ตอนที่ 9

2234 Words
ทอส ธีรภพ แล้ววันนี้ผมก็กลับมาหาเขาอีกครั้งเพียงเพราะเรื่องไม่เข้าใจ ทำให้พี่ทัชทำกับผมได้ถึงขนาดนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่ใช่ว่าผมจัดฉากขึ้นแต่อย่างไร ผมไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรเลวร้ายกับคนที่ผมรักได้ขนาดนั้นเหรอกนะ ถึงแม้ว่าผมจะมีความรู้สึกดีกับคุณเคก็ตามแต่ผมกลับไม่คิดที่จะทรยศหัวใจของตัวเองได้ลงคอ ผมพยายามตั้งสติและรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเท่าที่มีก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเพื่อจะก้าวขาเข้าไปหาเขาอีกครั้ง ในจังหวะเดียวกันนั้นได้มีฝ่ามือใหญ่จับคว้าข้อมือของผมแล้วดึงกลับเข้าหาตัวอย่างแรงจนผมเซล้มเพราะตั้งตัวไม่อยู่ แก้มของผมกระทบเข้ากับอกกว้างของใครคนนั้นอย่างจังก่อนที่ฝ่ามือและแขนแกร่งของใครคนนั้นจะโอบกอดผมอย่างอ่อนโยนเหมือนอ้อมกอดที่ผมคุ้นเคย ที่ผมเคยรับกอดนี้จากใครคนหนึ่ง ความรู้สึกนี้ผมรู้สึกคุ้นเคยมาก ความอบอุ่น กลิ่นกายของชายคนนี้ช่างเหมือนพี่ทัชเหลือเกินหรือว่าชายคนนี้จะคือคนรักของผมแต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะเมื่อกี้ผมเพิ่งเห็นเขากำลังโอบกอดกับชายอีกคนที่อยู่ด้านหน้าผมอยู่เลย แล้วชายคนนี้เขาเป็นใคร เมื่อผมคิดได้เช่นนั้นผมก็รีบเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของชายคนนั้นอย่างตั้งใจก็พบว่า "ทอสกำลังคิดว่าเขาเป็นพี่ใช่ไหมครับ" ยิ่งสร้างความตกใจให้กับผมเพิ่มขึ้นกับน้ำเสียงที่คุ้นหู "พี่ทัช!" ผมอุทานเสียงดังเมื่อรู้ว่าตัวผมเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายคนรักเพื่อความแน่ใจผมจึงหันหน้าไปมองชายสองคนนั้นอีกครั้งก็พบว่าชายที่มีรูปร่างคล้ายกับพี่ทัชกำลังหันมาทางพวกเราพอดีเพราะคงจะตกใจกับเสียงอุทานของผมจึงทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่พี่ทัชแต่เขาช่างมีรูปร่างและส่วนสูงใกล้เคียงกับพี่ทัชเท่านั้นเองหนำซ้ำเขายังใส่โค๊ทสีเดียวกันกับพี่ทัชอีกแล้วจะไม่ให้ผมเข้าใจผิดได้ยังไง "ทอสพี่ขอโทษนะครับกับเรื่องนี้ คุณเคเขาเพิ่งโทรมาบอกพี่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่พี่กลับไม่ยอมรับฟังอะไรจากเราเลยแล้วยังขับรถหนีทอสมาแบบนี้จนมาทำให้เราได้เห็นภาพบาดตา พี่เพียงแค่อยากจะมาหามุมสงบเพื่อจะระงับความเสียใจและความโกรธแต่เมื่อกี้พี่เดินไปฝั่งตรงข้างเลยทำให้เรา 2 คนคาดกัน พอเดินกลับมาพี่ก็เห็นว่าเรากำลังยืนดูอะไรบางอย่างและพี่ก็ต้องตกใจเมื่อใครคนนั้นที่เรายืนดูอยู่เหมือนพี่มาก พี่เลยรีบวิ่งมาขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าไปหา 2 คนนั้น ตอนนี้ทอสทำให้พี่รู้ว่าทอสไม่มีทางทอดทิ้งความรักของเราสองคนได้ นับจากวันนี้ไปพี่จะมีสติให้มากกว่านี้และควบคุมความหึงหวงในตัวทอสให้ได้มากกว่านี้ ที่สำคัญพี่พร้อมจะรับฟังทุกเหตุผลที่ทอสจะบอกกับพี่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเราสองคนก็ตาม พี่ขอให้สัญญาว่าพี่จะมีรักจริงใจต่อทอสแบบนี้ตลอดไป พี่ขอโทษนะครับคนดีของพี่" น้ำตาของผมรินไหลอีกครั้งอย่างมากมายกับคำพูดที่สร้างความมั่นใจและสร้างความสุขให้กับผมจนผมคิดว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตผมก็สามารถที่จะให้เขาได้แต่ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดคือสิ่งที่ผมกำลังจะบอกเขาเช่นกัน ผมจึงทำได้เพียงสวมกอดเขาอยู่แบบนั้นเนิ่นนานและไม่อยากจะหลุดพ้นจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่ทัชเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทัช ธารากร  ผมโอบกอดเขาอยู่นานท่ามกลางผู้คนที่เริ่มคลาคล่ำมาออกกำลังกายและที่นั่งเล่นตามจุดต่างๆ ของสวนสาธารณะแห่งนี้ "ทอสเรากลับห้องกันเถอะครับนี่ก็เริ่มจะเย็นแล้ว" เรามองหน้ากันอย่างรู้ใจก่อนจะคลายวงแขนออกจากกัน "ครับพี่ เดี๋ยวยังไงผมขอโทรบอกคุณเคก่อนครับ ว่าเราสองคนปรับความเข้าใจกันแล้ว" "เดี๋ยวพี่โทรบอกคุณเคเองดีกว่า ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ไหวใจเรานะ" ผมรีบพูดแทรกขึ้นทันทีเพื่อไม่ให้น้องเขาไม่สบายใจกับการคำแย้งของผม "ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจพี่ทัชเลยครับ" เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ผมก็สบายใจละ เราสองคนเดินจับมือกันไปยังรถยนต์ที่ผมจอดไว้ข้างทางใกล้กับสวนสาธารณะ "ใจเสียเลยล่ะสิที่เห็นภาพตอนนั้นน่ะ พี่ก็กลัวเหมือนกันว่าเราจะเข้าใจผิด" ผมพูดหยอกล้อน้องทอสเมื่อนึกถึงสีหน้าที่เขาเห็นใครสองคนนั้นกอดกันต่อหน้าแบบนั้น "ผมจะบอกว่าผมจะเสียใจมากกว่า ถ้าหากพี่ไม่เดินเข้ามาทักผมก่อน ผมคงจะเดินเข้าไปทำร้ายผู้ชาย 2 คนนั้นแล้วก็ได้" เราเดินคุยกันไปจนถึงรถยนต์ของผมและของคุณเคก่อนที่ผมจะตัดสินใจให้ทอสมานั่งรถกลับไปคันเดียวกันกับผมโดยที่ผมได้โทรบอกให้คนที่บริษัทมาขับรถของคุณเคกลับไปให้เขา โดยที่เราสองคนไม่ลืมแวะไปพูดคุยกับคุณเคเพื่อให้เขาคลายความเป็นห่วงถึงเรื่องการทะเลาะกันระหว่างเราสองคน ยิ่งผมและทอสได้ใช้ชีวิตร่วมกันมากเท่าไหร่ผมก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงความรักที่มั่นคงของน้องเขาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยแม้สักวินาทีเดียวแม้นจะมีใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเขาก็ไม่เคยเกิดอารมณ์อ่อนไหวกับสิ่งเหล่านั้น นับวันผมยิ่งรักทอสมากขึ้นโดยไม่มีข้อแม้ ความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขามันได้กลบเกลื่อนความคิดด้านลบของผมไปจนหมด ทอสเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ผมจะฝากหัวใจไว้ให้เขาดูแลและผมเองก็พร้อมจะดูแลเขาตลอดไปเช่นกัน ผมนั่งทบทวนเรื่องราวกับเหตุการณ์ต่างๆ ขณะที่ขับรถกลับไปที่บริษัทโดยมีคนรักนั่งอยู่ข้างกาย มันทำให้ผมรู้ว่าชีวิตนี้ของผมคงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ที่สำคัญผมจะไม่มีวันปล่อยเขาให้หลุดมือไปอีกครั้งอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ทอสเขาหันมายิ้มให้ผมเป็นระยะด้วยสีหน้าค่อนข้างสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถามผมอย่างใคร่รู้ "พี่ทัชคิดอะไรอยู่เหรอครับมองหน้าผมไปยิ้มไปบอกผมหน่อยได้มั๊ย" คำถามที่เขาเอ่ยถามผม กลับทำให้เขามีอาการอายจนหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้สึกชอบใจและมีความสุขมากที่ได้เห็นรอยยิ้มสวยๆ ของเขามากขึ้นทุกที "พี่กำลังคิดว่าเราสองคนควรจะแต่งงานเมื่อไหร่ดีอยู่ครับ" "แต่งงาน!!" น้องอุทานด้วยสีหน้าตกใจแต่กลับเปี่ยมไปด้วยความดีใจเคล้าความสุขที่แสดงออกผ่านดวงตาคู่สวยที่ผมหลงรัก "ใช่พี่อยากแต่งงานและความคิดนี้ก็อยู่กับพี่มาหลายปีแล้ว พี่รอแค่วันหนึ่งที่คนรักของพี่พร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกับพี่จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน" ทอสมีอาการตาแดงๆ คล้ายจะร้องไห้ เขาเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาทำให้ผมหัวใจพองโตขึ้นมากะทันหัน "ผมพร้อมจะแต่งงานกับพี่ครับพี่ทัช ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เมื่อไหร่ก็ตามที่พี่พร้อมผมก็พร้อมครับ แล้วมันจะเร็วเกินไปหรือเปล่าครับถ้าผมจะบอกว่าผมอยากแต่งงานกับพี่วันนี้เลย พี่ทัชจะขัดข้องอะไรหรือเปล่าครับ" เมื่อผมได้ยินเช่นนั้นผมก็รีบชะลอรถเลี้ยวเข้าจอดข้างทางก่อนจะดึงตัวเขาเข้ามากอดด้วยความดีใจที่ความต้องการของผมกับเขาตรงกัน น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมาอย่างท่วมท้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแต่ผมกลับไม่รู้สึกอายเลยแม้แต่น้อยเพราะน้ำตาที่รินไหลนั้นเปรียบได้กับความรัก ความรู้สึกดีที่ผมมีต่อน้องทอสตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา "ครับทอสพี่ดีใจมากๆ ที่ได้ฟังคำนี้จากเรา เราสองคนจะไปที่โบสถ์กันตอนนี้เลย!" ทันทีที่ผมตอบรับคำพูดของเขา ผมก็รีบเลี้ยวรถไปยังโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเพิร์ธเพื่อจะไปทำพิธีแต่งงานทันที ด้วยความดีใจและปลื้มปิติกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเราสองคนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ผมจึงไม่ได้ติดต่อเพื่อบอกใครเลยแม้แต่คนเดียวว่าผมกำลังจะเริ่มชีวิตใหม่อย่างถูกต้องตามหลักศาสนากับคนที่ผมรักมากที่สุด เราจะอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นคู่ชีวิตอย่างถูกต้องโดยมีพระเจ้าเป็นพยาน ผมกับน้องทอสเราสองคนนั่งกุมมือกันในระหว่างที่ผมขับรถไปยังโบสถ์หลังใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่เป้าหมายที่เราสองคนตั้งใจจะไป.. ทอส ธีรภพ "บัดนี้ลูกทั้งสองคนได้เป็นคู่ชีวิตของกันและกันโดยสมบูรณ์แล้ว พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองคนจงมีแต่ความสุขใช้ชีวิตอย่างมีสติและขอให้พระเจ้าคุ้มครองลูกทั้งสองตลอดไป" บาทหลวงผู้ทำพิธีกล่าวอวยพรผมและพี่ทัช นับว่าเป็นอันเสร็จพิธีการให้คำสัตยาบันต่อหน้าพระเจ้ากับพิธีการแต่งงานระหว่างเราสองคน แม้จะไม่มีเครือญาติคนที่ผมรักหรือคนสนิทที่จะมาร่วมเป็นสักขีพยานให้กับผมกับพี่ทัช ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้สึกน้อยใจหรือรู้สึกตัดพ้ออะไรพวกท่านเพราะสิ่งที่เราสองคนเลือกมันเป็นเส้นทางเดินที่พวกเขาไม่พร้อมที่จะยอมรับกับความสัมพันธ์ของเราสองคนอยู่แล้วโดยเฉพาะคุณพ่อของพี่ทัช ที่คอยกีดกันความรักของเรามาโดยตลอดจนเป็นเหตุให้ผมกับพี่ทัชต้องพลัดพรากจากกันมาหลายปี จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมไม่เคยรู้สึกโกรธเกลียดคุณพ่อพี่ทัชเลย ในทางกลับกันผมกลับเข้าใจความรู้สึกและความคิดของท่านเสียมากกว่า ซึ่งเป็นธรรมดาที่พ่อแม่ย่อมอยากให้ลูกของตนเองได้คู่ชีวิตที่ดีที่สุด คู่ควรที่สุดและเหมาะสมที่สุดซึ่งคนๆ นั้นไม่ใช่ผมอย่างแน่นอนในสายตาของท่าน ผมเองก็ไม่เคยย่อท้อที่จะแสดงออกถึงความรัก ความภักดีรวมถึงความจริงใจที่มีต่อลูกชายของท่านมันกลับดูไม่เข้าตาท่านเลย จนมาวันนี้ที่ผมและพี่ทัชยินดีพร้อมใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันเสมือนคู่รักทั่วไปอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม ลึกๆ ในใจของผมก็ยังคงรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของท่านอยู่ตลอด ว่าหากวันหนึ่งท่านรู้ความจริงว่าเราสองคนแต่งงานกันอยู่ด้วยกันท่านจะเป็นอย่างไร ท่านยังจะกีดกันเราสองคนให้พลัดพรากจากกันอีกครั้งอีกครั้งหรือไม่ ผมก็พร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างเพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตคู่กับพี่ทัชอีกครั้งเช่นกัน ผมจะไม่มีวันให้หัวใจของผมต้องเจ็บปวดเป็นครั้งที่สอง แม้นว่าใจหนึ่งก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อพี่ทัชส่วนอีกใจผมก็สุดจะรักลูกชายของท่าน ผมจะพยายามประนีประนอมจะไม่ทำร้ายความรู้สึกของท่านให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ ผมรู้สึกมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเมื่อผมคิดและตัดสินใจเช่นนั้นผมก็พร้อมจะยอมรับกับผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก่อนที่ผมจะร่ำไห้ด้วยความดีใจในอ้อมกอดของชายคนรักภายในโบสถ์หลังใหญ่ต่อหน้าพระเจ้า ทางพี่ทัชเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันกับผมตอนนี้ก่อนที่เขาจะช่วยเช็ดน้ำตาแล้วค่อยๆ จับคางผมให้เงยขึ้นสบตากับเขา จากนั้นพี่ทัชก็เคลื่อนส่งริมฝีปากหนานุ่มมาสัมผัสริมฝีปากบางของผมอย่างตั้งใจและดูดดื่มจนแทบจะทำให้เราสองคนรวมเป็นหนึ่งเดียวเสียให้ได้ เมื่อเราสองคนแสดงความรักต่อกันต่อหน้าพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อยจึงพากันกลับคอนโดของพี่ทัชทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD