ตอนที่ 8 “ลู่หลิงฟาง”

1419 Words
ใต้เท้าลู่หันไปมองพระพักตร์ท่านอ๋องอย่างนึกประหลาดใจ ท่านอ๋องคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ประหลาด เขาจึงหยิบยาที่หลิงเฟยให้เขาออกมาหนึ่งเม็ดและส่งให้ท่านหมอลู่ “นี่มัน…ใช่จริง ๆ ยาต้าหรงจริง ๆ แต่ผู้ใดกันที่ทำยานี้ออกมาได้ หรือว่า….” ท่านหมอลู่และลู่หยวนลี่หันมามองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่าหลิงเฟยศึกษาวิชาแพทย์อย่างแตกฉานแต่นางไม่เคยแสดงออกเรื่องนี้มาก่อน “ท่านอ๋อง พระองค์รีบกินเถิดพ่ะย่ะค่ะ พิษในพระวรกายจะได้ถูกขับออกมา” ท่านหมอลู่ส่งยาคืนให้ท่านอ๋อง เขาจึงรับและกลืนลงไปในทันที แม้ว่าจะยังไม่ได้คำตอบแต่ในตอนนี้ที่เขาเห็นว่าลู่หลิงเฟยกลับมาถึงจวนอย่างปลอดภัยนั่นก็นับว่าโล่งใจไปได้แล้ว “อาการของนาง…” “กระหม่อมรักษาได้พ่ะย่ะค่ะ นางเพียงแค่ตกใจและ…ทำใจไม่ได้ชั่วครู่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงถามไถ่” “นางช่วยชีวิตข้าไว้ มิอาจเพิกเฉยได้ ครั้งนี้หากไม่ได้นาง….(ห้ามบอกผู้ใดว่าพบข้าที่นี่)…ที่ให้ยาถอนพิษ ข้าคง…” เขารักษาคำมั่นที่นางบอกเอาไว้ว่าจะไม่เอ่ยเรื่องที่นางช่วยเขากำจัดคนร้ายด้วยวิชายุทธ์ที่แกร่งกล้านั้น เขาเองก็นึกอยากเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเช่นกัน “เร็วเข้า ไปต้มยาตามที่ข้าบอกให้ท่านอ๋อง” “ขอรับ ข้าจะสั่งให้คนต้มเดี๋ยวนี้เลย” “ท่านอ๋องโปรดประทับตรงนี้สักครู่ รอยาต้มเสร็จก็ดื่มตาม ช่วยปรับธาตุในร่างกายหลังที่ขับพิษออกมาพ่ะย่ะค่ะ” “ขอบคุณท่านหมอลู่มาก” “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอตัวไปฝังเข็มให้บุตรสาวก่อน อีกไม่นานจะกลับมาพบพระองค์อีกครั้ง” “ท่านอ๋อง เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา” “รองแม่ทัพเฉิน วันนี้ขอบคุณท่านมากเช่นกัน” “เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เฉินเป่าหลิงเดินออกจากจวนสกุลลู่ แม้ว่าเขาอยากจะอยู่จนแน่ใจว่าลู่หลิงเฟยจะอาการดีขึ้น แต่เขายังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น เขาต้องนำตัวคนร้ายส่งเข้าคุกหลวงก่อน สามเดือนถัดมา พิธีศพของอาลี่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ก็สมเกียรติที่นางได้รับใช้สกุลลู่มาโดยตลอด แม้ว่างานศพจะล่วงเลยไปแล้วกว่าสองเดือนแต่ความโศกเศร้าของลู่หลิงเฟยยังคงไม่ได้ลดละลงไป นางมักจะฝันและสะดุ้งตื่นกลางดึกเกือบทุกคืนและลุกขึ้นมาร้องไห้ทุกครั้ง ภาพของอาลี่ที่รับดาบแทนนางนั้นยากที่จะสลัดออกไป “แม้แต่ข้าก็ไม่พบหรือ” “ขออภัยคุณหนูจางด้วยเจ้าค่ะ” “ช่างเถอะ ๆ ข้าเข้าใจ เช่นนั้นก็ฝากขนมนี่ให้นางด้วยก็แล้วกัน” “เจ้าค่ะ” ฟางชิงชิงออกมาจากจวนสกุลลู่ ดูเหมือนว่านางจะสวนกับรถม้าอีกคันซึ่งไม่ทันมองว่าเป็นรถม้าจากจวนใด นางทำราวกับว่าเป็นห่วงอาการของลู่หลิงเฟยแต่ที่จริงแล้วเพียงแค่มาดูว่านางเป็นดังที่ข่าวลือกันหรือไม่ ทีแรกลือว่านางเจอคนร้ายและถูกทำร้ายและล่วงเกินจนสาวใช้ตาย ในภายหลังข่าวนี้ก็เงียบกริบราวกับมีคนตั้งใจให้ปิดข่าว กลายเป็นข่าวซุบซิบที่พูดกันไม่กี่คนแต่ก็รู้กันไปจนถึงในวัง จวนสกุลลู่ “หลิงเฟย ข้าเอง” “พี่สาม ท่านมาได้เช่นไรเจ้าคะ พี่สาม…ฮือ!!!” “เด็กดีพี่กลับมาแล้ว ไม่ร้องแล้วนะคนเก่ง” “ลู่หลิงฟาง” บุตรคนที่สามของสกุลลู่กลับมาจากแคว้นเหลียงเพราะพี่ใหญ่ของนางส่งข่าวไปบอกถึงความโศกเศร้าของน้องสาวคนเล็กที่เสียสาวใช้คนสนิทไปกะทันหัน นางแทบไม่กินไม่นอนตลอดเวลาสามเดือนนี้ หลิงฟางจึงขอพระสวามีเพื่อมาเยี่ยมนาง “พี่สามข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก” “เจ้าน่ะโตถึงเพียงนี้แล้วยังร้องไห้เป็นเด็ก ๆ เช่นนี้ผู้อื่นจะไม่ห่วงเจ้าได้เช่นไร” “อาลี่….” “หากเจ้ายังเศร้าโศกถึงนางไม่หยุดเช่นนี้ วิญญาณนางจะไปอย่างสงบได้อย่างไร ปล่อยให้นางไปเถอะนะหลิง เฟยนางจะได้หมดกังวล” “พี่สาม ท่านพูดถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้าควรจะต้องปล่อยนางไปเสียที” สภาพจิตใจของหลิงเฟยดีขึ้นเมื่อพี่สามของนางมาพักอยู่ด้วย สองสามวันนี้นางพูดคุยได้มากขึ้นและยังกลับมายิ้มได้ดังเดิมแล้ว ท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างก็คลายกังวลไปได้บ้างแล้ว อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงน้ำชาชมดอกท้อในวังหลวง ครั้งนี้ลู่หลิงฟางก็จะอยู่ร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน “ไปด้วยกันเถอะหลิงเฟย เจ้าจะได้ออกไปพบผู้คนบ้าง” “ข้า…” “เชื่อพี่นะ ไม่มีอะไรดีไปกว่าก้าวเดินไปข้างหน้า อาลี่ไม่ต้องการให้เจ้าเดินถอยหลังหรอกนะ นางอยากให้เจ้าจดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ ของนางเอาไว้” “เจ้าค่ะพี่สามข้าจะเชื่อฟังท่าน” “ต้องแบบนี้สิ ไปเถอะ วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเลือกชุดใหม่” “ก็ได้เจ้าค่ะ” จวนท่านอ๋อง “นางยังไม่ออกจากจวนอีกงั้นหรือ” “พ่ะย่ะค่ะ นี่ก็สามเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ส่งของไปหรือยัง” “ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะไปด้วยตนเองสักครั้ง อย่างไรก็ต้องขอบคุณนาง” “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเร่งเตรียมของขวัญให้” “อืม” ท่านอ๋องขึ้นรถม้าออกจากจวนมาแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อผ่านตลาดกลับเห็นรถม้าของสกุลลู่จอดอยู่ที่ด้านหน้าตลาดพร้อมกับบุตรสาวสกุลลู่สองคนเดินลงมาจากรถม้า “หยุดรถ” เขาเดินลงมาพร้อมกับเดินตามพวกนางไปห่าง ๆ เสียงซุบซิบทั้งหลายยังคงติดตามนางไปทุกที่ บุตรคนเล็กสกุลลู่ถูกคนร้ายล่วงเกินในตรอกจนสาวใช้ตาย เขาให้จื่อรุ่ยตามสืบผู้ที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือเท็จนี้อยู่ แต่ข่าวกลับพูดปากต่อปากจนยากที่จะจับหาต้นตอได้ ร้านเสื้อผ้าสตรี “เอาล่ะได้ชุดใหม่แล้วเครื่องประดับก็เตรียมแล้ว น้องสี่ เจ้าอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือไม่” “หลิงเฟย เจ้าจริง ๆ ด้วย” จางชิงชิงนั่นเอง นางเดินมาเพราะเห็นรถม้าของสกุลลู่จอดอยู่แต่นึกไม่ถึงว่าจะพบหลิงเฟยเข้าจริง ๆ มีหรือจะไม่หาโอกาสเข้ามาทักทายนาง หลิงเฟยเห็นชิงชิงและทักทายเช่นกัน “ชิงชิง ไม่พบกันนานเลยนะ” “เจ้าน่ะสิ น่าตีเสียจริงข้าไปหาเจ้าตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ออกมาพบสักครั้งข้าเป็นห่วงเจ้าแทบตาย นี่ออกมาได้เช่นไร อุ๊ย คารวะพระชายาเพคะ” “ตามสบายเถิด วันนี้ข้ามาในนามพี่สาวของนาง มิใช่พระชายาท่านอ๋อง พวกเจ้าคุยกันไปนะข้าขอไปเลือกเครื่องประดับทางนั้นก่อนครู่หนึ่ง” ชิงชิงดึงนางออกมาหน้าร้านเพื่อจะสอบถาม ที่จริงนางจงใจเพราะจะได้มีคนได้ยิน “หลิงเฟย ข่าวลือนั่นจริงหรือ ที่เจ้าพบคนร้ายและพวกมันทำร้ายและล่วงเกินเจ้า” “ชิงชิง นี่เจ้า…เชื่อข่าวลือพวกนั้นงั้นหรือ” “ไม่ใช่นะ ก็ข้าไม่ได้พบเจ้าตั้งนาน เจ้าไม่ได้บอกอะไรข้าเลยข้าจะแก้ต่างให้ก็ไม่ทราบเหตุการณ์รู้แต่ว่าสาวใช้ของเจ้าตาย แต่เรื่องอื่นไม่รู้เลย ตกลงว่าเจ้าถูกพวกมันรังแกจริงหรือไม่” คำว่าสาวใช้ตายทำให้หลิงเฟยแทบจะไม่อยากคุยกับนางต่อ แม้ว่านางกับชิงชิงจะสนิทสนมกันพอตัวแต่เรื่องเช่นนี้นางเองก็ยังไม่พร้อมจะตอบผู้ใดแม้แต่จางชิงชิงก็ตาม สิ่งที่นางถามออกมาราวกับกระตุ้นให้หลิงเฟยยิ่งจดจำเรื่องราวที่สูญเสียอาลี่ไปจนนางยืนแทบไม่ไหว “หลิงเฟย เจ้านิ่งไปเช่นนี้ หรือว่าพวกคนร้ายนั่นรังแกเจ้าจริง ๆ!!” "เหตุใดเจ้าจึงเอาแต่คาดคั้นเรื่องในคืนนั้นกับนางถึงเพียงนี้ แม่นางจาง!!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD