“ไอ้เหี้ยวันนี้แม่งฝนตก !”
จู่ ๆ ในตอนที่เสียงเพลงในผับดับลงและแสงไฟบนเพดานสว่างขึ้นบ่งบอกว่าถึงเวลาร้านปิด เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยเพราะผู้คนภายในซึ่งมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในกายค่อนข้างมากเดินชนกันไปมา บ้างเดินออก บ้างเดินเข้า แต่เสียงมาร์ชเรียกความสนใจจากกลุ่มไปหาทันที
ซึ่งอาร์เจก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแปลกใจอะไรแล้วตะโกนอย่างหัวเสียออกมาแบบนั้น ในเมื่อช่วงนี้เป็นฤดูฝนอยู่แล้ว สิ่งที่น่าประหลาดใจมากกว่าน่าจะเป็นรู้ทั้งรู้ว่าฝนตกแต่ก็ยังจะยึดมั่นถือมั่นจะขี่มอเตอร์ไซค์ต่างหาก
“ตากฝนกลับบ้านสิครับเพื่อนกู”
“เชี่ยเอ๊ย...มาอย่างเท่ เซกลับอย่างหมาอีกล่ะ”
นธีพูดด้วยใบหน้าเหมือนเห็นใจแต่ความหมายที่แท้จริงคือการสมน้ำหน้าเพื่อนเข้าเต็มเปา ชอบนักขี่บิ๊กไบค์สองล้อแอ็คโชว์สาว นี่แหละสิ่งที่คนมั่นหน้าต้องแลก
ขณะที่แบ่งแยกคนเมาน้อยไปยันเมามากเพื่อกระจาย ๆ กันเรียกแท็กซี่พาส่งกลับเข้าหอพัก จนเหลือแค่เพียงรุ่นพี่ที่ยังเหลือรอดอยู่ อาร์เจก็ขอตัวเดินไปหาข้าวหอมซึ่งโต๊ะอยู่ไม่ไกล
“หอมจะกลับหรือยังครับ”
“หอมว่าจะไปต่อกับเพื่อนน่ะค่ะ”
“ไปต่อเหรอ ?” คำพูดของข้าวหอมที่เงยหน้าขึ้นมองเขาทำเอาอาร์เจงุนงงไม่น้อย “ฝนตกนะ ไม่รีบกลับคอนโดเหรอ”
“ไม่ค่ะ หอมจะไปต่อ”
“งั้นเหรอ หมายถึงจะกลับกับเพื่อนใช่ไหม”
“...”
เขาถามความเห็นของเธออีกครั้ง อดแปลกใจและรับรู้ได้ถึงความเอาแต่ใจของเธออาจเพราะอีกฝ่ายคงดื่มไปไม่น้อย แต่เมื่อถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบกลับไม่ได้คำตอบ เขามองเลยไปหาเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอแต่ละคนก็หลบสายตากันหมด อาร์เจก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“สรุปว่า...”
“เฮ้ยตี๋ ! มึงจะกลับยังวะ” เสียงของเขาหายไปเมื่อได้ยินมาร์ชตะโกนเรียกมาจากทางด้านหลัง “เดี๋ยวมึงไปส่งข้าวหอมใช่ไหม กูวานอะไรหน่อยดิ”
“วานอะไร ?”
“พี่กูแม่งเมา ส่งข้อความเรียกกูไปรับเนี่ย จำได้ว่าคอนโดน้องเลยบ้านกูไปหน่อยใช่ป่ะ แวะส่งพี่กูหน่อยได้ไหม”
“...”
อึดใจหนึ่งมาร์ชก็เงียบไปเมื่อรู้สึกถึงมวลบรรยากาศรอบตัวแปลก ๆ พอเห็นหน้าไม่ค่อยสู้ดีของข้าวหอมเขาก็เริ่มอึกอัก จากตอนแรกที่อยากจะประหยัดค่าแท็กซี่แล้วให้เพื่อนไปส่งเป็นอันต้องพับโครงงานทิ้ง
“ไม่เอาดีกว่า...มึงไปส่งข้าวหอมเถอะ กูลืมไปว่าต้องไปรับพี่กูที่ทองหล่อโน่นแน่ะ”
“แล้วมึงจะไปไงพี่มึงเมาแถมมึงขับมอไซค์ด้วย ทองหล่ออยู่คนละทางกับบ้านเลยนี่ เดี๋ยวไปกับกูก็ได้ หอมบอกว่าจะไปกับเพื่อนอยู่แล้ว...ใช่ไหมครับ ?”
หญิงสาวที่เพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ เพราะความไม่ใส่ใจของเขา ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่ที่ถูกถามอย่างกดดัน แต่สุดท้ายเธอก็พยักหน้าไปให้แม้ว่ามันจะขัดกับสิ่งที่ต้องการ
“ค่ะ”
“กูไม่เป็นไรจริง ๆ เดี๋ยวกูทิ้งรถไว้นี่แล้วนั่งแท็กซี่ไปก็ได้”
“มีกูมึงจะนั่งแท็กซี่ทำเหี้ยไร”
“เอางั้นเหรอวะ...”
มาร์ชนัยน์ตาเลิ่กลั่กแล้วเอ่ยถามเสียงเบาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ หากเป็นปกติคงจะรีบตอบรับอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาเกรงใจผู้หญิงของเพื่อนต่างหาก มองหน้าก็รู้ว่าน้อยใจแน่ ๆ ตาที่แดง ๆ น่าจะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาด้วยซ้ำ จนเขาสงสัยว่าอาร์เจมองไม่ออกจริงเหรอ
“ยังไงถึงแล้วบอกพี่ด้วยนะ ขอให้สนุกครับ”
เจ้าของใบหน้าคมที่หลายคนหลงใหลยิ้มให้เสี้ยวหน้าจิ้มลิ้มแล้วใช้แขนเกี่ยวคอเพื่อนออกมาจากโต๊ะนั้น พอพ้นหน้าร้านก็วิ่งฝ่าเม็ดฝนที่กำลังตกจนพื้นฉ่ำไปด้วยน้ำเจิ่งนอง เปิดประตูรถก่อนพาตัวเองเข้าไปด้านในห้องโดยสารแล้วสตาร์ทรถทันที
แวบหนึ่งเขาก็สะดุ้งเมื่อนึกบางสิ่งขึ้นมาแล้วหันหลังไปยังที่นั่งด้านหลังซึ่งมีบางสิ่งวางอยู่
“เดี๋ยวมึงรอนี่แป๊บ...กูลืมเอาเค้กให้หอมว่ะ”
“ลืมอีกล่ะ ชีวิตมึงนี่ไม่คิดจะใส่ใจเหี้ยอะไรทั้งนั้นเลยมั้ง”
“มึงจะพูดมากทำไมวะ แค่ให้รอแป๊บเดียวเอง”
อาร์เจตีหน้ารำคาญความจุกจิกของเพื่อน เขาเอื้อมไปหยิบกล่องเค้กเจ้าดังมาไว้ในมือแล้ววิ่งฝ่าฝนเข้าร้านอีกครั้ง
“คิดเหี้ยอะไรของมันอยู่วะเนี่ย”
มาร์ชถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ยามมองตามแผ่นหลังเพื่อนที่หายไป แต่เขาก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไรมากนักแม้จะสนิทกันแค่ไหนแต่ก็มีตรรกะและหลักการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป
เพื่อนบอกว่าไม่นานก็ไม่นานจริง ๆ อย่างที่พูด เห็นร่างสูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาที่รถ แต่ที่ผิดสังเกตคือไปแบบไหน กลับมาแบบนั้นเลย
“ไหนว่าเอาเค้กไปให้น้อง หรือน้องออกไปแล้วเหรอ แล้วเอาไงกะเค้ก”
“ค่อยให้ทีหลัง” เพื่อนตอบกลับสั้น ๆ แล้วสะบัดผมที่เปียกน้ำกระเซ็นไปทั่วจนโดนคนด้านข้างไปด้วย
“ไอ้สัตว์หมา เปียกหมด”
“หึ” มาร์ชไม่ได้รับความรู้สึกผิดใด ๆ แถมยังได้ยินเสียงหัวเราะกลับมาด้วย คล้ายเพื่อนจะบอกว่า กูเปียกมึงเปียกด้วยจะได้เท่าเทียมกัน เล่นจนหน่ำใจก็เปลี่ยนเกียร์แล้วออกรถไปตามถนน ไม่ลืมหันมาถามจุดหมาย “ต้องไปรับพี่มึงที่ไหน”
“ไทคิวทองหล่อ”
“ไปซ่ะไกลเลย”
อาร์เจพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะบ่น จากตรงที่อยู่ไปถึงเธอใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว และกว่าจะพาเธอกลับบ้านอีกก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง มันก็เข้าใจได้แหละว่าแถวนั้นเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงอยู่แล้ว แต่ไปแล้วกลับเองไม่ได้เนี่ยเป็นปัญหา
“เออ ไปแล้วกลับเองไม่ได้ด้วยไงประเด็น จะแว้นมอไซค์ไปรับก็กลัวจะโดนด่าหูชา ยิ่งปากแซ่บ ๆ อยู่” มาร์ชพูดพลางหันหน้าออกไปมองกระจกที่ตอนนี้ฝนลงเม็ดอย่างหนาแน่นไม่ขาดสาย ก่อนที่จะรู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อกะพริบตาช้า ๆ แล้วเพิ่งจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ “เชี่ย...วันนี้เมื่อปีที่แล้วกูเกือบตายนี่หว่า”
“เกือบตายอะไร แค่แขนหัก มึงก็พูดซะ”
“อีกนิดเดียวก็เกือบโดนเหยียบหัวแบะแล้ว ไม่เรียกเกือบตายให้เรียกอะไร”
ภาพตัวเองลอยอยู่บนอากาศยังทำให้มาร์ชหลอนอยู่เลย เหตุนี้พี่สาวของเขาจึงไม่ชอบเวลาที่เขาขี่มอไซค์ แต่คนมันติดเท่ ต่อให้โดนบ่นก็ทำหูทวนลม บวกความดื้อด้านทำให้ได้กลับมาขับอย่างเช่นทุกวันนี้
อาร์เจส่ายหน้ากับเหตุการณ์ที่เพื่อนเล่า ซึ่งเขายังจำได้ดีเพราะเป็นคนแบกสังขารสะบักสะบอมมาร์ชไปโรงพยาบาลเองกับมือ สภาพเลือดเต็มหน้าดูน่ากลัว แต่เมื่อถึงมือหมอเช็ดทุกอย่างออกไปเจอแค่รอยช้ำทางร่างกาย หัวแตก และแขนขวาหักทั้งที่ควรจะหนักกว่านั้นด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเป็นพันธุ์ตายยาก
“แต่ก็ไม่เข็ดนี่หว่า”
“อย่างพี่ไม่มีหงอ”
ความเท่ของคนเราคงไม่เหมือนกัน อาร์เจจึงไม่พูดขัดอะไรต่อแม้จะเข้าไม่ถึงสิ่งที่เพื่อนแสนภาคภูมิใจ ทำหน้าที่ขับรถออกไปซักพักใหญ่ก็ถึงเขตของจุดหมาย แถบโซนนี้บางร้านที่เป็นกึ่งร้านอาหารจะเปิดดึกกว่าที่อื่นนิดหน่อย
เพิ่งจะหาที่จอดรถได้และยังไม่ทันได้เดินข้ามฟากไปยังร้านนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นบริเวณป้ายหน้าร้านและปรากฏชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยื้อยุดกันอยู่ ร่างบางที่กำลังโอนเอนแทบจะยืนด้วยขาของตัวเองไม่ได้กำลังสะบัดมือและผลักผู้ชายอีกคนออกห่าง
“ปล่อยนะ...”
“พี่เมาแล้วจะให้ผมปล่อยพี่ไปไหน” ผู้ชายที่อยู่กับเธอย่นคิ้วพยายามประคองคนเมา
“อย่ามายุ่งนะ ฉันไม่อยากยุ่งกับนาย”
เสียงที่แว่วเข้ามาในหู อาร์เจกำลังจะหันไปถามเพื่อนว่าจะเอายังไงดี แต่เหมือนว่าจะช้าไปก้าวหนึ่งเพราะร่างสูงของมาร์ชปี่เข้าไปหาคนทั้งคู่เลยกระชากคนตัวเล็กออกห่าง
“มึงทำอะไรพี่กู !”
“...”
“อึ่ก!”
“เฮ้ย! ใจเย็น ๆ ก่อน”
เหตุการณ์รวดเร็วตรงหน้าดำเนินโดยคนใจร้อน มือหน้าดึงคนที่เพิ่งจะประกาศกร้าวว่าอีกฝ่ายเป็นพี่สาวแล้วโยนร่างเล็กนั้นถอยหลังไปให้อาร์เจที่แทบจะรับคนเมาไว้ไม่ทัน ก่อนที่จะถลาเข้าไปกระชากเสื้อชายตรงหน้าอย่างเอาเรื่องและเขาก็ยกมือขึ้นข้างตัวให้ใจเย็น ๆ
“ไอ้ฟอร์ด”
อาร์เจเกี่ยวเอวบางไว้ข้างตัวทำให้เธอหาที่ยึดโอบรอบคอหนาเป็นที่พึ่ง ก่อนที่จะอุทานชื่อของคู่กรณีที่พอจะจำได้ว่าเป็นเพื่อนในคณะเดียวกัน ถึงไม่สนิทแต่ก็เห็นหน้าค่าตากันอยู่บ้าง
“ไอ้มาร์ชใจเย็น กูยังไม่ได้ทำอะไร”
“แล้วกูต้องขอบคุณมึงมั้ยที่ยังไม่ได้ทำ”
แม้ว่าจะรับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นคนรู้จัก แต่มาร์ชก็ไม่ได้สนใจเพราะต่อให้เป็นคนรู้จักหากว่าคิดระยำกับพี่สาว เขาก็ไม่คิดจะปล่อยไปไม่ว่าจะใครหน้าไหนก็ตาม
“เขาเมากูเลยจะไปส่งเฉย ๆ”
“เสือก”
ไม่ว่าจะพยายามอธิบายแค่ไหนแต่คนที่โกรธจัดไม่คิดจะรับรู้และคิดตามอะไรทั้งสิ้น จนเป็นอาร์เจที่ต้องพูดแทรกเมื่อเห็นว่าฟอร์ดก็เริ่มโมโหแล้วเหมือนกัน
“พวกกูมารับแล้ว ขอบใจมึงมาก”
“...” ฟอร์ดถอนหายใจมองร่างเล็กสลับกับคนรู้จักของตัวเองแล้วย่นคิ้ว เขาสะบัดตัวออกจากมือหนาที่ตั้งท่าจะซัดหน้าเขาท่าเดียวแล้วเอ่ยถามสิ่งที่สงสัย “พี่มึงเหรอ”
“จะพี่กูหรือจะผัวเขาก็ไม่เกี่ยวกับมึงมั้ย ถ้าไม่คิดอะไรอย่างที่ปากว่าจะสงสัยทำไม หรือจริง ๆ แล้วมึงคิด?”
“หมาบ้าเข้าสิงมึงหรือไง!” กลายเป็นอาร์เจที่รวบคนตัวเล็กขึ้นบ่าก่อนเข้าไปแทรกกลางและตะโกนด่าเพราะเริ่มทนไม่ไหวกับนิสัยเสียของเพื่อนตัวเอง ในช่วงเวลาปกติก็ตลก ขี้เล่นดีอยู่หรอก แต่หากลองได้โกรธทีไรก็แทบถล่มทุกอย่างราบเป็นหน้ากลองไม่สนสี่สนแปด “มึงก็ฟังที่มันพูดบ้างดิ พี่มึงเมานะเว้ย”
“...”
มาร์ชที่โดนตะคอกแสกหน้าโดยเพื่อนรักก็เริ่มได้สติขึ้นมานิด ๆ เขายกมือขึ้นลูบหน้าพยายามทำให้อารมณ์ของตัวเองเย็นลง ความคุกรุ่นในอกพุ่งสูงในตอนที่เห็นพี่สาวตัวเองอยู่ในสภาพไม่น่าดูทำให้เขาเสียสติไปชั่วขณะ อาจเพราะวันนี้นึกถึงวันเก่า ๆ มากไปหน่อยมันถึงทำให้เขาอารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้