ตอนที่ 11

1986 Words
แบงค์ พี่ชายสุดที่รักของน้องทอส  "นี่มึง!!" ผมตกใจร้องลั่นบ้าน "ว่าไงจ๊ะที่รัก จำว่าผัวได้ด้วยเหรอ.. ห้ะ!!" ไอ้นะพูดพร้อมแสยะยิ้มอย่างมีชัยชนะและสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมันกระโจนขึ้นมาทาบทับตัวผม "ช่วยด้วยยย!! ช่วยผมด้วยย!!" ผมร้องตะโกนขอความช่วยเหลือสุดเสียง ปั้ก!! ปั้ก!! ผมโคตรจุกที่บริเวณท้องน้อยขึ้นมาทันทีเมื่อมันใช้หมัดต่อยเข้าที่บริเวณท้องของผมหลายหมัด ผมทำอะไรไม่ได้แม้แต่จะส่งเสียงร้องก็ทำไม่ได้จึงทำได้เพียงนอนขดตัวเอามือกุมท้องน้อยด้วยความเจ็บปวด น้ำตาแห่งความหวาดกลัวกลับมารินไหลอีกครั้งอย่างท่วมท้น "เงียบซะ!! แล้วทำใจยอมรับการมีผัวอย่างเต็มตัวที่กูกำลังจะยัดเยียดให้มึงอย่างสาสมเหมือนที่น้องของมึงทำกับกูไว้!" ทันทีที่มันพูดจบมันก็รีบเปรื่องเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็วแล้วเข้าจู่โจมผมในสภาพที่ยังจุกบริเวณท้องน้อยอย่างไร้ความปราณี ผมพยายามดิ้นรนต่อสู้มันทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก จนกระทั่งมันสามารถยัดเยียดสิ่งที่มันต้องการจนเสร็จสมบูรณ์ตามความปรารถนาของมันอยู่หลายครั้งหลายครา ส่งผลให้ผ้าปูที่นอนเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ ที่ไหลออกจากจุดบอบบางของผมเต็มไปหมด ผมเสียใจปนความรู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมากับการต้องตกเป็นทาสกามของมันอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เหมือนเป็นตราบาปที่มันฝังรอยลึกในใจของผมไปตลอดกาล ผมเหนื่อยแทบจะไม่มีแรงจะหายใจส่วนมันยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างตัวผมด้วยสภาพที่เปี่ยมไปด้วยความสุขที่มันแสดงออกทางสีหน้า ทำไมมันไม่ฆ่าผมให้ตายไปเลยปล่อยให้ผมมีชีวิตมีลมหายใจไปเพื่ออะไร ในเมื่อมันได้สิ่งที่มันต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความคิดแวบแรกของผมก็เข้ามาในสมองอย่างไม่ต้องไตร่ตรองอะไรมาก ผมเหลือบสายตาไปเห็นกรรไกรขนาดใหญ่ที่ผมใช้ตัดกระดาษในการทำงานของผมถูกวางไว้อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงผมอีกฝั่งหนึ่งซึ่งมันเป็นฝั่งเดียวที่ผมพอจะสามารถเอื้อมมือไปหยิบมันได้ เมื่อผมคิดได้เช่นนั้นจึงรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่จะหยิบกรรไกรอันนั้นให้ได้ ในหัวของผมตอนนี้มันคิดได้อย่างเดียวคือการจบชีวิตของตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมารองรับหรือรับรู้สิ่งที่มันได้ยัดเยียดให้ผมอีกต่อไป ร่างกายพอรับรู้ได้ว่าเริ่มพอจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างจึงตัดสินใจและรวบรวมกำลังครั้งนี้ที่จะหยิบกรรไกรอันนั้นมาถือไว้ในมือ ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จเมื่อมือขวาของผมเอื้อมไปคว้ากรรไกรมาถือไว้ในมือได้เป็นผลสำเร็จ จังหวะที่ผมกำลังกำด้ามของกรรไกรไว้แน่นแล้วเตรียมแทงกรรไกรแหลมคมอันนั้นเข้าที่ท้องของตัวเองเพื่อจบเหตุการณ์อันเลวร้ายลงอย่างที่ตั้งใจ "กูจะไม่ยอมตกเป็นของมึงอีกแล้ว!!" "หมับ!! มึงคิดจะทำอะไร?!" จังหวะที่ผมออกแรงจะดึงกรรไกรเขาหาตัวเองเพื่อหวังให้ปลายแหลมของกรรไกรแทงเข้าที่ท้องแต่กลับถูกมือใหญ่ของมันจับรั้งข้อมือของผมไว้แล้วสลัดเอากรรไกรหลุดออกไปจากมือผมอย่างแรง "ปล่อยกู! มึงทำกับกูขนาดนี้มึงจะให้กูมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรให้กูตายๆ ไปเถอะนะ กูขอร้อง!!" ผมโวยใส่มันแล้วฟาดมือใส่หน้ามันไปหลายทีแต่มันกลับไม่ยกมือขึ้นป้องกันฝ่ามือของผมเลย มันปล่อยให้ผมฟาดมือทำร้ายมันอยู่นานจนผมหมดแรง ผมก็พยายามรวบรวมกำลังอีกครั้งเพื่อจะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปหยิบกรรไกรนำมาทำร้ายตัวเองอีกครั้ง ก็ถูกมือใหญ่ของมันลุกขึ้นมาคว้าเอวของผมดึงลงไปบนเตียงแล้วมันก็ยัดเยียดสิ่งที่มันต้องการให้ผมอีกหลายครั้งจนผมมีสภาพที่ไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์จากสิ่งที่มันทำกับผม มันแสดงออกถึงความป่าเถื่อน รุนแรง ดุดันและไร้ความปราณีอย่างที่สุด ผมนอนร้องไห้เสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพราะไม่มีแรงที่จะลุกหนีออกจากมันได้จึงเป็นเหตุให้ผมถูกมันปูยี่ปู้ยำตามใจอยู่อย่างนั้น กระทั่งน้าสาวของผมน่าจะกลับมาจากทำงานผมได้ยินเสียงประตูรั้วถูกเปิดออกอย่างชัดเจน ผมเตรียมจะอ้าปากส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากน้าก้อยแต่ก็ถูกมือใหญ่ของมันยกขึ้นมาปิดปากผมแนบสนิทจนไม่สามารถที่จะส่งเสียงเล็ดลอดออกมาจากมือมันได้ "ไม่ต้องคิดจะขอความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น ถ้ามึงไม่อยากให้คนที่กำลังเข้ามาในบ้านต้องตาย กูบอกมึงแค่นี้แหละอยู่ที่ว่ามึงจะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่มึง?!" หลังจากที่มันพูดจบก็ดึงมือออกจากปากของผมแล้วสิ่งที่ผมคิดไว้ก็ไม่สามารถทำได้เพราะห่วงใยความปลอดภัยของน้าก้อย "มึงยังต้องการอะไรอีกสิ่งที่มึงต้องการ มึงก็ได้ไปแล้วนี่ออกไปจากชีวิตกูเถอะนะ!" "ไม่!! สิ่งที่กูต้องการมันมากกว่านี้ สิ่งที่มึงสูญเสียยังไม่ได้เศษเสี้ยวกับสิ่งที่กูเสียเลย เป็นไงล่ะความสุขที่กูมอบให้มันคงทำให้มึงมีความสุขจนไม่มีแรงจะขยับตัวเลยสินะ" ยิ่งผมได้ยินคำถามมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนและเกลียดตัวเองมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูกแต่รู้สึกเจ็บใจที่ถูกมันล่วงเกินอย่างย่ามใจแบบนี้ "เลว!!" "เลวเเหรอ.. หึ!.. อย่างน้อยไอ้คนเลวๆ คนนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผัวของมึงแล้วกัน จำไว้ต่อไปนี้มึงคือทาสอารมณ์ของกู ถ้ามึงไม่อยากให้คนในบ้านของมึงต้องตายไปทีละคนทีๆ ล่ะก็ ต้อมยอมให้กูระบายความอยากกับมึงจนกว่ากูจะเบื่อเท่านั้น ที่สำคัญห้ามคิดที่จะมีคนอื่นนอกจากกูด้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตคนในครอบครัวของมึงจะไม่ปลอดภัย มึงจะทำยังไงก็ได้อย่าให้ใครรู้ว่ากูอยู่ในห้องนี้เพราะกูตั้งใจว่ากูจะไม่ไปไหนจนกว่าเรื่องราวที่ออสเตรเลียจะซาลงและไม่มีใครตามตัวกูอีกตกลงตามนี้นะ” ผมแทบจะขาดใจตายกับคำต่อรองของมัน ที่มันย้ำนักย้ำหนาถึงสิ่งที่มันต้องการเพียงเพื่อจะใช้ร่างกายของผมเป็นที่ระบายความกำหนัดของมัน ทำไมมันไม่ฆ่าผมให้ตายซะรู้แล้วรู้รอด ทำไมมันต้องใช้ชีวิตคนที่ผมรักเป็นตัวประกัน ทำไมผมต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ด้วย "กูยอมทำตามสิ่งที่มึงต้องการแต่มึงต้องสัญญากับกู ว่ามึงจะไม่ทำร้ายทุกคนในบ้านเด็ดขาด!" ผมกัดฟันเพื่อขอคำสัญญาจากมันถึงแม้ว่ามันอาจจะเชื่อไม่ได้ก็ตาม "ได้จ้ะ ผัวสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายทุกคนในบ้านของเมีย ขอเพียงให้เมียของผัวอย่านอกใจผัวแล้วกัน แต่ก่อนอื่นเลยมาให้ผัวได้ชื่นชมความเร้าร้อนของเมียอีกสักครั้งได้ไหม บอกตามตรงเลยนะยิ่งได้อยู่ใกล้ยิ่งได้สัมผัสผัวยิ่งรักเมียมากขึ้นๆ ทุกที! ฮ่าๆๆ" มันไม่พูดเปล่ามันยังคว้าตัวผมเข้าไปหอมแก้มใช้ริมฝีปากหนานุ่มขบกัดบริเวณต้นคอของผมจนแดงเป็นจ้ำๆ อย่างน่าเกลียดน่ากลัวซึ่งตอนนี้ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วว่ามันมาที่บ้านผมได้ยังไง มันออกมาจากประเทศออสเตรเลียตั้งแต่เมื่อไร แล้วน้องทอสกับทัชจะเป็นยังไงบ้าง ในที่สุดผมก็ต้องยอมให้มันเชยชมและยัดเยียดสิ่งที่มันต้องการอีกครั้งอย่างปฏิเสธไม่ได้ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนและรังเกียจที่สุด   ทัช ธารากร  ผมรีบเดินทางกลับมาที่โรงพยาบาลที่น้องเขารับการรักษาจากเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานนี้ หลังจากที่ผมเสร็จธุระจากที่ทำงานก็รีบขับรถตรงมายังรถโรงพยาบาลทันทีโดยที่คุณเคเป็นธุระอยู่เฝ้าดูแลเป็นอย่างดี "ผมต้องขอบคุณคุณเคมากๆ นะครับที่คอยเป็นธุระแทนผม" "ไม่ต้องคิดมากครับเราเป็นเพื่อนกัน มีอะไรที่ผมพอช่วยได้ก็บอกแล้วกันครับ" หลังจากที่คุณเคตอบรับคำขอบคุณจากผม ผมจึงหันไปหาคนป่วยที่กำลังทำสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงด้วยท่าทางน่าเอ็นดู "เป็นยังไงบ้างรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม" "ผมดีขึ้นแล้วครับ ผมอยากกลับคอนโดแล้ว ไม่อยากอยู่โรงบาลนานอ่ะครับมันรู้สึกแปลกๆ" "เมื่อกี้พี่ก็แวะไปหาหมอที่ให้การรักษาเราแล้วเหมือนกัน เขาบอกว่าเราตอนนี้ทุกอย่างเป็นปกติดีแล้วนะแต่พี่เองอยากให้ทอสนอนพักอีกสักคืนดีกว่านะเพื่อให้ร่างกายกลับมามีสภาพเต็มร้อยจริงๆ ก่อน นะครับทนหน่อยนะ" "ถ้าอย่างงั้นพี่ก็มานอนแทนผมไหมล่ะมันน่าเบื่อจะตาย" เขาส่งเสียงค้านผมอย่างน่าสงสารแต่ขณะเดียวกันที่เรากำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุก ทีวีที่กำลังเปิดไว้ก็เสนอข่าวด่วน "ข่าวด่วน! ผู้ต้องหาคดีค้ากามเด็กหนุ่มหนีออกนอกประเทศเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตามคำสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าผู้ต้องหาน่าจะหนีออกนอกประเทศไปยังประเทศบ้านเกิดที่ประเทศไทย จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคนที่พบเห็นชายคนดังกล่าวตามภาพให้รีบแจ้งกับเจ้าหน้าที่โดยด่วนเพราะบุคคลนี้คือบุคคลอันตราย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ 911 จบข่าว" หลังจากที่ข่าวด่วนจบไปผมกับน้องทอสต่างมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวขึ้นมาทันที คนแรกที่เรานึกถึงที่คิดว่าไม่น่าจะปลอดภัยจากหายนะในครั้งนี้นั่นก็คือพี่แบงค์ พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างแน่นอน ทอสขอคำปรึกษาจากผมกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ เราต่างลงความเห็นที่เดียวกันว่าเราสองคนต้องกลับไทยเดี๋ยวนี้เพื่อช่วยเหลือพี่แบงค์จากหายนะครั้งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อเราสองคนตัดสินใจเช่นนั้นจึงเดินทางกลับไปที่คอนโดเก็บข้าวของเพื่อเดินทางกลับไทยทันทีโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นหากพ่อของผมทราบข่าวว่าผมและน้องทอสกลับมาคบกันอีกครั้งก็ตาม ทอส ธีรภพ  ผมรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ความกังวลมากมายมันถาโถมเข้ามาในหัวสมองของผมอย่างไม่หยุดยั้งถึงความปลอดภัยของพี่แบงค์ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะรู้ตัวหรือยังว่าคนไม่ดีมันได้เดินทางกลับไปที่ประเทศไทยแล้ว ผมและพี่ทัชต่างภาวนาร่วมกันขออย่าให้มันไปหาพี่แบงค์อย่างที่เราสองคนวิตกกันเลยเพราะถ้าหากมันไปหาพี่แบงค์ ฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับพี่แบงค์มันก็จะส่งผลให้เขาต้องกลับมาอยู่ในสภาพความหวาดกลัวอีกครั้ง ความกังวลเหล่านี้ทำให้เราสองคนต้องนั่งกุมมือกันและกันตลอดการเดินทางโดยเครื่องบินด้วยจิตใจที่เป็นห่วง แบงค์ พี่ชายคนเดียวของทอส  ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากการหลับใหลอย่างเหนื่อยอ่อนบนเตียงนุ่มภายในห้องนอนของตนเองหากไม่ได้เสียงนาฬิกาปลุกผมก็คงจะนอนหลับเป็นตายและใช้เวลานอนได้ทั้งวันโดยไม่รู้ตัว ผมรีบลุกขึ้นเพื่อจะไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานตามปกติเพราะผมคิดว่าไหนๆ ตัวหายนะก็อยู่กับผมแล้วผมคงไม่จำเป็นต้องไปหวาดระแวงอะไรอีก เมื่อผมคิดได้แบบนั้นผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้นว่าบนเตียงจะมีร่างของตัวหายนะนอนหลับตาพริ้มด้วยเรือนร่างที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียงก็ตาม ผมพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติมากที่สุดเพราะคิดแล้วว่ายังไงผมก็คงจะหนีมันไม่พ้น ชีวิตกับความปลอดภัยของทุกคนที่บ้านขึ้นอยู่กับผมเพียงคนเดียวเวลานี้ ผมก็ทำตามกิจวัตรประจำวันเช่นปกติ ก่อนที่ผมจะได้เดินไปที่ประตูเพื่อลงมาทานอาหารเช้าก็ต้องถูกฝ่ามือใหญ่จับข้อมือของผมดึงรั้งให้เข้าไปหามันอย่างตั้งใจ "จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะเมียจ๋า เรายังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลยนะ" "มีอะไรก็ว่ามา กูจะรีบไปทำงาน" "เมียพูดกับผัวแบบนี้เหรอ พูดดีๆ ดีกว่านะ อย่าลืมนะว่ามึงเป็นเมียของกูแล้วมึงต้องพูดและปรนนิบัติกูให้ดีๆ ไม่อย่างงั้นมึงก็น่าจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น!" ยิ่งผมได้ฟังคำพูดของมันผมแทบอยากจะฆ่ามันให้ตายตรงนี้เลยแต่ผมก็คิดอีกว่าถ้าผมทำแบบนั้นผมก็คงต้องเข้าไปนอนในคุกอย่างไม่มีทางเลือก "ตกลงนายมีอะไรก็บอกมาเถอะฉันไม่อยากไปทำงานสาย" "แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อยตั้งใจฟังให้ดี.. นับจากนี้เป็นต้นไปนอกจากเมียจะต้องเป็นทาสอารมณ์ของผัวแล้วเมียยังจะต้องหาข่าวหาปลาขึ้นมาให้ผัวกินทุกมื้อด้วยเพราะผัวใช้กำลังมอบความสุขให้เมียอย่างสุขสมทั้งคืน เหนื่อยก็เหนื่อยเมียตอบแทนผัวแค่นี้จะได้ไหมครับ" "นายอย่าลืมนะว่าฉันต้องทำงานถ้าเป็นช่วงเช้ากับช่วงเย็นฉันจัดให้นายได้แต่ถ้าเป็นกลางวันคงจะไม่ได้เพราะที่ทำงานของฉันก็อยู่ไกล เอาแบบนี้ ช่วงกลางวันไม่มีใครอยู่บ้านถ้าอยากกินอะไรก็ลงมากินที่ห้องครัวแล้วกันส่วนถ้าใครสงสัยฉันจะบอกเองไม่เป็นไรหรอกแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะได้ลงไปเอาข้าวขึ้นมาให้นายกินเพื่อตอบแทนที่นายยัดเยียดความชั่วร้ายให้ฉัน" ทันทีที่ผมพูดจบประโยคไอ้นะมันก็ดึงผมเข้าไประดมจูบริมฝีปากอย่างร้อนแรงและน่าขยะแขยงที่สุด "ต้องอย่างนี้สิเป็นเมียก็ต้องปรนนิบัติผัวถ้าผัวหิวขึ้นมาแล้วเมียไม่ดูแลผัวอาจจะไปหากินกับคนในบ้านก็ได้นะ ฮ่าๆ ไปเถอะรีบลงไปเอาข้าวขึ้นมาให้ผัวกินได้แล้วจ้ะเมียจ๋า" ในประโยคสุดท้ายของมันทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก "นายอย่าทำอะไรคนในครอบครัวของฉันนะไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเหมือนกัน" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เชิงข่มขู่และไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่มันกลับไม่มีทีท่าจะสลดในคำพูดของผมเลยแม้แต่น้อย "รู้แล้วน่ะก็แค่พูดเล่นเฉยๆ ลงไปได้แล้วหิวข้าว" ผมยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปากแบบรวกๆด้วยความขยะแขยงก่อนจะเดินหันหลังกลับไปที่ประตูทางออกของห้องนอนแต่มันก็ไม่วายที่จะเข้ามาสวมกอดผมจากข้างหลังอีก "มึงรังเกียจกูขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งๆ ที่กูไม่รังเกียจอะไรตัวมึงเลย กูมอบความสุขให้มึงทั้งคืน มึงเองก็มีท่าทีมีความสุขแค่กูจูบปากถึงขั้นทำท่ารังเกียจ เป็นแบบเนี้ยกูว่ามึงไม่ต้องไปทำงานดีกว่า กูจะยัดเยียดความเป็นผัวให้มึงจนกว่ามึงจะไม่รังเกียจกู!" ไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธอะไรมันก็ถูกมันเหวี่ยงขึ้นเตียงอย่างแรงแล้วมันก็กระโดดขึ้นมาทาบทับบนตัวผมอย่างจงใจและน่ากลัว มันทำร้ายผมอย่างป่าเถื่อนกว่าหลายชั่วโมงจนผมหมดสภาพแทบไม่มีแรงลุกขึ้นนั่งเลยด้วยซ้ำ ความตั้งใจที่จะไปทำงานในวันนี้จึงเป็นอันต้องโมฆะและยกเลิกเพราะตอนนี้ผมคงจะทำอะไรไม่ไหวแล้วจริงๆ "พอใจนายหรือยัง เมื่อเช้าที่ฉันทำแบบนั้นเป็นเพราะว่าฉันต้องลงไปเผชิญหน้ากับคนในครอบครัวและคนในที่ทำงานเพื่อลบร่องรอยความอับอายของตัวเองเพื่อไม่ให้ใครเห็นก็เท่านั้น ฉันไม่เคยบอกเลยว่าฉันรังเกียจนาย" "มึงพูดอย่างนี้ก็แปลว่ามึงชอบ!" ผมไม่รู้จะตอบมันยังไงจึงเลี่ยงไม่ตอบดีกว่าก่อนจะหลับตาและนอนหันหลังให้มันด้วยความอ่อนใจ โชคดีที่คนด้านล่างไม่ขึ้นมาตามผมอย่างที่กังวล มันเองเห็นว่าผมนอนหันหลังให้อย่างนั้นก็ขยับเข้ามาสวมกอดผมเหมือนกับว่าผมกับมันเราเป็นคู่รักที่รักกันมากอย่างไรอย่างนั้น..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD