ไม่รู้หรอกว่าถึงเวลาตัดสินใจจริงๆ เธอจะยอมบอกใครก่อนไหมอยู่ดี
.............................