จ้าวอี้เฟินมองพี่ชายอย่างกระเง้ากระงอด หญิงสาวจ้องพี่ชายเขม็ง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากจ้าวไป่เฟิงอีกเพราะตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเปิดแฟ้มเอกสารอีกครั้ง
“เฮอะ”
จ้าวอี้เฟินแค่นเสียงก่อนจะฉวยเอาถุงยาของพราวเเพตราขึ้นมา กระแทกเท้าตึงๆ ออกจากห้องทำงานของจ้าวไป่เฟิงด้วยความไม่พอใจนัก หากแต่คราวนี้หญิงสาวไม่ถูกคนเป็นพี่ตำหนิเพราะตอนนี้ในหัวของมาเฟียหนุ่มเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิด แฟ้มงานในมือหนาก็ถูกปิดลงเช่นกัน
ปลายนิ้วเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะทำงาน ในขณะที่คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีขยับเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม พักใหญ่กว่าที่เขาจะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนหน้าจออยู่พักหนึ่งก่อนจะกดโทร.ออก
“ว่าไงเสี่ยวเฟิง มีอะไรให้อาช่วยหรือเปล่า”ปลายสายคือหลิงตงเปียนแพทย์ประจำตระกูลจ้าววัยห้าสิบแปดปี
“คือผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถามคุณอาหน่อยครับ” เป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงของผู้นำตระกูลจ้าวเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
“ว่ามาเลย”
“คือถ้าผมใช้ถุงยางอนามัยกับคู่นอนตลอด โอกาสที่อีกฝ่ายจะท้องเป็นไปได้ไหมครับ”
“ได้สิ จากงานวิจัยพบว่า แม้จะป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง แต่โอกาสที่ผู้หญิงสองคนในหนึ่งร้อยคนมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ นั่นหมายความว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้สองเปอร์เซ็นต์ ไม่มีการป้องกันวิธีไหนที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกเสี่ยวเฟิง ถ้าป้องกันได้แน่นอนจริงๆ ก็คือต้องนับระยะปลอดภัยของผู้หญิงร่วมด้วยบวกกับการสวมถุงยางอนามัย จริงๆ แล้วโอกาสตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็อย่างที่อาบอกไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ แม้ว่าเราจะป้องกันทุกครั้งก็ตาม ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีที่สุดก็คือการไม่มีเพศสัมพันธ์”
ท้ายประโยคหลิงตงเปียนกลั้วหัวเราะเบาๆ เป็นเชิงเย้ามากกว่าที่จะห้ามปรามเพราะเขาเองก็ทราบดีว่าเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาของคนวัยหนุ่มอย่างจ้าวไป่เฟิง ห้ามกันไม่ได้อย่างแน่นอน
“ไงล่ะเรา เงียบไปเลย ไม่ใช่ว่าอากำลังจะได้อุ้มหลานหรอกนะ” เห็นปลายสายเงียบหลิงตงเปียนก็ไม่ได้คาดคั้น “เอาเถอะ ไม่สะดวกใจตอบก็ไม่เป็นไร ว่าแต่เสี่ยวเฟิงมีอะไรจะถามอาอีกไหม”
“ไม่มีแล้วครับ”
“งั้นอาขอวางสายนะ”
“ครับ ขอบคุณครับอาหมอ”
บทสนทนาของทั้งคู่สิ้นสุดลงตรงนั้น ก่อนที่ต่างคนต่างก็วางสาย แม้จะได้คำตอบแล้ว ในอกของมาเฟียหนุ่มก็ยังคงร้อนรุ่ม ก่อนที่เขาจะพึมพำเบาๆ ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“เธอท้องลูกของฉันจริงๆ ใช่ไหมพราวเพตรา”
พราวเพตราอดถอนหายใจไม่ได้เพราะหาถุงยาที่รับมาจากโรงพยาบาลไม่เจอ ทันทีที่กลับมาถึงห้องพักแล้วพบว่าถุงยาหายไปพราวเพตราก็รีบกลับไปที่ร้านกาแฟอีกครั้ง แต่สิ่งที่หญิงสาวพบมีแค่เพียงความว่างเปล่า สอบถามจากพนักงานก็ไม่ไมีใครเห็น
“หรือว่าคุณอี้เฟินจะเอาไป”
คิดแบบนั้นหากแต่สุดท้ายพราวเพตราก็ส่ายศีรษะน้อยๆ เป็นการบอกว่าตัวเองกำลังคิดเพ้อเจ้อ บางทีเธออาจจะทำหล่นก่อนที่จะเข้าไปในร้านกาแฟก็ได้ หากแต่ครู่ต่อมาดวงหน้าเนียนใสกลับเต็มไปด้วยความลำบากใจเพราะเงินก้อนสุดท้ายที่มีจ่ายค่ายากับค่าหมอไปหมดแล้ว เธอจะมีเงินซึ่งเป็นรายได้จากการส่งของอีกทีก็สัปดาห์หน้า จะให้รบกวนฟ่านซ่งกับฟ่านหรูก็เกรงใจสองสามีภรรยาเหลือเกิน พราวเพตรานั่งลงที่ปลายเตียงนอน มือเรียวลูบที่หน้าท้องของตนเบาๆ ดวงตาคู่สวยหลุบลงมองที่หน้าท้องของตัวเอง
“อดทนอีกนิดนะจ๊ะ อย่าเพิ่งงอแงนะลูก แม่ขอเวลาหาเงินหน่อยนะ”
พราวเพตรายิ้มจาง ดีที่ตอนนี้หญิงสาวไม่มีอาการอื่นอีกนอกจากแค่เวียนศีรษะ ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนที่หมอให้มาในตอนนี้ก็ยังคงไม่จำเป็นเท่าไร มีก็แค่ยาบำรุงเท่านั้นที่หญิงสาวกังวลนิดหน่อย
พราวเพตรายังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์ให้ฟ่านซ่งกับฟ่านหรูทราบเพราะตอนที่หญิงสาวกลับมาทั้งคู่ก็เข้านอนเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปที่นาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนเล็กที่หัวเตียง บนหน้าจอบอกเวลาสามทุ่มเศษ พราวเพตราจึงคิดว่าได้เวลาที่ต้องเข้านอนเสียที หญิงสาวก้าวลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง เดินไปปิดไฟกลางห้องก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอนเพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนถึงชีวิตน้อยๆ ในครรภ์
“หมอว่าไงบ้าง”
ฟ่านหรูถามขึ้นในยามเช้าตอนที่นั่งดื่มน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่จางซีฮ่าวซื้อมาฝาก ฟ่านซ่งก็ร่วมโต๊ะด้วย ขาดแต่จางซีฮ่าวที่ออกไปส่งของให้ลูกค้า
“คือว่า…” พราวเพตรามีทีท่าอึกอักจนคนที่เฝ้าคอยคำตอบอย่างฟ่านหรูเริ่มกังวล
“มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า น้าช่วยด้วยไหม”
แววตาของพราวเพตรายามที่มองฟ่านหรูเต็มไปด้วยความขอบคุณและซาบซึ้งในความห่วงใยของอีกฝ่าย แม้จะรู้สึกลำบากใจอยู่มาก แต่หญิงสาวก็บอกออกไปอย่างไม่ปิดบัง
“คือพราว พราวท้องได้เจ็ดสัปดาห์แล้วค่ะ”
ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบเมื่อคำตอบที่ออกจากปากของพราวเพตราสิ้นสุดลง สีหน้าของฟ่านหรูดูตื่นตะลึงอยู่นิดหนึ่ง ส่วนฟ่านซ่งยังคงยกน้ำเต้าหู้ขึ้นจิบโดยไม่ได้ปริปากอะไร
“พี่ซ่ง เราควรเตรียมของไว้รับขวัญหลานเลยดีไหม”
ฟ่านหรูหันไปถามฟ่านซ่ง นั้นทำให้พราวเพตรายิ้มออกมาได้ เธอเองก็อดกังวลใจว่าจะเพิ่มภาระให้สองสามีภรรยา
“ใจเย็นน่าน้องหรู ไว้หลานลืมตาออกมาดูโลกก็ทัน จริงไหมหนูพราว”
รอยยิ้มใจดีบนใบหน้าของฟ่านซ่งทำให้พราวเพตรารู้สึกตื้นตันใจ ในความโชคร้ายเธอก็ยังโชคดีที่ได้มาเจอสองสามีภรรยาที่แสนดีอย่างฟ่านซ่งและฟ่านหรู
“ขอบคุณน้าซ่งกับน้าหรูมากเลยนะคะที่เมตตาพราว” พราวเพตราขยับตัวลุกขึ้นยืน โค้งศีรษะให้ทั้งคู่เป็นการขอบคุณ ฟ่านหรูรีบยกมือปราม
“นั่งลงเถอะ คนกันเองน่า อย่าเกรงใจเลยหนูพราว”
พราวเพตราขยับยิ้มกว้างมากขึ้นตอนที่นั่งลงตามคำบอกของฟ่านหรู หากแต่ยังไม่ทันได้นั่งเรียบร้อยดี เสียงของบางอย่างตกกระแทกพื้นก็ดังขึ้นในร้าน เรียกสายตาทั้งสามคู่ให้หันไปมองทางเดียวกัน
“พะพราว พราวท้องงั้นเหรอ”
น้ำเสียงของจางซีฮ่าวดูติดๆ ขัดๆ จนน่าเห็นใจ ตรงแทบเท้าของเขามีกล่องพัสดุใบเขื่องกองอยู่ และนั่นน่าจะเป็นสาเหตุของเสียงดังที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“ใช่จ้ะ พราวท้อง เจ็ดสัปดาห์แล้ว”
พราวเพตราตอบอย่างไม่คิดจะปิดบัง คราวนี้กล่องพัสดุอีกกล่องที่จางซีฮ่าวหนีบเอาไว้ที่ข้างเอวด้านซ้ายก็ตกลงสู่พื้นอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าชั้วเสี้ยวนาทีต่อมาทั้งสามคนต้องตื่นตกใจ ก่อนจะเป็นฟ่านซ่งที่รีบรุดเข้าไปช่วยประคองจางซีฮ่าว
เพราะอีกฝ่ายเป็นลมล้มพับไปเสียแล้ว