หลังจากที่จิณณะและผู้จัดการส่วนตัวบึ่งรถมาถึงเรือนหอ พิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายก็ถูกจัดขึ้น มีการถ่ายภาพร่วมเฟรมเหมือนการถ่ายรูปครอบครัวเพียงรูปเดียว แต่สิ่งที่ยืนยันได้ว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องจริงคือทะเบียนสมรสที่ทนายประจำตระกูลกานต์กนกเซ็นเป็นพยาน หลังจากนั้นก็มีพิธีส่งตัวเข้าหออย่างเรียบง่าย เมื่อได้รับคำอวยพรจากทุกคนครบถ้วนแล้วเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็ได้อยู่กันเพียงลำพัง
ในห้องหอที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้อบอวล บนเตียงมีกลีบกุหลาบสีชมพูสีโปรดของเจ้าสาวโรยเป็นรูปหัวใจ จิณณะกับเจ้าสาวยังคงนั่งเคียงคู่กันอยู่บนขอบเตียงไม่ได้ลุกไปไหน ความเงียบงันครอบคลุมไปทั่วบริเวณ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไร เจนจิราก็เดินกลับเข้ามา
"คุณย่าให้แม่มาบอกว่า เดี๋ยวแม่บ้านของบ้านใหญ่จะทำกับข้าวมาส่งให้ อยากกินอะไรก็โทรไปสั่ง" เจนจิราบอกลูกชายแล้วก็เดินออกไป ก่อนหน้านี้คุณเพตราบอกให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ในเรือนหอให้ข้ามคืน ห้ามออกไปไหน
"ตอนนี้เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงเอง" จิณณะพึมพำแล้วก็ส่ายหัว เรื่องคร่ำครึแบบนั้นเขาไม่ทำตามหรอก วันนี้เป็นวันหยุดวันเดียวที่มีในหนึ่งเดือน เสร็จธุระแล้วก็ต้องออกไปพักผ่อนพบปะกับเพื่อนฝูง ไม่ใช่ขลุกตัวอยู่ในบ้าน
"แพรขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ" แพรพิมลไม่รู้ว่าจะทำอะไร เลยลุกไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลอง
"เดี๋ยว" จิณณะคว้าข้อมือเรียวเอาไว้ในตอนที่เจ้าสาวของเขากำลังจะลุกขึ้นยืนเธอเลยเสียหลักล้มไปนั่งบนตักของเขา ชายหนุ่มคว้าเอวเธอไว้โดยอัตโนมัติ
"ขะ ขอโทษค่ะ" เสียงแพรพิมลสั่นเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาเป็นครั้งแรก ใจเธอเต้นไม่เป็นส่ำ หาที่วางมือแทบไม่ถูก เมื่อสัมผัสได้ว่าใบหน้าของเขาอยู่ห่างไม่ถึงคืบหญิงสาวก็เหมือนจะวูบให้ได้
"แพรควรจะทำตัวให้คุ้นชินกับพี่ได้แล้วนะ เรามีเรื่องให้ต้องร่วมมือกัน"
เรื่องที่ว่านั้นคือการทำลูกด้วยวิธีธรรมชาติ แม้จะอยากให้เป็นอย่างนี้แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับประหม่า แต่หญิงสาวก็ไม่โทษตัวเองเพราะคนที่มีใบหน้าหล่อละมุนสายตาและรอยยิ้มชวนใจละลายแบบนี้ไม่ได้รับมือง่ายนัก
"ไว้แพรจะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ"
"จำได้ไหมว่าวันนี้แพรไข่ตก"
"..." หญิงสาวรู้สึกเหมือนคอแห้งผากขึ้นมาดื้อ ๆ เธอมัวแต่ยุ่งเรื่องเตรียมงานแต่งงาน แม้พิธีจะจัดเรียบง่าย แต่เธอต้องจัดเตรียมของมงคลด้วยตัวเอง เลยลืมเรื่องวันไข่ตกไปเลย
"พี่เจ็ทจะทำวันนี้เลยเหรอคะ ไหนตอนแรกพี่บอกว่าปวดหัวไมเกรน" ตอนที่มาถึงแล้วเพตราทำหน้าดุใส่ จิณณะบอกว่าเขาพักผ่อนน้อย ปวดไมเกรนเลยกินยาบรรเทาอาการ ตอนที่เดินทางมาเขากลัวหลับในเลยไม่ขับรถเอง
"วันนี้มีโอกาสแล้วก็รีบทำรีบจบมันน่าจะดีกับเราสองคนมากกว่า"
"..." แพรพิมลไม่ได้ยินเสียงเขาชัดเจนนัก พอเขาบอกว่าจะรีบทำเธอก็เขินจนพวงแก้มร้อนฉ่า ในหูได้ยินแต่เสียงเต้นของหัวใจตัวเอง
"พี่ขอโทษที่ขอทำลูกด้วยวิธีธรรมชาติ พี่รู้ว่ามันจะทำให้ทุกอย่างยุ่งยากขึ้น แต่พี่ไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องของเรา"
เขาคงเข้าใจว่าเธอเกร็งเพราะไม่อยากให้ความใกล้ชิดเกิดขึ้น แพรพิมลที่เคยคิดหาเหตุผลร้อยแปดมาชวนให้จิณณะทำลูกกันเองก็รีบอธิบาย
"พี่เจ็ทไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะคะ คิดเสียว่าเป็นธุรกิจที่เราทำร่วมกันก็พอ" งานนี้ต้องทำให้เขาสบายใจที่จะใช้วิธีธรรมชาติกับเธอ เธอซ้อมพูดไว้หมดแล้ว
"แพรจะโอเคกับเรื่องนี้แน่ใช่ไหม" เขาถามย้ำ
"โอเคสิคะ โอเคมาก ๆ" มากแบบที่พี่คาดไม่ถึงแน่นอนค่ะ เธอพูดต่อในใจ "พี่เจ็ทเคยเห็นเทรนด์ผู้หญิงที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีอะไรทำนองนี้ไหมคะ แพรเคยวางแผนจะไปขอรับบริจาคน้ำเชื้อด้วยซ้ำ พอตอนที่ต้องแต่งงานแพรเลยคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีของแพรที่จะได้มีลูก"
"อ้อ พี่เข้าใจแล้ว แพรอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี ส่วนพี่ จำเป็นต้องมีลูกแต่ไม่อยากมีเมีย"
แพรพิมลยิ้มกลบเกลื่อนความสะเทือนใจในคำพูดของจิณณะ แล้วพูดในสิ่งที่เธอวางแผนไว้เป็นอย่างดี
"แต่แพรมีอย่างหนึ่งที่อยากขอความร่วมมือกับพี่เจ็ท"
"มีเรื่องอะไรที่อยากให้พี่ทำเหรอ"
"แพรไม่อยากให้เราทำลูกแบบส่ง ๆ เพื่อผสมอสุจิกับน้ำเชื้อ แต่ตั้งใจทำให้เราสนุกไปด้วยกันได้ไหมคะ แพรตั้งใจว่ามีลูกแล้วแพรจะอยู่คนเดียวไม่มีใครอีก ก่อนจะเป็นแบบนั้นแพรก็อยากลองมีประสบการณ์บนเตียงที่ดี จะได้ไม่รู้สึกติดค้างว่าไม่เคยทำ" เธอพูดแบบไม่ติดขัดเลย เพราะเรียบเรียงคำพูดและท่องมาเพื่อพูดกับเขาโดยเฉพาะ
มือของจิณณะวางบนศีรษะที่มีเส้นผมหยักศกเป็นลอนสวยแล้วโยกศีรษะเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู
"ตกลงครับ พี่จะร่วมมือกับแพรในเรื่องนี้"
เสียงอันอ่อนโยนของเขาเอ่ยบอก เธอรู้สึกว่าเขาพอใจในความชัดเจนของขอบเขตระหว่างเราสองและคลายความกังวลเกี่ยวกับภาระผูกพันในอนาคต
"งั้นพี่เจ็ท จูบแพรได้ไหมคะ แพรอยากจะลอง"
หญิงสาวรวบรวมความกล้าบอกออกไป จากนั้นก็หลับตาแล้วทำปากจู๋ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เขา นึกว่าจะได้สัมผัสอ่อนนุ่มของกลีบปากชายในฝัน แต่เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เลยลืมตา ใบหน้าหล่อของเขาเจือรอยยิ้ม ไหล่ของเขาภายใต้ชุดเจ้าบ่าวสีขาวสว่างสั่นเทาเพราะกลั้นขำไม่อยู่
"แพร ทำแบบนี้พี่ก็หมดอารมณ์พอดี ไปเรียนมาจากไหนน่ะเรา"
"ก็ละครเรื่องล่าสุดของพี่เจ็ท นางเอกทำอย่างนี้แล้วพี่เจ็ทก็ลากไปปล้ำจูบแบบลืมตาย" ฉากนั้นทำให้เธอและแฟนคลับทั่วประเทศจิกหมอนเชียวนะ
"ในชีวิตจริง ไม่ต้องไปจำคนอื่นมา แค่เป็นตัวของตัวเองดีกว่า"
ปลายนิ้วหนาจับคางของเธอแล้วดันให้ดวงหน้าเรียวแหงนขึ้น ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะลดลงมาใกล้ ดวงตากลมโตฉ่ำวาวหลับพริ้มลงในยามริมฝีปากอุ่นของเขาแตะกลีบปากนุ่ม จิตวิญญาณในกายของเธอก็แทบหลุดลอยออกจากร่าง
เขาใช้ริมฝีปากขบเม้มกลีบปากเธอแผ่วเบา แพรพิมลหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำในทุกการเคลื่อนไหวของเขา จูบนั้นล้ำลึกขึ้นทุกขณะ ลิ้นอุ่นของเขาไล้เลียกลีบปากแล้วดุนดันเข้าไปในกลีบปากที่เผยอออกแย้มให้เขากวาดลิ้นไปชิมความหวาน เธอเชื่อแล้วว่าจิณณะใจดีเหมือนเทวดา เขาทำตามสิ่งที่เธอเรียกร้อง และให้มากกว่าที่คาดหวัง
ในตอนที่เขาถอนจูบแล้วใบหน้าคมก็ถอยห่างออกไป เธอเงยหน้าขึ้นไปจ้องตาเขา แววตาของเราสองมีความปรารถนาทางกายที่จุดติดจากความสบายใจที่ได้ใกล้ชิด
"ชอบจูบของพี่ไหม"
"ชอบค่ะ" เสียงตอบแผ่วเบาในลำคอ ทั้งที่เธอชอบแบบที่แทบตะโกนให้ก้อง
"ดีครับ"
เขาเอามือหนาลูบแก้มเธอเบา ๆ แล้วก็จัดการกับชุดเข้าพิธีของเราสองคน โดยที่เธอคอยให้ความช่วยเหลืออย่างเงอะงะ เมื่อเธอมีทีท่าว่าจะเขินที่ต้องมาเปลื้องผ้าตอนกลางวันแสก ๆ มุมปากของจิณณะยกยิ้ม
"ไม่ต้องเขินหรอก พี่ก็เปลือยเหมือนกัน ดูสิ"
เธอเบนสายตาที่กำลังมองชุดสีงาช้างของเราสองที่ถูกโยนไปกองข้างเตียงหันกลับมามองจิณณะ เขาเปลือยเปล่าอวดรูปร่างที่เหมือนถูกปั้นแต่งจากเทพเจ้า ผิวขาวอมชมพูดูสุขภาพดี กล้ามเนื้อทุกส่วนแน่นตึง โดยเฉพาะตรงกล้ามอกและหน้าท้องที่มองแล้วหายเขินที่เขาเปลือยอย่างเท่าเทียมกัน
ในตอนที่เขาคว้าเอวเธอให้เข้าไปใกล้ชิดกัน แพรพิมลก็ขยับเข้าไปหาเขาแบบที่พร้อมจะฝากเนื้อฝากตัว และพร้อมจะวางมือไว้ในหัวใจเขาอย่างยอมจำนน