หลังจากที่สิ้นสุดการประชุม นักรบก็ดันเก้าอี้ออกและลุกขึ้นยืนช้าๆ ชายหนุ่มหน้านิ่งจะเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ทุกคนจึงลุกขึ้นก้มหัวให้ท่านประธานหนึ่งครั้ง พวกเขาก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
ส่วนจอมใจก็รีบปิดแล็ปท็อปกับสมุดจดของเธอมาโอบอุ้มไว้ในอ้อมแขน เธอรีบกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองและสรุปรายงานการประชุมในวันนี้ให้เจ้านายโดยเร็วที่สุด จอมใจไม่ลืมที่จะโทรจองร้านอาหารให้เจ้านายกับลูกค้ารายใหญ่ หลังจากนั้นเธอก็โทรไปแจ้งเลขาของฝั่งนั้นเพื่อคอนเฟิร์มร้านอาหารกับพวกเขาอีกครั้ง
จอมใจลุกขึ้นมาจากเก้าอี้โต๊ะทำงานของตัวเอง เธอหันหลังกลับไปเคาะประตูห้องของนักรบและขออนุญาตชายหนุ่มเพื่อเอาแฟ้มเอกสารรายงานการประชุมของวันนี้ที่เธอเพิ่งทำเสร็จไปให้เจ้านายของเธอ
หญิงสาวเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มก็พบว่านักรบกำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านและเซ็นเอกสารมากมายที่กองอยู่ตรงหน้าเขาอยู่
นักรบเงยหน้าขึ้นมามองจอมใจชั่วครู่ จากนั้นชายหนุ่มก็ก้มลงมาสนใจกับเอกสารตรงหน้าต่อ เพราะวันนี้งานของเขารัดตัวมากจึงทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถไปคิดเรื่องอื่นได้เลย
“เอกสารรายงานการประชุมในแต่ละข้อหัวของวันนี้ค่ะท่านประธาน” จอมใจวางแฟ้มสีดำไว้บนโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม เธอก้มหัวให้ท่านประธานหนึ่งครั้งก่อนที่เธอจะหันหลังกลับเดินออกมาจากห้องทำงานของนักรบทันที
ร่างอรชรก้าวเดินอย่างมาดมั่นออกมาจากห้องของนักรบ หญิงสาวกลับมานั่งทำงานของตัวเองต่อเรื่อยๆ จวบจนนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งไว้ในโทรศัพท์สั่นแจ้งเตือนขึ้นมา หญิงสาวมักจะตั้งนาฬิกาปลุกแบบนี้เสมอเพื่อไม่ให้ตัวเองลืมเวลาเพราะบางครั้งเธอก็อาจจะทำงานหนักจนลืมเวลาไปได้
จอมใจรีบเก็บข้าวของที่จำเป็นของตัวเองก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินไปเคาะประตูห้องทำงานของนักรบ หญิงสาวแง้มเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ
“ท่านประธานค่ะถึงเวลาต้องไปทานข้าวกับลูกค้าแล้วค่ะ” จอมใจเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มพลางเอ่ยขึ้น
“อือ” นักรบตอบกลับสั้นๆ มือหนาปิดแฟ้มเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่ลง จากนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน นักรบก้าวเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างช้าๆ ตามมาด้วยจอมใจที่เดินตามหลังชายหนุ่มมาติดๆ
นักรบกับจอมใจเดินเข้ามาในลิฟต์หรู จอมใจเอื้อมมือไปกดลิฟต์เพื่อไปยังชั้นล่างสุด ทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของนักรบที่กำลังเอาสองมือล้วงกระเป๋าปรายตามองเธออยู่เป็นระยะแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป พวกเขาลงมาจนถึงชั้นล่างสุดของบริษัท นักรบเดินนำจอมใจก้าวเดินไปยังลานจอดรถวีไอพีของบริษัททันที
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงรถคันหรูสีดำเงาที่มี ภูผา มือขวาคนสนิทของนักรบยืนรออยู่ ภูผาเปิดประตูรถให้เจ้านายขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังคนขับ นักรบขึ้นรถไปก่อนและตามมาด้วยจอมใจที่เดินอ้อมไปอีกฝั่ง เธอเปิดประตูรถเองและขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลังตามชายหนุ่มไปติดๆ
ภูผาปิดประตูรถให้กับเจ้านายจนเสร็จสรรพ เขาก็เดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับและขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับรถทันที
รถคันหรูสีดำเงาเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดรถวีไอพีช้าๆ ภูผาขับเคลื่อนรถไปยังจุดมุ่งหมายที่ได้คุยกับจอมใจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นไปเกือบครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
ชายหญิงทั้งสองคนเดินเข้ามาภายในตึกหรูที่มีร้านอาหารอยู่ชั้นบนสุดของตึกอาคารแห่งนี้และตรงไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ทันที
นักรบกับจอมใจขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นบนสุดของอาคาร จอมใจเดินนำชายหนุ่มไปยังหน้าเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานต้อนรับยืนอยู่สามคนทันที
จอมใจอยู่กับนักรบมานานเธอจึงรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไรและเวลาไหนที่เธอควรจะเดินตามหรือเวลาไหนที่เธอควรจะเดินนำหน้าชายหนุ่มมาเพื่อที่จะจัดการเรื่องบางอย่างให้ชายหนุ่มก่อน
“สวัสดีค่ะ ได้จองไว้ไหมคะ” พนักงานต้อนรับชุดสีดำหน้าเคาน์เตอร์เอ่ยทักทายพวกเขา
“จองไว้ชื่อคุณปรัชญ์ธนัชค่ะ” จอมใจเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใสและเป็นมิตร ต่างกับท่านประธานของเธอที่เอาแต่ยืนหน้านิ่งสองมือล้วงกระเป๋าไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ
“สักครู่นะคะ” พนักงานสาวเอ่ยก่อนที่เธอจะหันไปกดหน้าจอคอมพิวเตอร์ระบบสัมผัสอยู่ชั่วครู่
“ลูกค้าจองไว้ที่โต๊ะวีไอพี03นะคะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยต่อ
“ค่ะ”
“เชิญตามพนักงานไปได้เลยค่ะ”
“เชิญค่ะท่านประธาน” จอมใจหันไปบอกกล่าวเจ้านายหน้านิ่งของเธอให้เขาเดินตามพนักงานไปก่อนเพราะว่าเธอจะได้เดินตามหลังชายหนุ่มไป
“ทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวอีกหนึ่งผายมือให้พวกเขาเดินตามเธอ ในขณะเดียวกันพนักงานสาวก็เดินนำนักรบกับจอมใจไปก่อนเพื่อพาพวกเขาไปยังโต๊ะที่จองไว้
นักรบกับจอมใจเดินตามหลังพนักงานสาวชุดดำมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงโต๊ะที่พวกเขาจองเอาไว้ โต๊ะที่จอมใจเลือกเอาไว้เป็นโซนวีไอพีที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวแต่ไม่ใช่ห้องวีไอพีเพราะวันนี้พวกเขาไม่ได้มาพูดคุยเรื่องธุรกิจกัน โซนวีไอพีจะมีอยู่ประมาณหกโต๊ะที่ดูเป็นส่วนตัวและแต่ละโต๊ะก็ค่อนข้างจะห่างกันพอสมควร
เมื่อมาถึงโต๊ะนักรบก็นั่งลงก่อนและตามมาด้วยจอมใจที่ย่อตัวนั่งลงข้างๆ ท่านประธานด้วยความเคยชิน
“ลูกค้าจะสั่งอาหารเลยไหมคะ” พนักงานเอ่ยถาม
“ขอเป็นน้ำเปล่าสองแก้วก่อนนะคะ เดี๋ยวถ้าสั่งอาหารฉันจะเรียกอีกรอบค่ะ” จอมใจตอบกลับไป
“ค่ะ” สิ้นเสียงของพนักงาน เธอก็หันหลังเดินไปจากโต๊ะทันที
ในเวลาต่อมา พนักงานเสิร์ฟก็ถือถาดที่มีน้ำเปล่าสองแก้ววางอยู่ในถาดมาเสิร์ฟให้พวกเขาทั้งสองคน พนักงานวางแก้วหน้าไว้ตรงหน้าของนักรบกับจอมใจ
“ขอบคุณค่ะ” จอมใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง
ในจังหวะนั่นเอง ลูกค้ารายใหญ่กับเลขาของเขาก็เดินมายังโต๊ะที่นักรบกับจอมใจนั่งอยู่
“สวัสดีครับ” นักรบลุกขึ้นยืนพร้อมกับทักทายชายหนุ่มในชุดสูท ส่วนจอมใจก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นลูกค้ารายใหญ่ของท่านประธาน
“สวัสดีครับคุณปรัชญ์ธนัช” ณอน ตอบกลับนักรบด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มลึกก่อนที่เขาจะหันไปเอ่ยทักทายจอมใจเช่นกัน
“สวัสดีครับคุณจอมใจ”
“สวัสดีค่ะ” จอมใจตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มกว้างไปให้ไปชายหนุ่ม
“เชิญนั่งกันก่อนนะคะ”
สิ้นเสียงจอมใจ ณอนกับเลขาก็นั่งลงตรงข้ามกับนักรบกับจอมใจ โดยณอนนั่งตรงข้ามกับนักรบและเลขาของณอนนั่งตรงข้ามกับจอมใจ
“เลขาของคุณเก่งจังเลยนะครับ จัดการทุกอย่างแทนคุณได้หมดเลย” ณอนส่งยิ้มกว้างไปให้จอมใจด้วยความชื่นชมในความสามารถของหญิงสาว
“ครับ” นักรบตอบกลับสั้นๆ ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา
“ขอบคุณค่ะ” จอมใจส่งยิ้มหวานไปให้ณอน
“สั่งอาหารกันเลยไหมคะท่าน” จอมใจเอ่ยถามต่อ
“ครับ” ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามของนักรบตอบกลับ
จอมใจจึงยกมือขึ้นมาเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โต๊ะของพวกเธอ พนักงานรีบเดินมาเอาเมนูวางให้พวกเขาทั้งสี่คนดูทันทีพร้อมกับหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเตรียมกดเมนูอาหารที่พวกเขาสั่ง
“เอาสเต๊กเนื้อไวน์แดง สตูเนื้อ พาสต้าคาเวียร์ สปาเกตตีทรัฟเฟิลครีมอย่างละหนึ่งที่ค่ะ” จอมใจสั่งอาหารโดยที่ไม่ต้องถามนักรบเพราะเธอรู้ว่าชายหนุ่มต้องการกินอะไรและไม่ชอบกินอะไร เมื่อหญิงสาวสั่งอาหารให้เจ้านายกับตัวเองจนเสร็จสรรพเธอก็หันไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามนักรบต่อ
“คุณณอนทานอะไรดีคะ”
“พวกคุณทานอาหารทะเลได้ไหมครับ” ณอนเอ่ยถาม
“ท่านประธานแพ้อาหารทะเลพวกกุ้งหอยค่ะ แต่ถ้าหากคุณณอนต้องการที่จะสั่งมาทานก็ได้นะคะ” จอมใจตอบกลับอย่างสุภาพ
“คุณจอมใจนี่รู้ใจเจ้านายทุกอย่างเลยนะครับ ไม่ต้องให้บอกอะไรเลยสักคำไม่เหมือนเลขาของผมต้องบอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมล่ะอยากได้เลขาแบบคุณจริงๆ เลยนะครับ” ณอนพูดทีเล่นทีจริง แต่กระนั้นก็ทำให้นักรบปรายตามองเขาอยู่เล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมเอาสเต๊กเนื้อโคเบ หอยเชลล์ฮอกไกโดย่างเนย คุณจะทานอะไรสั่งได้เลยนะ” ณอนดูเมนูอาหารอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเอ่ยสั่งอาหาร หลังจากนั้นเขาก็หันไปบอกกับเลขาของตัวเอง
“ดิฉันเอาเป็นสปาเกตตีซีฟู้ดซอสซัฟฟรอนค่ะ” เลขาสาวหันไปบอกกล่าวกับพนักงานที่ยืนถือแท็บเล็ตกดสั่งอาหารให้พวกเขาอยู่
“ขออนุญาตทวนรายการอาหารค่ะ รับเป็นสเต๊กเนื้อไวน์แดง สตูเนื้อ พาสต้าคาเวียร์ สปาเกตตีทรัฟเฟิลครีม สเต๊กเนื้อโคเบ หอยเชลล์ฮอกไกโดย่างเนย สปาเกตตีซีฟู้ดซอสซัฟฟรอนนะคะ”
“ค่ะ” จอมใจตอบสั้นๆ
“เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ” พนักงานเอ่ยถามต่อ
“ไวน์แดง” เป็นเสียงของนักรบที่ตอบกลับพนักงานด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เอ่ออ น้ำเปล่ากับไวน์แดงค่ะ” จอมใจจึงย้ำกับพนักงานอีกครั้ง
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” สิ้นเสียงของจอมใจ พนักงานก็เอื้อมมือมาเก็บเมนูไปเพื่อไม่ให้มันเกะกะลูกค้า หลังจากนั้นพนักงานสาวก็หันหลังกลับเดินไปจากโต๊ะของพวกเขาทันที
รอไม่นานเท่าไหร่ พนักงานเสิร์ฟก็เดินมาทั้งสองคน ซึ่งคนหนึ่งยกถาดที่มีน้ำเปล่ามาส่วนอีกคนถือขวดไวน์กับถังแช่ไวน์มาด้วยท่าทางมาดมั่น
“รับไวน์กี่แก้วดีคะ” พนักงานเอ่ยถาม
“สองแก้วค่ะ” จอมใจตอบกลับพร้อมส่งยิ้มกว้างให้พนักงาน
“ค่ะ” พนักงานจัดการรินไวน์ใส่แก้วให้พวกเขาสองแก้วและวางไว้ให้นักรบกับณอน หลังจากที่พนักงานสาวรินไวน์เสร็จสรรพ เธอก็เดินไปประจำตำแหน่งของตัวเองที่ไม่ไกลโต๊ะมากนักเพื่อให้ลูกค้าสามารถเรียกใช้งานพวกเธอได้ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟทีละอย่างตามลำดับ ณอนพยายามพูดคุยกับจอมใจอย่างเห็นได้ชัด ต่างกับนักรบที่ไม่ค่อยพูดคุยอะไรกับใครแต่ถ้าหากณอนหันมาคุยกับเขา นักรบก็จะตอบตามสมควรหรือเรียกง่ายๆ ว่าถามคำตอบคำนั่นเองเพราะถึงณอนจะเป็นลูกค้ารายใหญ่แค่ไหนแต่นักรบก็ยังคงเป็นเขา เขาเป็นแบบนี้กับทุกคนและถึงยังไงลูกค้าก็ต้องพึ่งพาบริษัทของเขาอยู่ดี คงไม่มีบริษัทขนส่งไหนที่มีประสิทธิภาพเท่าบริษัทของนักรบอีกแล้ว