ก่อนหน้านั้น
ช่วงพลบค่ำของวัน ร่างกำยำของชายหนุ่มหน้าเอเชียคมเข้มดูดุดันและน่าเกรงขามสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกำลังก้าวเดินย่างกรายเข้ามาในคฤหาสน์ของตระกูลเทวาศิริโชติด้วยแววตาและสีหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความเดือดดาลที่มีอยู่เต็มอก
ชายหนุ่มก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่เพราะก่อนหน้านี้ลูกน้องคนสนิทของเขารายงานให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นักรบจึงรีบกลับมาที่บ้านของตัวเองทันที
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ นักรบก็เดินมาถึงห้องโถงใหญ่ภายในคฤหาสน์สุดหรูหรา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องก็พบว่ามีมารดากับบิดาของเขาและผู้หญิงแปลกหน้าอีกหนึ่งคนที่ยืนเกาะแขนอยู่ข้างๆ พ่อของนักรบ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“นี่มันอะไร!” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยออกมาอย่างก้องกังวาน
หญิงสาวใบหน้าสวยหวานดูท่าทางอ่อนโยนแต่นักรบกลับมองออกว่าเธอไม่ได้มีแววตาที่อ่อนโยนแบบที่แสดงออกมาเลย เธอสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ บิดาของนักรบสะดุ้งโหยงเล็กน้อยพร้อมกับกอดรัดวงแขนแกร่งของชายแก่เอาไว้แน่น
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!” นักรบเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของบิดาและหญิงสาวที่ดูมีอายุน้อยกว่าเขาเสียอีกก่อนที่นักรบจะตะคอกใส่พวกเขาทั้งสองคนเสียงดังลั่น
“ใจเย็นๆ ก่อนนะลูก”
ณิชา หรือ นรีรัตน์ เทวาศิริโชติ มารดาของนักรบเดินมาจับแขนของลูกชายเอาไว้เพื่อต้องการจะให้นักรบตั้งสติมากกว่านี้
“ผมถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” นักรบกดเสียงถามย้ำอีกครั้ง
“เมียฉัน”
ณัฏฐกิตติ์ เทวาศิริโชติ หรือ น่านฟ้า บิดาของนักรบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น ถึงแม้ว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างณิชาจะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วยก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร
“ทำไมต้องเอาเข้ามาในบ้าน” นักรบมองจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยแววตาเหยียดหยามและดูหมิ่น
“เพราะต่อจากนี้ไปฉันจะเอาเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย”
“ผมไม่ให้เอาเข้ามา”
“แกคิดว่าแกห้ามฉันได้ก็ลองดู” น่านฟ้าตอบกลับอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า บิดาของนักรบรู้จุดอ่อนของนักรบมากกว่าใคร เขารู้ดีว่าสิ่งที่นักรบเป็นห่วงมากที่สุดในชีวิตก็คือณิชา
“นักรบ..ไม่เป็นไรลูก ปล่อยพ่อเขาไปเถอะ” ณิชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอไม่ต้องการให้นักรบมีปัญหาหรือทะเลาะกับบิดาของตัวเองและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอนอกกายนอกใจเธอแบบนี้ แต่ที่ผ่านมาสามีของเธอก็แค่ไม่ได้พามาอยู่ในบ้านเหมือนดั่งเช่นครั้งนี้
“ผมไม่ให้เอาเข้ามา ถ้าจะกินก็เอาไปกินข้างนอก! นี่มันบ้านไม่ใช่ซ่อง!!” นักรบตะคอกใส่พ่อและผู้หญิงคนนั้นเสียงดังลั่นจนทำให้สาวใช้ที่ยืนอยู่ตามมุมต่างๆ ของบ้านพากันก้มหน้าก้มตาทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น
“หยุดพูดแบบนี้กับเมียฉันนะนักรบ!!” น่านฟ้าเสียงดังใส่ลูกชายกลับไป
“นักรบพอเถอะลูก อย่าทะเลาะกันเลย”
ณิชารู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องพวกนี้เต็มทนแล้ว ในคราแรกที่เธอจับได้เธอยอมรับเลยว่าเธอไม่ได้นิ่งเฉยแบบทุกวันนี้ เธอร้องไห้ฟูมฟายมีปากเสียงกับน่านฟ้าทุกครั้งตั้งแต่นักรบอยู่ในช่วงวัยรุ่น ทุกครั้งก็จบลงด้วยการทำร้ายร่างกายเธอตลอดจนกระทั่งนักรบโตมา ชายหนุ่มก็เริ่มปีกกล้าขาแข็งใส่บิดาของตัวเองเพราะเขารู้สึกไม่ชอบพ่อของตัวเอง นักรบจึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและตั้งใจศึกษาเรื่องการบริหารธุรกิจจวบจนชายหนุ่มได้ตำแหน่งที่บริษัทมาด้วยความสามารถของตัวเองล้วนๆ
หลังจากนั้นนักรบจึงยื่นคำขาดกับบิดาว่าถ้าหากน่านฟ้าต้องการมีบ้านเล็กบ้านน้อยก็มีไป แต่ห้ามมาทำร้ายร่างกายแม่ของเขาเด็ดขวด ซึ่งน่านฟ้าก็รับปากว่าเขาจะไม่ทำร้ายร่างกายแม่ของนักรบอีก
“แม่” นักรบหันไปมองหน้าแม่ของตัวเองด้วยแววตาที่อ่อนยวบลงไปจากที่มองบิดาและหญิงสาวคนใหม่ของพ่อ
“ดูสิ..ขนาดแม่แกยังไม่ว่าอะไรเลย” น่านฟ้าเอ่ยขึ้น
นักรบจึงหันหน้ากลับไปมองบิดาของตัวเองด้วยสายตาที่แข็งกร้าวในขณะเดียวกันมือหนาของชายหนุ่มก็กำหมัดเอาไว้แน่นทั้งสองข้าง
“ฉันไม่ได้จะยกเธอขึ้นมาเป็นเมียหลวงสักหน่อย ก็แค่ให้เข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกัน เธอโอเคใช่ไหมณิชา” น่านฟ้าเอ่ยต่อด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวใดๆ ทั้งสิ้น
“ค่ะ คุณจะทำอะไรก็แล้วแต่คุณเลยค่ะ” ณิชาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“หึ! ก็แค่นั่นแหละ” บิดาของนักรบเอ่ยก่อนที่เขาจะตะโกนเรียกหัวหน้าแม่บ้านเสียงดัง
“ป้าเล็ก! ป้าเล็ก!”
“ค่ะๆ มาแล้วค่ะ ต้องการอะไรคะท่าน” หัวหน้าแม่บ้านรีบวิ่งหน้าตั้งมาใกล้พวกเขาทั้งสี่คนทันที
“ไปจัดห้องให้เมียของฉันหน่อย เอาติดกับห้องของฉันเลย” น่านฟ้าเอ่ย
“ค่ะ”
“ต่อจากนี้ไป ธิดาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้าน ทุกคนที่นี่ต้องฟังคำสั่งของเธอด้วยและถ้าหากว่าเธอขาดเหลืออะไรทุกคนต้องจัดการให้เธอโดยเร็วที่สุด”
“เข้าใจใช่ไหม!” เมื่อเห็นว่าเหล่าบรรดาคนใช้พากันเงียบใส่ น่านฟ้าจึงถามย้ำอีกครั้ง
“เข้าใจค่ะท่าน!” สาวใช้ทุกคนตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
นักรบหันมามองหน้ามารดาของตัวเองอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะจับมือเหี่ยวย่นของณิชาออกจากแขนของตัวเองและรีบเดินหันหลังออกไปจากห้องนี้ทันที
“นักรบ! นักรบลูก!”
ณิชาชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็ตะโกนเรียกลูกชายที่เดินสะบัดออกไปด้วยท่าทางเดือดดาลอยู่เต็มอก ณิชารีบก้าวเดินตามนักรบออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้หันกลับมามองสามีกับภรรยาอีกคนของเขาเลย
“นักรบ หยุดคุยกับแม่ก่อน” มารดาเดินตามลูกชายมาจนถึงลานจอดรถหรูของคฤหาสน์ เสียงสาวแก่เหนื่อยหอบจากการเดินตามลูกชายอย่างรีบร้อนออกมา นักรบจึงยอมหยุดเดินและหันหน้ากลับมาคุยกับมารดาของตัวเอง
“ทำไมแม่ต้องยอมเขาตลอดเลยด้วย! แม่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง” นักรบหันมาตะโกนใส่มารดาเสียงดังอย่างลืมตัว
“นักรบฟังแม่นะ..แม่ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น แม่อดทนได้ลูกไม่ต้องไปทะเลาะกับเขาแล้วนะ”
ณิชาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอรู้ดีว่านักรบรักและเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน เธอไม่อยากให้ลูกชายเก็บเอาเรื่องพวกนี้ไปใส่ใจเพราะลำพังแค่ทำงานที่บริษัททุกวันนี้ นักรบก็แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว
“ผมไม่เข้าใจแม่เลยจริงๆ ทำไมแม่ถึงต้องมาอดทนกับคนแบบนี้ด้วย”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยลูก ยังไงเขาก็คือพ่อของลูกนะ”
“พ่อเหรอ หึ!” นักรบแค่นหัวเราะในลำคอ เขาไม่เคยคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ขอเขาไว้เขาก็คงให้ชายคนที่ย่ำยีหัวใจแม่ของเขาย้ายออกไปจากคฤหาสน์นานแล้วละ
“พ่อเขาก็เป็นแบบนี้ของเขามาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องไปสนใจหรอกลูก”
เมื่อได้ยินมารดากล่าวออกมาเช่นนั้น นักรบจึงถอนหายใจออกยาวด้วยความรู้สึกทุกข์ระทมในใจที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนไม่สนใจกับเรื่องหรือดูเหมือนว่าเขาจะเข้มแข็งกับทุกเรื่องแต่ความเป็นจริงแล้วเขาก็แค่พยายามซ่อนตัวตนจากทุกคนก็เท่านั้น จริงๆ แล้วเขามันก็แค่เด็กมีปมในใจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วแค่นั้นเอง
“ผมไปก่อนดีกว่าแม่ ไว้ผมใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกันดีกว่า”
“อย่าขับรถเร็วนะลูก” ณิชาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
นักรบหันหลังให้มารดาพร้อมกับสาวเท้าเดินไปยังรถสปอร์ตคันหรูสีดำเงา ชายหนุ่มเปิดประตูรถขึ้นไปก่อนที่เขาจะขับรถออกไปด้วยความเร็วแรงตามอารมณ์ของเขาจนณิชาที่ยืนอยู่รู้สึกตกใจ
“นักรบ! ลูก!”
สาวแก่ยืนมองรถคันหรูที่ขับเคลื่อนออกไปจากคฤหาสน์ด้วยความเร็วเต็มกำลังจนเธออดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้
เมื่อคิดได้อย่างนั้นณิชาจึงรีบเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองที่อยู่ในกระเป๋าตรงห้องโถงใหญ่มากดโทรหาคนที่เธอไว้วางใจให้ดูแลนักรบมากที่สุด
ณิชากดหน้าจอโทรศัพท์โทรหาใครบางคนอย่างรวดเร็ว ซึ่งรอไม่นานนักปลายสายก็กดรับสายทันที
“จอมใจ”
‘ค่ะคุณป้า’ ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หนูว่างหรือเปล่าจ๊ะ”
‘ว่างค่ะ’
“ป้าจะให้หนูตามไปดูนักรบหน่อยนะ”
‘เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ’
“ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยนะจ๊ะ ป้าฝากไปดูแลนักรบหน่อยนะ”
‘ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูโทรให้คนสนิทของท่านประธานไปเฝ้าไว้ก่อนนะคะ แล้วหนูจะรีบตามไปค่ะ’
“ขอบใจหนูมากๆ เลยนะ”
‘ค่ะ หนูวางสายก่อนนะคะ’
“จ้า” ณิชากดวางสายทันที หลังจากที่กดวางสายไปแล้วมารดาของนักรบก็ยืนคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาอย่างละเอียดและคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง