การยอมรับของครอบครัว

1200 Words
ครบหนึ่งเดือนแล้วกับการมาทำงานของทิวา ชายหนุ่มเรียนรู้งานได้เร็วจนฉัตรภพไม่มีอะไรจะต้องแนะนำอีกแล้ว ตอนนี้เวลาออกไปพบลูกค้านอกบริษัทเมคินจะพาทิวาไปด้วยทุกครั้งยกเว้นต้องไปเซ็นสัญญาหรือมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องจึงจะให้ฉัตรภพตามไปด้วย “ทิว เย็นนี้พี่จะไปกินข้าวกับที่บ้านจะไปด้วยกันไหม” “ไม่ดีกว่าครับ” ทิวาเคยไปที่บ้านของเมคินมาแล้วครั้งหนึ่งทุกคนให้การต้อนรับและพูดคุยอย่างเป็นกันเองทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ที่ไม่ยอมไปกับเมคินวันนี้เพราะมีเขามีอย่างอื่นที่ต้องทำ “แล้วจะไปกินข้าวที่ไหน” “ก็ร้านใต้คอนโดนั่นแหละครับ พี่คินจะค้างที่นั่นไหม” “ยังไม่แน่ใจ นายอยู่คนเดียวได้ไหม” “พี่ผมอายุ 25 แล้วนะครับไม่ใช่เด็กๆ แล้ว” “อ้าวเหรอก็พี่เห็นนายยังชอบดูการ์ตูนอยู่เลย ก็นึกว่ายังไม่โต” “พี่เองก็ดูอย่ามาว่าแต่ผม รีบไปสิครับเดี๋ยวคุณแม่ก็รอนานหรอก” “ไม่ไปด้วยแน่นะ” “ไม่ครับ วันนี้ผมจะไปฟิตเนส” “พี่ฟังไม่ผิดใช่ไหม” เพราะมีหลายครั้งที่เขาชวนทิวาไปออกกำลังกายด้วยแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยไปด้วยสักครั้ง “ไม่ผิด ต่อไปนี้ผมจะออกกำลังกาย” “งั้นพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องทำอาหาร ไปวิ่งกับพี่” เป็นอีกเรื่องที่เมคินอยากทำร่วมกับทิวา มันคงดีถ้าเขาได้วิ่งเคียงข้างกันท่ามกลางบรรยากาศที่สดชื่นยามเช้า “ก็ได้ครับ” “นายมีรองเท้าวิ่งไหม” “มีครับ ก็พี่นั่นแหละซื้อให้ผม” ไม่ใช่แค่รองเท้าแต่ยังมีชุดสำหรับใส่วิ่งอีกสองชุด ซึ่งเทิวาไม่เคยหยิบมาสวมเลยสักครั้ง “พี่ลืมไปเลย” เมคินหัวเราะ ” พี่รีบไปเถอะ รถมันติดกว่าจะถึงบ้านก็คงอีกนานนะครับ” “ให้พี่ไปส่งก่อนไหม” “ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งรถฟ้าไปง่ายกว่าครับ พี่จะได้ไม่เสียเวลา” บ้านโอภาสธนรัตน์ “คุณเมคินมาแล้ว เตรียมตั้งโต๊ะเลยไหมคะคุณท่าน” แม่น้อมแม่บ้านวัย 55 ปีถามเจ้าของบ้านซึ่งนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก “อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ได้” เมฆาบอก เมฆาไม่ค่อยเจอกับลูกชายบ่อยนักเพราะตอนนี้เขาไม่ค่อยเข้าบริษัทนอกจากจะมีประชุมใหญ่แล้วเมคินก็ไม่ค่อยกลับมานอนที่บ้าน “สวัสดีครับพ่อ แม่รอผมนานไหม” “อือ นั่งก่อนเดี๋ยวค่อยกินข้าว พ่อมีเรื่องจะถาม” “ครับพ่อ” “ทิวาไม่มาด้วยเหรอ” จีรญามองตามหลังลูกชายแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของอีกคน “ไม่ครับ” “พ่อมีอะไรกับทิวาหรือเปล่า” “ไม่มีหรอก แต่ได้ยินข่าวมาว่าลูกกับเลขาตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋” “ไม่เห็นแปลกนี่ครับ เขาเป็นเลขาผม” “แม่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ร้อนตัวนะ” จีรญายิ้มอย่างรู้ทัน แค่เห็นสีหน้าและแววตาของลูกชายเธอก็พอจะเดาออกว่าตอนนี้เมคินมีความสุขมากแค่ไหน “พ่อคุยกับภพเมื่อวาน ภพบอกว่าทิวาทำงานดีมาก ช่วยคินได้หลายเรื่องเลยใช่ไหม” “ครับพ่อ แต่ผมว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องงานใช่ไหม” “แล้วคินคิดว่ายังไงล่ะ จะคบหากันพ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไรนะ” “ผมไม่ได้คิดไกลขนาดนั้นครับ แค่ตอนนี้ทำงานเข้าขากัน” ปากบอกว่าแค่นั้นแต่ในใจก็ตรงกันข้าม “แม่ไม่ได้ห้ามนะ เพราะทิวาเป็นเด็กดีขยัน แต่คินต้องแน่ใจด้วยว่าเขารู้สึกและคิดยังไงกับคิน” “ผมไม่รู้ครับ ทิวาดูยาก” “อยู่คอนโดเดียวกันยังดูไม่ออกอีกเหรอ” คนเป็นแม่ถาม “ผมไม่ค่อยแน่ใจ” “ถ้าทิวาไม่ใช่แบบที่ลูกคิด จะเสียใจไหม” “ก็คงเสียใจครับ” “พ่อว่าเรื่องนี้คินต้องพูดกับทิวาตรงๆ นะ ถ้ามารู้ทีหลังเกิดผิดใจกันลาออกไปอีกทีนี้ใครจะช่วยงาน” “ที่แท้พ่อก็ห่วงเรื่องงาน ผมนึกว่าห่วงผม” เมคินหัวเราะ “พ่อแม่ก็ต้องห่วงลูกนั่นแหละ แต่ถ้าวันหนึ่งทิวาลาออกพ่อก็นึกเสียดายนะ” “ผมก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้น บางทีผมอาจบอกเขาว่ารู้สึกยังไง ถ้าเขาไม่ยอมรับไมตรีที่ผมยื่นให้ เขาจะลาออกหรือทำงานต่อผมก็ไม่ว่า” “ดูลูกแม่ไม่ค่อยมั่นใจเลย” “ไม่รู้สิครับ ทิวาไม่เหมือนคนอื่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจครับ แต่บางครั้งก็เหมือนเด็กเหมือนเป็นน้องชาย” “ถ้าทิวาไม่คิดอะไรกับลูก ก็ขอให้คิดว่าคือน้องชายจะได้ไม่ต้องเจ็บมาก” คนเป็นแม่บอก “ก็คงอย่างนั้นแหละครับแม่” “ผมดีใจที่พ่อกับแม่ไม่โกรธผม” “เรื่องอะไร” “ก็เรื่องที่ผมไม่เป็นเหมือนคนอื่น ผมเป็นลูกชายคนเดียว แต่กลับเป็นแบบนี้” เรื่องนี้เคยคุยกันหลายครั้งแล้ว เขาเสียใจที่ไม่สามารถรักหรือชอบผู้หญิงได้ และมันก็น่าเสียดายถ้าครอบครัวของเขาจะไม่มีผู้สืบสกุล “ยังคิดมากอีกเหรอ พ่อไม่ติดใจอะไรแล้ว ยังไงคินก็คือลูกของพ่อกับแม่” “แม่ยอมรับว่ากว่าจะทำใจกับเรื่องนี้ได้ก็นาน แต่ถ้าแม่บังคับคนที่ไม่มีความสุขก็คือลูกของแม่ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนเห็นลูกเป็นทุกข์เพราะตัวเองได้หรอกนะคิน” “พ่อกับแม่คิดว่าถ้าคนอื่นรู้ จะเป็นยังไง” “คนอื่นก็คือคนอื่น พ่อกับแม่ไม่สนใจ” เมฆาย้ำอีกครั้ง “ผมโชคดีที่พ่อกับแม่เข้าใจผม” “แม่ก็ดีใจที่คินบอกกับพ่อแม่ตรงๆ ถ้าคินไม่บอก พวกเราก็คงไม่มีทางรู้ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่บังคับลูกให้แต่งงาน” “ถ้าพ่อกับแม่บังคับผมจริงๆ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับ” เพราะเมคินรักทั้งสองคนมาก และคงไม่กล้าขัดใจ “แต่คินก็จะไม่มีความสุข แม่ไม่ยอมหรอกนะ” “ผมอยากให้ทุกครอบอครัวยอมรับเหมือนพ่อกับแม่” “มันก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปนั่นแหละคิน บางครอบครัวก็อาจมีเหตุผลที่ไม่อาจยอมรับได้” “ผมถึงบอกไงครับ ว่าผมโชคดีมาก” “แม่ก็โชคดีที่เราเปิดใจคุยกันแต่แรก” “ไปกินข้าวกันดีไหม จะได้รีบกลับ” จีรญารู้ว่ายังไงลูกชายก็คงไม่ค้างที่นี่ เมคินทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็นั่งคุยกับพ่อและแม่อีกพักใหญ่ กะว่าถึงคอนโดทิวาคงนอนไปแล้ว คืนนี้เขายังไม่อยากคุยกับชายหนุ่มเพราะอยากทบทวนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD