เมื่อสถานการณ์เข้าสู่โหมดปกติ เจ้าของรถก็สลับเกียร์แล้วจึงเหยียบคันเร่งออกไปจากตรงนั้น พอมัดหมี่ไม่พูดบรรยากาศในห้องโดยสารก็เงียบ ไร้เสียงเพลง ได้ยินเพียงเสียงจากนอกรถที่ดังเข้ามาอย่างเบาบาง
แต่ก่อนจะพ้นรั้วมหาวิทยาลัยมัดหมี่ก็หันหน้าไปถามคนหลังพวงมาลัยเพื่อชวนเขาคุย
“ตะ...เอ่อ อาร์เจเที่ยงแล้วทานอะไรหรือยังคะ”
“ยังครับ เรียนเสร็จมาร์ชมันก็บอกให้ผมมารับพี่”
เพราะไม่รู้ว่ามาร์ชพูดอีท่าไหนเขาถึงยอมมารับแต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะไม่ถามเพราะผลลัพธ์ก็คือมันทำให้อาร์เจมารับเธอได้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว จึงทำทีชี้ไปทางร้านอาหารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทีกำลังจะขับผ่าน
“งั้นแวะทานข้าวกันมั้ยคะ” มัดหมี่เห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อเบนมาหาเล็กน้อยเห็นหัวคิ้วเขากระตุกเข้าหากันเล็ก ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนแล้วส่ายหน้าไปมาปฏิเสธทำเธอมุ่ยหน้า “ทำไมล่ะคะ”
“พี่ต้องกลับไปทำกับข้าวไม่ใช่เหรอ”
“คะ ?”
มัดหมี่ทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ทำกับข้าว...สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะมีคนจะมาพูดกับเธอเลย
“ทำไมทำหน้างงล่ะครับ” อาร์เจเอียงคอไม่ต่างจากเธอ ซึ่งตอนนี้มัดหมี่ไม่รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่งงกว่ากัน “ก็น้องชายพี่บอกว่าวันนี้พี่จะทำกับข้าวให้เรากินกัน พี่ทำอร่อยมากด้วย ชีวิตนี้มันไม่เคยเห็นใครทำแล้วดูน่าอร่อยเท่าพี่เลย มันว่าแบบนั้นน่ะ”
มัดหมี่นิ่งงันหากไม่มีแววตาที่ไหวเลิ่กลั่กไปมาคงจะคิดว่าเธอเป็นรูปปั้นหินแกะสลัก เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกน้องชายไม่ได้เรื่องทิ้งระเบิดใส่เข้าให้อีกแล้ว
นี่ไอ้น้องบ้ามันพล่ามอะไรออกมาน่ะ...ทำอาหารเหรอ ? ใครมันทำเป็นกันวะ
เห็นคนตัวเล็กเงียบไปนานคนที่ตีไฟกะพริบเลี้ยวเข้าสู่ถนนใหญ่ก็กระตุกมุมปากหยักยกขึ้นนิดหน่อยก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็วยามขยับเอ่ยถามเธออีกครั้ง
“ไม่ใช่หรอกเหรอ...งั้นหาอะไรกินง่าย ๆ ก็ได้ครับ ผมไม่เรื่องมากหรอก”
มัดหมี่เผลอเม้มปากแน่น แต่เมื่อมาร์ชเอาไปโม้จนเรื่องน่าปวดหัวเกิดขึ้นแล้ว ถ้าเธอยอมรับก็เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของตัวเองเสียหาย เขาต้องรู้แน่ว่าเธอรวมหัวกับน้องชายและมองเธอไม่ดีเข้าไปใหญ่ จึงแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน
“ไปซูเปอร์มาร์เก็ตกันค่ะ”
“ครับ ?”
“ไปซื้อของมาทำอาหารไงคะ”
“อ๋อ...” อาร์เจครางเสียงยาวกว่าปกติเล็กน้อยจนคนมีชนักติดหลังเริ่มอยู่ไม่สุข แล้วเขาก็พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่ต่างจากเดิม “ครับ”
ระหว่างอยู่บนท้องถนนในนาทีเร่งด่วนที่รถเริ่มติดมัดหมี่ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดคิดหาวิธีจัดการ ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ขอความช่วยเหลือจากน้องชาย จากที่คิดว่าจะทำให้มันง่ายแต่ดูเหมือนจะเริ่มยุ่งยากกว่าเดิม เพราะน้องชายตัวดีเรียนแต่ผูกไม่เรียนแก้ ทำให้คนที่ลำบากแก้ปัญหาคือตัวเธอเอง
กึก กึก กึก...
เสียงเรียวนิ้วเคาะพวงมาลัยดังเป็นจังหวะ ทั้งที่เขาไม่มีกะใจจะเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบเลยซักนิด ทำตัวเหมือนคนที่มีดนตรีในหัวใจอยู่คนเดียว แต่มันสร้างความเครียดให้เธออย่างมหาศาล
อีกทั้งลงล็อกวันนี้ป้าเนียนแม่บ้านลาหยุดไปตรวจสุขภาพอีกต่างหาก ทั้งที่ควรปล่อยให้ได้เธอหยุดพักกลับกลายเป็นว่าต้องรบกวนวันหยุดของคนอื่นให้วุ่นวายส่งสูตรอาหารง่าย ๆ ให้คนความสามารถด้านการเป็นแม่บ้านแม่เรือนติดลบพอได้ถูไถไม่อายขายขี้หน้า
จนกระทั่งรถหรูเลี้ยวเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ถัดไปจากโรงพยาบาลในเครือไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยมากนัก มัดหมี่ก็พยายามจำวัตถุดิบที่ตัวเองต้องซื้อและพยายามค้นคว้าว่าแต่ละอย่างรูปร่างหน้าตามันเป็นยังไง
“อาร์เจ...ถ้ามีธุระที่ห้างไปทำก่อนได้นะคะ เรามีไอจีกันแล้วนี่ เดี๋ยวพี่ซื้อของเสร็จแล้วจะส่งข้อความบอก”
มัดหมี่เอ่ยไล่เขากลาย ๆ ภาวนาให้เขามีอะไรให้ต้องทำเพราะกลัวจะทำตัวเงอะ ๆ งะ ๆ ให้เขาเห็น แต่แล้วโชควันนี้ของเธอคงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเขาส่ายหน้าแล้วเดินละจากเธอไปดึงรถเข็นที่ถูกจัดไว้เป็นระเบียบติดมือกลับมาหา
“ไปเลยมั้ยครับ”
“ค่า” มัดหมี่ตอบกลับเสียงสดใสกลบเกลื่อนความขมขื่น
คนแบบมัดหมี่มากสุดก็เดินไปสิ้นสุดแค่โซนขนมหรือไม่ก็อาหารแช่แข็งสำเร็จรูปเท่านั้น ไม่เคยหรอกที่จะย่างกายเลยมายังโซนเนื้อสัตว์ ผัก ปลา วัตถุดิบที่ต้องเอามาประกอบอาหารให้ยุ่งยากแบบนี้ ทำให้คนตัวเล็กไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน
อาร์เจทำหน้าที่เข็นรถตามเธอไม่ปริปากบ่นอะไรซักคำ ไม่พูดและไม่บอกเธอด้วยในบางทีที่เธอเดินเลยของที่ต้องการ
“อยากได้อะไรมั้ย ? หยิบมาใส่ได้นะ พี่เลี้ยงเองค่ะ”
“ไม่ครับ” อาร์เจปฏิเสธ ทั้งที่เธอเห็นว่าหลายครั้งเขาชอบมองไปอีกทางเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่ดึงความสนใจของเขาไป “พี่จะเอาอะไรอีกมั้ยครับ ?”
“หอมหัวใหญ่ ผักกาดขาว บล็อกคลอลี่...”
“เลยมาแล้วครับ”
“อ้าวเหรอ”
มัดหมี่ยกนิ้วขึ้นมาเกาหัวแกรก รู้สึกว่าลำบากลำบนและเหนื่อยมาก แต่ก็เลี้ยวหัวกลับไป
อาร์เจเห็นใบหน้าขาวที่เคร่งเครียดไม่มีความสุขไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือเพราะอะไร จากที่คิดว่าจะปล่อยให้เธอหาของเองจนถึงที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามเพราะหากปล่อยไว้ถึงเย็นก็ไม่รู้จะได้ของครบหรือเปล่า
“พี่จะทำอะไรครับ”
“หม้อไฟค่ะ”
“อ่อ...” ร่างสูงปล่อยมือจากรถเข็นแล้วเดินไปยังวัตถุดิบที่เธอต้องการเมื่อซักครู่มาใส่ไว้ให้ ก่อนจะย่นคิ้วกับบางสิ่งที่เหมือนไม่เข้าพวกเท่าไหร่ “หม้อไฟใส่บล็อกคลอลี่เหรอครับ”
“...” มัดหมี่ชะงัก ไม่ใส่เหรอ...เธอคิดว่าใส่ซ่ะอีก แต่ก็ปั้นหน้าแล้วผงกขึ้นลงด้วยความมั่นใจ “พี่ใส่ค่ะ พี่ชอบกิน”
“อ๋อ โอเค”
อาร์เจไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะยังไงก็ทำกินกันเอง ของแบบนี้แต่ละบ้านก็คงจะมีสูตรของใครของมันอยู่แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าอยากใส่เขาจะว่าอะไรได้
หลังจากนั้นอาร์เจก็ให้เธอร่ายรายการวัตถุดิบมาให้หมดว่ายังเหลืออะไรที่ยังไม่ได้อีกบ้าง และเขาก็หาทุกอย่างเจอภายในเวลาไม่กี่นาทีทำให้มัดหมี่ประหยัดพลังงานไปได้เยอะ
เนื่องจากถูกเขาช่วยเหลือไว้จึงออกมาจากห้างเร็วกว่าที่คาด กำลังจะถึงหน้าหมู่บ้านก็เหมือนกับอาร์เจพะว้าพะวังกับอะไรซักอย่างเธอจึงเอ่ยถามไป
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมว่าจะเข้าเซเว่นซักหน่อย”
“หน้าหมู่บ้านมีเซเว่นอยู่ค่ะ จะซื้ออะไรเหรอ เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อให้ก็ได้ค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปส่งพี่ก่อนดีกว่า”
เขาพูดในขณะที่ขับเลยเซเว่นดังกล่าวไปแล้ว เลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านของเธอที่เป็นระบบไม้กั้นคีย์การ์ด จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ เขาก็ช่วยคนตัวเล็กยกของเข้าบ้านไป ก่อนเห็นมาร์ชละสายตาจากโทรทัศน์แล้วเอี้ยวมองแวบเดียวก็หันกลับไปสนใจการ์ตูนต่อ
มัดหมี่ที่เคืองมาร์ชเป็นทุนเดิมที่อีกฝ่ายวางระเบิดไว้แล้วทำเมินเฉยก็ตะโกนเรียกเสียงเขียวอย่างหมั่นไส้
“ไอ้มาร์ช ! มาช่วยสิ จะกินมั้ย”
“โอ๊ยเจ๊ เค้าดู...” เมื่อถูกขัดเวลาอันมีค่าก็เอ่ยปากบ่นแต่พอเห็นสายตากินเลือดกินเนื้อของพี่สาวก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงหวานเอาใจทันที “คร้าบ~”
ของในมือมัดหมี่ถูกยัดใส่มือน้องชายอย่างรุนแรง เสี้ยววินาทีเธอก็ถลึงตาและแอบด่าอีกฝ่ายไปหลายยก มาร์ชยิ้มแหยและได้ทีเบือนหน้าหนีในตอนที่เพื่อนรักของเขาเอ่ยถามอย่างถูกจังหวะ
“มาร์ช กูจะไปเซเว่นเอาไรมั้ย”
“มึงจะไปซื้อไรวะ”
“บุหรี่”
มัดหมี่มองพวกเขาคุยกันและพอจะรู้ว่าทำไมก่อนหน้าอาร์เจถึงไม่ให้ตัวเองลงไปซื้อของให้ อาจจะเพราะเขาต้องการซื้อบุหรี่จึงคิดว่าคงดูไม่ดีหากผู้หญิงจะไปซื้อให้ล่ะมั้ง รู้ด้วยว่าอะไรควรไม่ควร...ทำไมเขาไม่สอนเรื่องพวกนี้ให้ไอ้หมาบ้านเธอบ้างนะ
“อ๋า งั้นกูเอาขนมกินเล่นแล้วกัน ขอบใจ”
ดูสิหมาบ้านเธอนอกจากจะไม่เกรงใจ แถมยังใช้เขาด้วย สงสัยตอนเกิดมาหมอทำคลอดคงจะดึงตัวออกมาอย่างเดียวแต่ลืมดึงมารยาทออกมาให้มันด้วย ถึงได้ไร้ยางอายไม่มีใครเกินแบบนี้
“อืม”
อาร์เจขับรถกลับออกไปหน้าหมู่บ้านอย่างรวดเร็วแล้วหาที่จอดไม่ใกล้ไม่ไกลจุดหมาย อารมณ์ของเขาไม่ได้คงที่ คิ้วหนาขมวดย่นเข้าหากัน แววตาก็เข้มขึ้นอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์หงุดหงิด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
มือหนากำแน่นเคาะกระจกเรียกคนในรถอีกคันหนึ่งที่สร้างความรำคาญใจให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้อีกแล้ว
“เปิดประตู !”