ตอนที่ 5

2447 Words
ทอส ธีรภพ  กว่า 10 นาทีที่เจ้าหน้าที่หญิงได้บอกให้ผมกับคุณเครออยู่ที่ห้องนี้ "ผมรู้สึกตื่นเต้นจังเลยครับคุณเคที่จะได้เจอพี่ทัชอีกครั้ง!" ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจของผมที่มันพยายามแสดงออกทางภาษากายต่อคนที่กำลังจะได้พบเจอคนที่รักในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ มันทำให้ผมพูดประโยคซ้ำๆ เดิมๆ อยู่อย่างนั้นหลายรอบในขณะที่มือเรียวของผมยังจับกุมมือใหญ่ของคุณเคอย่างไม่ถือสาเพราะการที่ผมทำเช่นนั้นมันช่วยทำให้ผมลดความรู้สึกตื่นเต้นลงได้บ้าง "คุณทอสยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับว่าคุณกับคุณทัชมีความสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน ทำไมคุณดูตื่นเต้นและดีใจขนาดนี้ครับ" ประโยคคำถามของคุณเคมันทำให้ผมต้องรีบดึงมือเรียวของตนกลับเข้าเข้ามาจับมือตัวเองอีกข้างแล้วประคองอยู่บนตักโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกผิดที่ผมเผลอทำตัวเช่นนั้นก็เข้าจู่โจมผมแต่การที่ผมรีบดึงมือตนเองกลับจากอีกฝ่าย คงจะทำให้คุณเครู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน ผมจึงตอบเขาแบบเลี่ยงๆ เพื่อขอไปทีด้วยความสุภาพ ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบคำถามคุณเคได้หายข้องใจ.. ลูกบิดประตูของห้องรับรองแขกก็ถูกบางคนบิดพร้อมผลักเข้ามาอย่างช้าๆ สายตาและหัวใจของผมจับจ้องไปที่รอยแง้มของประตูบานนั้นอย่างตั้งใจ ในที่สุดก็ปรากฏร่างของชายคนรักที่ผมรอคอยมาเป็นเวลาหลายปีที่จะได้เจอหน้าเขาได้ปรากฏขึ้นอยู่ที่หน้าประตูนั้นจริงๆ.. "พี่ทัช!!" ผมร้องอุทานสุดเสียง รีบลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้ชายคนนั้นอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกหัวใจที่พองโต กับความสมหวังครั้งหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมในเวลานี้ก็คือการได้มาเจอหน้าของพี่ทัชนั่นเอง "น้องทอส!!" เสียงของพี่ทัชแสดงออกถึงความดีใจไม่แพ้ผมเช่นกัน เราสองคนสวมกอดกัน อ้อมแขนของผมกับพี่ทัชต่างกระชับร่างกายของกันและกันแน่นมากราวกับว่าเรากำลังถ่ายทอดความคิดถึงห่วงหาอาทรสู่ใจกัน ที่มันถูกเก็บเอาไว้ภายในใจมาเป็นเวลาแสนนาน น้ำใสๆ จากดวงตาที่รินไหลลงบนบ่าของผู้ชายคนที่ผมรอที่จะเจอเขาจนเปียกชุ่ม ในขณะที่พี่ทัชคอยปลอบโยนผมให้รู้สึกดีและบรรเทาความคิดถึงลงได้ระดับหนึ่ง หากเป็นไปได้ผมอยากจะกอดผู้ชายคนนี้ไว้แบบนี้ไปตลอดจนกว่าจะหายคิดถึงเลยด้วยซ้ำ "ทอสมาที่นี่กับพี่แบงค์ใช่ไหม แล้วตอนนี้พี่แบงค์อยู่ไหน พี่อยากจะขอบคุณพี่แบงค์เหลือเกินที่ช่วยทำให้เราสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง" เมื่อผมฟังคำถามจากพี่ทัชจบผมก็ต้องกลับเข้าสู่อารมณ์ดราม่าตามเคยแล้วตอบพี่ทัชด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างการเดินทางจนเราสองคนพี่น้องต้องหลงทางกัน ก่อนที่พี่ทัชจะดึงตัวของผมเข้าไปกอดปลอบอีกครั้งกับความเห็นใจที่ผมต้องพลัดหลงจากพี่ชาย "ไม่เป็นอะไรนะเดี๋ยวพี่จะให้คนที่นี่ช่วยกันออกตามหาพี่แบงค์เอง แล้วทอสมาที่ตึกทำงานของพี่ได้ยังไง!?" ผมค่อยๆ ชี้นิ้วไปทางโซฟาแทนคำตอบว่าบุคคลนั้นเป็นผู้นำทางพาผมมาที่นี่ "อ้าวคุณเคเจอกันอีกแล้วนะครับ" พี่ทัชเอ่ยถามคุณเคด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก สีหน้ากับแววตาของคุณเคคงจะเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าผมกับพี่ทัชเราสองคนเป็นอะไรกัน คุณเคมีสีหน้าที่ดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะอะไรหรือทำให้เขามีอาการเช่นนั้น แล้วเรา 3 คนก็ได้พูดคุยถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง การพลัดหลงและความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่เขาครั้งที่ยังอยู่เมืองไทยจนมาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนที่ผมรัก แต่ทุกครั้งที่ผมกับพี่ทัชโอบกอดกันหรือสัมผัสฝ่ามือกันและกันนั้น สายตาของคุณเคจะแสดงออกถึงความสิ้นหวังทุกครั้ง มีหลายครั้งที่เขาจะขอตัวกลับจากบริษัท กลับถูกผมรั้งเอาไว้เสียก่อนเพื่ออยากจะเลี้ยงอาหารค่ำสักมื้อเพื่อเป็นการตอบแทนที่เขาได้นำพาผมให้มาพบกับคนรักในครั้งนี้ "นะครับคุณเคอยู่รับประทานอาหารเย็นกับพวกผมสองคนสักมื้อนะครับ เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณได้ช่วยเหลือผมได้มาเจอกับพี่ทัช นะครับคุณเคถือว่าผมขอร้อง.." "ได้ครับคุณทอส" คุณเคกล่าวตอบรับด้วยสีหน้าแววตาที่ดูยิ้มแย้มมากขึ้นคงจะเห็นว่าผมมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่จากการแสดงออกทางสีหน้าของเขา ระหว่างนั้นพี่ทัชได้จัดการสั่งออเดอร์อาหารจากภัตตาคารหรูให้ไปส่งที่คอนโดห้องพักของพี่ทัชที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ขณะเดียวกันชายคนรักของผมก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่และคนที่รู้จักในกรุงเพิร์ธรวมถึงซิดนีย์ของประเทศออสเตรเลียช่วยกันออกตามหาพี่แบงค์ในทันทีตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าจะพบตัวพี่แบงค์ คนของทัช ธารากรยังคงทำหน้าที่การตามหาตัวของพี่แบงค์ พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของทอสกันทั่วกรุงเพิร์ธและซิดนีย์ของประเทศออสเตรเลียกันขวักไขว่ ชายฉกรรจ์กว่าร้อยคนต่างถูกสั่งในคำสั่งเดียวกันว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ตามหาตัวของแบงค์ชายหนุ่มผู้พลัดหลงจากน้องชายสุดที่รักของเขาให้พบไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม จึงส่งผลให้ตามเมืองต่างๆ ของออสเตรเลียมีชายฉกรรจ์ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่การตามตัวของแบงค์ด้วยความมุ่งมั่นตลอด 24 ชั่วโมง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินกันขวักไขว่ก่อนจะถึงใจกลางกรุงซิดนีย์ ชายหนุ่มผู้หลงทางจากน้องชายมีสีหน้าไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาขณะที่มือของเขายังคงกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับผู้เป็นน้องชายอยู่ไม่ขาดแต่ความโชคร้ายได้กระหน่ำซัดเขาอีกรอบทำให้เขาต้องสูญเสียเครื่องมือสื่อสารไปทั้งหมด เนื่องจากระหว่างที่เขากำลังทำการติดต่อน้องชายและญาติพี่น้องที่ประเทศไทย จู่ๆ ก็มีมือดีคว้าเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าสะพายคู่ใจจากบ่าของเขาไปดื้อๆ โดยที่เขาไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าใครเป็นคนเอาไป ซึ่งขนาดนั้นเขายังคงอยู่ท่ามกลางผู้คนนับร้อยจึงไม่อาจตามหามือดีได้โดยง่าย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาจากนี้ไปเขาจะอยู่ยังไงเมื่อไม่มีเครื่องมือสื่อสารพร้อมกระเป๋าเป้ที่มีพาสปอร์ต กระเป๋าสตางค์รวมถึงเอกสารสำคัญที่ถูกมือดีฉกไปได้อย่างง่ายดายเสียแล้ว ความคิดหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในหัวของเขา เขาจึงทำการถามทางจากหนึ่งในผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่เพื่อไปยังสถานีตำรวจหรือไม่ก็สถานที่ราชการที่เป็นจุดสำคัญของกรุงซิดนีย์ หลังจากที่เขาทราบพิกัดของสถานที่ต้องการจะไป เขาไม่รอช้ารีบเดินทางไปยังจุดหมายโดยไม่คิดอะไรมากเพียงหวังว่าคงจะได้เจอกับน้องชายของเขาที่นั่น ตอนนี้คงเหลือระยะทางไม่ถึง 20 เมตรก็จะถึงสถานกงสุลไทยประจำกรุงซิดนีย์ระหว่างทางนั้นได้มีชายหนุ่มแต่งตัวด้วยสูทราคาแพง ผูกเนคไททำตัวดูลึกลับทำทีเดินมาชนแบงค์ชายหนุ่มผู้หลงทาง "Oh! Sorry sir." ชายหนุ่มทั้งสองคนชนกันอย่างแรงส่งผลให้ชายที่ใส่สูทราคาแพงทำทีให้เอกสารที่อยู่ในกระเป๋าร่วงกระจายเกลื่อนพื้น ก่อนที่แบงค์จะกล่าวขอโทษอีกฝ่ายด้วยความตกใจแล้วก้มเก็บเอกสารให้ชายใส่สูทอย่างรวกๆ ทางฝ่ายชายใส่สูทได้เงยมองหน้าแบงค์แล้วกล่าวขอโทษด้วยเช่นกันก่อนจะปฏิบัติตามแผนการของเขาต่อไป... "I'm sorry เอ้ออ!.. คุณเป็นคนไทยหรือเปล่าครับ?" ชายใส่สูทมองคนหลงทางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ "ใช่ครับผมเป็นคนไทย มีอะไรหรือเปล่าครับ" แบงค์กล่าวตอบอีกฝ่ายก่อนจะยื่นเอกสารที่เก็บได้คืนให้กับเจ้าของ ตอนนี้จิตใจของเขาจับจ้องที่สถานกงสุลไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้ชำเลืองสายตามองอีกฝ่าย "มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับผมนะ นทียินดีได้รู้จักครับ" "ยินดีได้รู้จักครับ ตอนนี้ผมไม่สะดวกครับผมขอตัวไปทำธุระก่อนนะครับ" เมื่อนะชายในสูทราคาแพงได้ฟังการปฏิเสธจากเหยื่อที่เขาเพ่งเล็งมานานกว่า 20 เขาจึงพยายามหาอุบายหลอกล่อให้แบงค์ติดกับเขาให้ได้ "คุณต้องการจะไปสถานกงสุลไทยเเหรอครับ บังเอิญจริงๆ นะครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลไทยประจำกรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียครับ คราวนี้พอมีอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้บ้างหรือเปล่าครับ.." นะกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นการผูกสัมพันธไมตรีแก่อีกฝ่ายแต่แบงค์เองก็ใช่จะเชื่อใจเขาสักเท่าไหร่ "คุณเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลจริงๆ หรือครับถ้างั้นผมขอดูบัตรเจ้าหน้าที่หน่อยได้ไหม!?" "พอดีผมเพิ่งเลิกงานเมื่อช่วงเย็นน่ะครับ แล้วตอนนี้ก็จะ 2 ทุ่มแล้วครับ ผมจึงกลับไปเก็บของที่ห้องพักและออกมาเดินเล่นตามปกติเช่นทุกเย็นน่ะครับ คุณดูระแวงผมนะครับ ผมก็เป็นคนไทยเหมือนคุณนะครับ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ผมก็อยากช่วยเพราะถือว่าเป็นคนไทยด้วยกันแต่หากคุณไม่สะดวกหรือไม่ไว้ใจผม ผมก็ต้องขอโทษคุณด้วยที่ทำให้คุณไม่สบายใจครับ.. หากไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับและอีกอย่างสถานกงสุลตอนนี้ได้ปิดทำการตามเวลาแล้วด้วยครับ" นะเขากล่าวจากความรู้สึกที่พยายามกลั่นกรองเพื่อให้อีกฝ่ายหลงกลและแล้วความพยายามของเขาก็เป็นผล เพราะแบงค์ทำสีหน้าครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะเรียกชื่อของเขาให้หันกลับมา ในขณะที่ตัวนะกำลังทำทีจะเดินจากไป "คุณนะ! ผมขอโทษครับที่เข้าใจคุณผิด ผมชื่อแบงค์ยินดีได้รู้จักครับ" นะรีบหันมาส่งยิ้มแสดงความเป็นมิตรให้กับอีกฝ่ายก่อนจะชวนอีกฝ่ายพูดคุยเพื่อให้เกิดการตายใจทำให้เขาได้รู้ว่าแบงค์เกิดพลัดหลงจากน้องชายที่ชื่อทอสที่กรุงเพิร์ธเมื่อช่วงกลางวัน จึงเป็นเหตุให้เขารีบกลับมาที่กรุงซิดนีย์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญและโดดเด่นที่สุดของประเทศออสเตรเลียที่เขาและน้องชายรู้จักแต่เขาก็ไม่อาจตามหาน้องชายเจอจึงจะไปขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลไทย ชายหนุ่มทั้งสองคนพากันคุยเดินตามเส้นทางที่นะเป็นผู้นำมายังสถานที่แห่งหนึ่ง "หากคุณแบงค์ไม่รังเกียจคืนนี้ก็พักกับผมที่นี่ก่อนได้นะคะครับ ผมอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว งานหลักก็ที่สถานกงสุลส่วนงานอดิเรกผมจะชอบถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของออสเตรเลีย แล้วส่งไปลงนิตยสารชื่อดังของไทย คุณแบงค์สนใจจะดูผลงานของผมไหมครับ" แบงค์ดูผ่อนคลายลงจากความกังวลที่แสดงอยู่บนใบหน้าของเขาไปมาก เขากลับมีสีหน้าและแววตาที่มีความหวังมาทดแทนก่อนที่เขาจะตอบตกลงอีกฝ่ายโดยไม่คิดอะไรมาก การตอบรับจากแบงค์นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมากเพราะเขาไม่อาจรู้เลยว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขาต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แบงค์เดินตามนะเข้าไปภายในตึกใหญ่ที่ดูหรูหราไฮโซสมฐานะเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลไทยประจำประเทศออสเตรเลีย ทอส ธีรภพ ณ เวลาเดียวกันที่คอนโดหรูของทัช ธารากร อาหารค่ำมื้อสำคัญของผมดูมีสีสันอร่อยเลิศรสสมคำล่ำลือภัตตาคารชื่อดังประจำกรุงเพิร์ธ "พี่ทัชกับข้าวมื้อนี้เป็นกับข้าวที่อร่อยที่สุดในรอบหลายๆ ปีที่ผมทานเลยครับ คุณเครู้สึกเหมือนผมไหมครับ" ผมชมความอร่อย ความพิเศษของกับข้าวมื้อค่ำนี้ต่อชายคนรักของผมก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากคุณเค ที่รสชาติความอร่อยของอาหารน่าจะถูกปากเขามากกว่าใคร "เป็นอาหารที่อร่อยมากครับ ผมขอยกนิ้วให้เลยครับ วันหลังผมคงต้องบอกคุณพ่อให้ออเดอร์มากินที่บ้านบ้างแล้วล่ะครับ" คุณเคมีสีหน้าที่ดีขึ้นจากเมื่อช่วงกลางวันแต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุที่เขามีอาการแปลกๆ แบบนั้นเป็นเพราะอะไร จังหวะนั้นผมจะหันมาหยิบแก้วแชมเปญใบใหญ่เพื่อจะยกขึ้นดื่มแต่ปลายนิ้วของผมไปสะดุดเข้าที่บริเวณคอแก้ว แพล้ง!! แก้วใบร่วงแตกกระจายกลางพื้นห้องอย่างน่าตกใจ ก่อนที่ผมจะลุกจากเก้าอี้เพื่อจะก้มตัวลงไปหยิบเก็บเศษแก้วที่แตก ความรู้สึกแรกที่ผมสัมผัสได้ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่แบงค์ขึ้นมาอย่างสนิทใจ "พี่แบงค์!" ผมอุทานถึงชื่อของพี่แบงค์ดังลั่น เลือดสดๆ ก็ค่อยๆ ไหลออกจากปลายนิ้วของผมเพียงเล็กน้อยแต่มันก็สามารถทำให้ผมรู้สึกเจ็บไม่น้อยเช่นกัน "ทอสไม่เป็นไรใช่ไหมครับ.. มานี่" พี่ทัชคว้ามือของผม จับนิ้วที่มีเลือดออกเข้าปากของเขาแล้วดูดเลือดจากปลายนิ้วและรีบเดินไปหยิบกล่องยาหาปลาสเตอร์แปะแผลมาปิดแผลที่ปลายนิ้วให้กับผมอย่างเบามือ "พี่ทัชผมรู้สึกเป็นห่วงพี่แบงค์จังเลย มีข่าวอะไรจากคนของพี่บ้างหรือเปล่าครับ ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์แก้วแตกครั้งนี้มันเหมือนเป็นลางบอกเหตุอะไรผมแน่ๆ" พี่ทัชประคองศีรษะของผมลงไปซบที่อกก่อนจะพูดให้กำลังใจ "ทอสไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทันทีที่คนของพี่รู้ว่าพี่แบงค์อยู่ไหนเขาจะรีบโทรมาหาเราทันที ใจเย็นๆ นะ อยากดื่มแชมเปญไม่ใช่เเหรอเอาแก้วพี่ไปก็ได้.." ชายคนรักของผมหยิบแก้วแชมเปญที่วางบนโต๊ะให้กับผมแต่ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลยปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพก่อนจะคุยกันถึงเรื่องอื่นเพื่อให้เกิดความสบายใจขึ้น การตามหาแบงค์โดยคนของทัชในหลายๆ เมืองของประเทศออสเตรเลียยังคงดำเนินต่อไป กว่า 7 ชั่วโมงที่คนของทัช ธารากรได้พยายามตามหาตัวแบงค์พี่ชายผู้พลัดหลงจากทอส ก็ยังไม่สามารถตามตัวเจอ ยิ่งสร้างความตึงเครียดให้แก่คนที่รอคอยและคนที่เป็นผู้ตามหาไม่น้อย ตามสถานที่ต่างๆ ที่สำคัญรวมถึงโรงแรม คอนโดอีกเป็นจำนวนมากที่พวกเขาเฝ้าถามจากเจ้าหน้าที่ของสถานที่เหล่านั้นแต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง จนกระทั่งหนึ่งในผู้ตามหาได้มายืนอยู่ที่ด้านหน้าตึกใหญ่ที่มีความหรูหรา ซึ่งเขาก็รู้จักดีว่าคนที่สามารถเข้าพักอาศัยอยู่ด้านในได้ต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้น เขาจึงมุ่งหน้าเดินเข้าไปภายในตึกหรูนั้นทันที เมื่อเขาเข้าไปถามและโชว์รูปบุคคลที่เขากำลังตามหาแต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์กลับตอบปฏิเสธเขาจนเขาเห็นความผิดปกติจากท่าทางของฝ่ายประชาสัมพันธ์จึงทำให้เขาคิดว่าคนที่เขาตามหาต้องอยู่ด้านในเป็นแน่ เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้เขารีบต่อสายถึงทัชพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ทางฝ่ายชายหนุ่มจึงส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้บริเวณตึกแห่งนั้นเข้าไปภายในตึกทันทีกว่า 10 นาย ก่อนที่ทัช ทอสและเคจะรีบเดินทางมาที่ตึกแห่งนั้นตามที่คนของทัชแจ้งอย่างรวดเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD