“ฟืน...”
หนามเตยหันหน้าไปพูดกับคนตัวสูงที่โต๊ะเลคเชอร์ด้านหลังตัวเองภายในห้องเรียนสโลปด้วยน้ำเสียงออดอ้อน จงใจยิ้มหวานจนตาหยีให้ดูบ้องแบ๊วน่ารักไม่สนใจสายตาคมแฝงด้วยความรำคาญของคนถูกเรียกที่ชำเลืองมองมา
ทว่าไม่ได้มีแค่เจ้าของชื่อที่เงยหน้าขึ้นมามอง เพื่อนผู้ชายในกลุ่มอีกสี่คนที่นั่งอยู่แถวเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วย เหมือนปฏิกิริยาโดมีโนที่คนหนึ่งถูกเรียกที่เหลือก็เหมือนถูกเรียกตาม ก่อนที่พวกมันทั้งสี่คนจะพากันยักคิ้วขึ้นทีหนึ่งแล้วก้มหน้าลงไปสนใจเกมในโทรศัพท์มือถือของตัวเองต่อ เหลือแค่เจ้าของชื่อที่ยังมองเธอด้วยสายตานิ่งแฝงด้วยความรำคาญอยู่เนืองๆ
ฟืนรำคาญเธอ...
เธอรู้ทว่าไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยคิดมาก ไม่เคยเก็บเอามาเป็นพอยต์ให้ตัวเองรู้สึกนอยด์หรือว่าเศร้าเสียใจ ปล่อยเบลอและมองข้ามตลอด เพราะถ้าเธอคิดมากนั่นหมายความว่าเธอจะต้องรู้สึกแย่กับมันแทบทุกครั้งที่ถูกฟืนมอง จากการเก็บสถิติหนึ่งร้อยครั้งฟืนมองเธอด้วยสายตาติดรำคาญไปแล้วเก้าสิบแปดครั้ง มันเป็นสถิติที่มากจนน่ากลัว ทว่ายังดีที่ฟืนไม่ได้มองเธอด้วยสายตารำคาญทั้งร้อยครั้ง อย่างน้อยก็ยังมีสองครั้งที่มันมองเธอด้วยสายตาปกติ
ฟังดูน้อยนะ...ทว่ามันเป็นความน้อยที่ทำให้เธอยังยิ้มได้
“พรุ่งนี้กลับบ้านปะ?”
“อือ”
“กูกลับด้วยนะ” หนามเตยยิ้มแป้นแล้นส่งสายตาวิ้งๆ ออดอ้อนทว่าคนมองกับทำหน้าเอือมระอาเบื่อหน่ายยิ่งกว่าเดิม
กับฟืนเธอต้องเสนอตัวเอง ห้ามไปนึกถึงมารยาทหรือว่าความเกรงอกเกรงใจใดๆ ถ้ามีก็รีบพับเก็บลงในกระเป๋าให้ลึกที่สุดหรือจับมันดีดทิ้งออกไปให้ไกล เพราะถ้ามัวแต่คิดมากวุ่นวายรอให้มันเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนก็อย่าได้หวังว่าชาตินี้จะได้นั่งรถมันกลับบ้าน
หนามเตยหน้ามุ่ยเมื่อฟืนหันหน้ากลับไปเล่นเกมในมือถือต่อ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำพูดเสนอตัวของเธอ ทว่าเธอก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อปล่อยให้ฟืนเล่นเกมไป รู้ว่าสุดท้ายฟืนก็ต้องขับรถแวะเข้าไปรับเธอที่คอนโดเพื่อกลับบ้านด้วยกันอยู่ดี
ทำไมเธอรู้น่ะเหรอ?
ก็เพราะมันเป็นแบบนั้นมาสองปีกว่าแล้วน่ะสิ
วันธรรมดาก็ไปรับมาเรียนด้วยกัน วันหยุดก็ไปรับกลับบ้านด้วยกัน
ส่วนเรื่องกลัวถูกฟืนเทไหม?
ก็มีบ้างที่กลัวนิดหน่อย ทว่าฟืนคงไม่ใจร้ายใจดำเทเธอได้ลงคอหรอก...มั้ง ในเมื่อบ้านเราสองคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ห่างกันไม่ถึงสามหลัง ถ้ามันปล่อยให้เธอนั่งบีทีเอสหรือแท็กซี่กลับบ้านเอง ก็ใจร้ายไส้ระกำเกินไป
หนามเตยมั่นใจว่าฟืนไม่มีทางเทเธอหรือทิ้งเธอให้กลับบ้านเองเด็ดขาด
เธอมั่นใจ...
“หนาม...”
เสียงเรียกของเฌอแตมที่นั่งติดกันทำให้หนามเตยต้องละสายตาจากแผ่นหลังกว้างของฟืนหันไปมอง ดวงตากลมโตของหนามเตยหรี่มอง คิ้วเรียวขมวดยุ่ง ครุ่นคิด ก่อนพูดปฏิเสธ
“ไม่ไป”
นอกจากฟืนและเพื่อนผู้ชายอีกสี่คนอย่างกิลล์ กรานต์ พอยต์ และเธียร ก็มีแคนดี้กับเฌอแตมที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ผ่านอะไรหลายอย่างมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับน้องสุดโหดของเหล่ารุ่นพี่วิศวะ การทำงานกลุ่มที่แก้แล้วแก้อีกกว่าจะสำเร็จก็เกือบจะเดดไลน์เรียกได้ว่าแทบจะไฟลนก้นกันเลยทีเดียว การอ่านหนังสือสอบแบบข้ามวันข้ามคืนชนิดที่คนติวให้เพื่อนหลับคาหนังสือ การเที่ยวเมาหัวราน้ำถึงขั้นอ้วกแตกต่อหน้าก็ไม่มีอายเพราะยางอายมันหมดไปตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว
ระยะเวลาสองปีกว่าอาจจะไม่ได้นานมาก ทว่าก็ทำให้พวกเราแปดคนสนิทสนมกันมากขึ้น ไปไหนไปด้วยกัน ใครพูดอะไรก็ตามกัน กล้าที่จะพูดเรื่องส่วนตัวให้เพื่อนให้กลุ่มฟังอย่างไม่อาย จากที่เคยพูดจาไพเราะเสนาะหูเรียกขานกันแค่ชื่อก็เปลี่ยนมาเป็นกูมึง
แน่นอนว่าไม่นับรวมความสัมพันธ์ของเธอกับฟืนที่รู้จักกันมาก่อนที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกขานกันมานานหลายปี
"ไม่ไปไร? ปฏิเสธอะรู้เหรอว่ากูจะพูดอะไร"
หนามเตยส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่รู้...แต่เดาว่ามึงจะชวนกูไปเที่ยวไง ก็เลยปฏิเสธไว้ก่อน ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรทว่าถ้าใช่บอกเลยว่าไม่ไป ไม่ว่าง มีงานต้องทำ ที่สำคัญจะเที่ยวอะไรมันทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่รู้หรือไงว่ามันไม่ดี เป็นผู้หญิงยิงเรือกินเหล้าเมาหัวราน้ำทุกวี่ทุกวันมันไม่งาม
จะว่าไปก็เหมือนด่าตัวเองเลยแฮะ
นี่ถ้าป๊ากับแม่รู้ว่าเธอไปร้านเหล้าบ่อยกว่าเข้าห้องสมุดมีหวังถูกบ่นหูชาแน่ๆ
เฌอแตมมองค้อน "คิดว่ากูจะชวนไปกินเหล้างั้นสิ มึงก็เห็นกูเป็นลำยองไปได้ กูก็อยากทะนุถนอมร่างกายบ้างเหอะ ที่จะบอกอะเพื่อนพี่ปาล์มเขาสนใจมึง"
"ใคร?"
"พี่ทาม คนตัวสูงๆ ขาวๆ ที่ใส่เสื้อยืดสีดำอะ สนใจปะ"
"สนใจบ้าไร กูยังนึกไม่ออกเลยว่าคนไหน" วันก่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันก็มีคนใส่เสื้อยืดสีดำตั้งสามคน หนึ่งในนั้นก็คือฟืน
จริงๆ วันนั้นพวกเธอก็ไปกันเฉพาะกลุ่มเพื่อนวิศวะแปดคนนี่แหละ บังเอิญว่าไปเจอพี่ปาล์มรุ่นพี่สถาปัตย์คนคุยล่าสุดของยัยเฌอแตมที่มากับกลุ่มเพื่อนอีกห้าคนก็เลยได้นั่งด้วยกัน และก็บังเอิญอีกเหมือนกันที่รุ่นพี่กลุ่มนั้นรู้จักกับกิลล์กรานต์เพื่อนแฝดในกลุ่มของเธอ ทว่าหนามเตยก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าคนไหนที่ชื่อทาม
ใส่เสื้อยืดสีดำ? ตัดฟืนออกไปหนึ่งก็เหลือสอง ซึ่งสองคนที่เหลือก็สูงและก็ขาวทั้งคู่