ไม่ชอบ? ไม่เร้าใจ แล้วทำไมต้องเข้าใกล้ฉันด้วย
รู้มั้ยว่าสภาพเขากับฉันมันเหมือนคนกำลังจะได้เสียกันเลย
"ออกไปห่างๆฉันด้วย ฉันกลัว" ฉันบอกคุณนักบินไปตามตรง ก่อนจะรีบหลบเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อกประตูอย่างแน่นหนา แต่ทว่า...เมื่อฉันเปลี่ยนไปใส่เสื้อเชิ้ตของเขา
เสื้อเขากลับสั้นมาก
ทำยังไงดีเนี่ย ฉันลงไปล็อบบี้ในสภาพนี้ไม่ได้นะ
"คุณคะ"
'อะไร?' เขาตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด ราวกับตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าห้องน้ำ เป็นถ้ำมองหรือเปล่านะ ตายๆฉันน่าจะคว้ามือถือออกมาด้วย จะได้เสิร์ชอากู๋ให้รู้เลยว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
ถึงจะคุ้นนามสกุลมาก แต่ทำแบบนี้ไว้ใจไม่ได้นะ
"พอดีว่าเสื้อคุณสั้น"
'แล้ว?' ฉันหลับตาลงรวบรวมความกล้า เพราะสิ่งที่ต้องการมันเป็นของใช้ที่ส่วนตัวมาก
"ยะ ขอยืมบ็อกเซอร์คุณได้มั้ยคะ!? หรือกางเกงอะไรก็ได้"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เคาะทำไม ตอบมาก่อนค่ะว่ามีให้ยืมมั้ย เสื้อเชิ้ตคุณมันสั้น"
'มี เธอก็เปิดสิ'
แกร๊ก....
ฉันค่อยๆแง้มประตูแล้วยื่นแค่มือออกไป แต่สิ่งที่สัมผัสและคลำได้
มันกลับไม่ใช่เนื้อผ้า!
มันเป็น...
"ว้าย! เอาท้องคุณมาทำไม?!"
"คลำไม่ดูตาม้าตาเรือ ระวังเจองูใหญ่นะ" ฉันที่พึ่งโผล่หัวออกไปดูเม้มปากแน่น ก่อนจะรีบดึงบ็อกเซอร์ลายสตอเบอรี่ในมือเขามา พรึบ! แล้วปิดประตูห้องน้ำล็อกกลอนอย่างแน่นหนา
โอ้ยอยากจะบ้า...ฉันมีพี่ชายตั้งสองคน ไม่เคยเห็นบ็อกเซอร์พี่ชายเลย แต่นี่ฉันต้องมาใส่ของคนแปลกหน้าเลยเหรอ ทำไมชีวิตมันทุลักทุเลแบบนี้
เพราะสองคนนั้นแท้ๆ ไอ้พวกสารเลว ไอ้พวกระยำเอ๊ย!
ฉันบ่นในใจแล้วรีบใส่กางเกงของนักบินคนนั้น แต่ขณะที่ก้ม ภาพและเสียงของทิวไผ่กับน้ำอิงก็หลอกหลอนฉันอีก
จนจากที่โกรธๆ กลายเป็นเศร้าอีกแล้ว...
"ฮือๆ ไอ้พวกบ้า ทำแบบนี้กับฉันทำไม ฮือๆ"
'เฮ้ย เธอเป็นอะไรรึเปล่า?!' คุณนักบินถามเข้ามาทันที เมื่อฉันปล่อยโฮร้องไห้
"ฮือๆ ปะ...เปล่า ฉันแค่เศร้า"
'ออกมา อย่าคิดสั้น'
ปึงๆๆ ปึงๆๆ
'ออกมา เดี๋ยวฉันจัดการเอง' ฉันไม่ตอบอะไรเขา เมื่อได้ใส่กางเกงตัวหลวมและแต่งตัวเรียบร้อยก็เปิดประตูออกไปทั้งน้ำตา
ก่อนที่จะถือวิสาสะเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟากลางห้อง
ซึ่งโซฟาตัวนี้...มันเหมือนโซฟาที่สองคนนั้นมีอะไรกันเลย ตอกย้ำฉันอีกแล้ว บ้าเอ๊ย!
"ฮือๆ คุณรู้มั้ย? ว่าเมื่อกี้ที่ฉันวิ่งออกมาเพราะอะไร"
คุณนักบินส่ายหน้าเบาๆแล้วเดินไปนั่งที่อาร์มแชร์ฝั่งตรงข้าม โดยที่เขายังพันผ้าเช็ดตัวแค่ตัวเดียวอยู่อย่างนั้น
อะไรกัน ฉันเข้าไปเปลี่ยนชุดตั้งนานเขาไม่คิดจะใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเลยรึไง?
และนั่นมันก็ทำให้ฉันที่กำลังน้ำตาไหล หันไปสนใจเขาแทน
"ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้าดีๆ"
"ห้องฉัน ฉันจะแต่งตัวยังไงก็เรื่องของฉัน"
"แต่ฉันอยู่ด้วยนะ"
"แล้วไง?" เขาเอียงคอถาม แถมยังยกขาไขว่ห้างอีก
ซึ่งฉันเถียงไม่ได้ จึงเบือนหน้ามองไปที่หน้าต่างแทน จนสุดท้ายเขาลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมที่ไม้แขวนมาใส่ลวกๆ
และเดินกลับมา
"พอใจรึยัง?"
"อือ"
"เล่าต่อสิ ฉันอยากเผือก" คราวนี้เป็นฉันที่เอียงคอมองเขางุนงง น้ำตาที่ไหลก่อนหน้าก็เหือดแห้งแทบไม่เหลือ บอกเลยว่าเจอคนแบบนี้ ฉันหมดอารมณ์ที่จะฟูมฟายแล้ว
ฉันจึงตัดสินใจเล่าให้เขาฟัง
"ก่อนหน้านี้ ฉันเห็นเพื่อนสนิทกับแฟนมีอะไรกันที่โซฟาในห้อง" เขาพยักหน้าเบาๆ และเมื่อฉันเห็นว่าเขาไม่ตกใจ ไม่มีคำถาม ก็ตัดสินใจเล่าต่อ
"ฉันจึงเข้าไปโวยวาย แต่สุดท้ายพวกนั้นก็บอกว่ามันแค่สนุก และหลังเซ็กส์ยังไงก็คือเพื่อนกัน แถมยังบอกว่ามีอะไรกันก่อนที่จะคบกับฉันอีก"
"อืม แล้วไงต่อ"
"ฉันก็โมโหน่ะสิ ฉันด่าเละทั้งสองคน ตบหน้าไปด้วย แต่สุดท้ายพวกมันก็บอกให้ฉันเปิดใจเรื่องเซ็กส์ และพยายามทำให้ฉันยอมมีอะไรกับพวกมัน"
คุณนักบินชะงักไปครู่ แต่เมื่อฉันมองหน้าเขา..เขาก็รีบถามกลับ
"แล้วทำไมเธอไม่ลอง กับแฟนเธอไม่เคยมีเซ็กส์กันรึไง?"
เขาถามตรงๆแบบนี้เลยเหรอ แต่ก็นะ...ฉันเป็นคนเล่าเรื่องบัดสีพวกนี้ก่อน มันก็คงไม่แปลกที่เขาจะกล้าถามกลับมา
"ไม่เคยหรอก และฉันก็คิดว่ามันไม่จำเป็นด้วย" ฉันตอบเสียงเบา แถมยังไม่กล้ามองหน้าเขา
"เธอเป็นสาวบริสุทธิ์เหรอ?"
"ทำไมคุณต้องถามย้ำ คิดว่าฉันโกหกรึไง?"
"หึ ฉันแค่แปลกใจ ปี2020 มันยังเหลือผู้หญิงที่ยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยเหรอวะ?"
"มีสิ ก็ฉันนี่ไง คุณไปอยู่โลกไหนมา"
"เถียงเก่งแบบนี้ไม่เศร้าแล้วสินะ งั้นรอที่นี่ฉันจะใส่เสื้อผ้าและจะพาเธอไปเก็บของที่ห้องนั้น" ฉันได้ยินแบบนั้นก็ยืนขึ้นตามเขาทันที
"ไม่ ฉันตั้งใจจะลงไปล็อบบี้และขอให้พนักงานไปเก็บของให้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกมัน"
คนตัวสูงที่กำลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหันมามองฉันแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อคลุมทิ้งแล้วดึงเสื้อยืดมาใส่ พร้อมๆกับสบัดกางเกงขายาวพรึบพับ และยกขาใส่ทีละข้างอย่างไม่อาย
โอ๊ยตาจะบอด บทจะยกก็ยกไม่บอกกันสักคำ เล่นเอาฉันต้องรีบหันไปทางอื่นเลย
"ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว ส่วนเธอมาใส่นี่ด้วย ตัวแห้งหนังติดกระดูกเดี๋ยวก็หนาวตายเอาหรอก" บอกไม่พอเขายังกวักมือให้ฉันไปใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวใหญ่ ซึ่งฉันก็เดินไปอย่างว่าง่าย แถมยังยอมให้เขาใส่มันให้ด้วย
อุ่นขึ้นจริงแฮะ
"เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะเธอไม่ผิด จำคำฉันเอาไว้"
ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขาหรอก เพราะเขาพูดจบก็เดินนำฉันเปิดประตูออกไปเลย มีแค่ฉันนี่แหละที่ไม่กล้าเดินตาม
ฉันกลัวอีกแล้ว
คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง...แต่สุดท้ายฉันมันก็อ่อนแอและขี้ขลาด ยิ่งเห็นทางเดินที่ฉันระเห็จออกมาจากห้องนั้น ภาพที่พวกมันกดฉันลงบนโซฟาก็หลอกหลอนฉันอีก
จนตอนนี้มือสองข้างฉันกำแน่น ต่อให้อุณหภูมิในห้องจะเย็นแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"เป็นอะไร?" คุณนักบินที่อยู่หน้าห้องถามเข้ามา
"ฉะ ฉันขอเวลาสักพักได้มั้ย?"
"ไม่ต้องขอเวลา เพราะฉันจะนอนแล้ว ฉันต้องส่งเธอออกไปจากห้องฉันตอนนี้" ฉันหันมองนาฬิกาที่แขวนผนังทันที และเมื่อเห็นว่าเข็มสั้นชี้ที่เลขสองก็ตัดสินใจสูดหายใจเข้าลึกๆ และก้าวเท้าซ้ายออกไปจากห้อง
จนเขาถามขึ้นมาว่า
"อยู่ห้องไหน?"
"ฉันจะไปล็อบบี้" ฉันตอบเขาแล้วเดินไปที่ลิฟต์ทันที แต่สุดท้ายก็โดนเขารั้งแขนเอาไว้
"ฉันถามว่าอยู่ห้องไหน?"
"A4291 ทางนั้น" สุดท้ายฉันก็ยอมชี้ไปที่ซ้ายมือของตัวเองจนได้
จนคุณนักบินเขาตัดสินใจจับข้อมือฉันหมับ! และกระตุกให้ฉันเดินตาม
"ไม่ ฉันไม่ไป ไม่ไปนะ" ฉันแกะมือเขาออก แต่ยิ่งแกะเขาก็ยิ่งดึงฉันและก้าวเร็วขึ้น จนรู้ตัวอีกทีฉันก็มาถึงหน้าห้องของตัวเองแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
"คุณ...ไม่เอา"
"กลัวอะไร อย่ากลัว"
"ฉันไม่ได้กลัว ฉันแค่เกลียด"
"เกลียดก็ดี เข้าไปทำให้พวกนั้นเห็นว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไร เธออยากเป็นคนแพ้มากเหรอ? สู้สิวะ"
ฉันไม่ตอบ เพราะเอาแต่คิววนๆอยู่ในหัวตัวเอง อืม ฉันไม่อยากเป็นคนแพ้ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยังอ่อนแออยู่ได้
หรือแผลมันยังใหม่ไป ฉันต้องใช้เวลามากกว่านี้
แกร๊ก....
"วะ...วาเลน คุณแอร์บัส" ฉันหันขวับไปมองหน้านังแพศยาได้ไม่นาน ก็ต้องหันกลับมามองคนข้างกาย
สองคนนี้รู้จักกันงั้นเหรอ?
"เธอนี่เอง หลบ...ฉันจะเข้าไป" คุณนักบินบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่น้ำอิงกลับรีบยืนขวางประตูไว้
"อย่าเลยนะคะ...พอดีในห้องไม่ค่อยเรียบร้อย เอ้อวาเลนแกจะเอาอะไร ฉันหยิบให้เอง" ฉันยังไม่ตอบ แต่ขยับไปควงแขนคุณนักบินทันที เพราะฉันเห็นลางๆว่าข้างในมีคนกำลังเดินมาสมทบ
แต่พอฉันทำแบบนั้น แปลก...น้ำอิงกลับจิกตามองฉันด้วย
เธอโกรธอะไรฉัน ?
คนที่ฉันควงไม่ใช่ไอ้สารเลวทิวไผ่สักหน่อย
"ฉันต้องการของทั้งหมด ตอนนี้" แล้วฉันก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ จนน้ำอิงทำหน้าครุ่นคิด และส่งยิ้มกลับมา
"เอาแฟนแกด้วยใช่มั้ย? อ๋อเข้าใจแล้ว...ที่แกมา แกมาปรับความเข้าใจกับทิวไผ่สินะ คบกันมาเกือบห้าปีอย่าทะเลาะกันเลย ใครๆก็บอกว่าแกเป็นคู่ที่น่ารักคู่นึงเลยนะ"
ทำไมฉันรู้สึกได้...ว่าที่น้ำอิงกำลังพูดอยู่ เธอกำลังพูดให้คุณนักบินเข้าใจแบบนั้น ไม่ได้พูดกับฉันเลย
"หยุดเห่า แล้วไปเอาของฉันออกมา"
"คนนี้รึเปล่าของแก^^" น้ำอิงพูดจบก็ดึงแขนทิวไผ่ออกมายืนข้างๆ ซึ่งมันทำให้ฉันเดือดขึ้นอีกสิบเท่า
"ฉันหมายถึงของอีบ้า!"
พลั่ก! ฉันโมโหมากผลักอกน้ำอิงจนมันเซไปข้างหลัง
"โอ๊ย แกลงไม้ลงมือกับฉันตลอดเลยนะวาเลน ก่อนหน้าก็ตบฉัน ทำไมเจ้าอารมณ์แบบนี้ล่ะ"
พอได้ยินเสียงและเห็นสีหน้าตอแหลนั่น ฉันก็กัดฟันกรอดๆ แล้วก้าวไปหาน้ำอิงอีกครั้ง
ถ้าหาว่าฉันเจ้าอารมณ์
ได้...ฉันจัดให้
เพียะ!
"กรี๊ด! แกตบฉันอีกแล้วนะ!"
"ใช่ฉันตบ ไปเอาของฉันออกมา!" ฉันชี้เข้าไปในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าทิวไผ่รีบแทรกออกมาทันที
"เราคุยกันดีๆก็ได้วาเลน เรื่องแค่นี้เอง"
เรื่องแค่นี้งั้นเหรอ? ฉันจับได้ว่าเพื่อนสนิทมีเซ็กส์กับแฟนตัวเองมันเป็นเรื่องแค่นี้เหรอ? ต้องสันดานเลวขนาดไหนถึงคิดแบบนี้ได้
เหอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันเคยหลงรักและไว้ใจคนแบบนี้ถึงห้าปี!
งั้นก็แถมให้มันด้วยแล้วกัน!
เพียะ!
ฉันทนไม่ไหวตบทิวไผ่ไปหนึ่งฉาก แต่เมื่อจะง้างมือตบให้สะใจอีกครั้ง เขาก็คว้าข้อมือฉันหมับ! แล้วดึงฉันเข้าไปหาตัวเอง
"มันจะมากเกินไปแล้วนะวาเลน คุยกันดีๆก็ได้!"
"ปล่อยผู้หญิง"
น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ย ทำให้ฉันกับทิวไผ่หันไปมองคุณนักบินทันที รวมถึงน้ำอิงด้วย