หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวเตรียมตัวเข้านอน มีเพียงเพียงดาวที่ออกมานั่งเล่นที่ชิงช้าหน้าบ้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับภูดินที่นอนไม่หลับออกมาเดินเล่นพอดี ภูดินเห็นเพียงดาวนั่งอยู่คนเดียวจึงเดินเข้าไปคุยด้วย
“ทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะครับ”
เพียงดาวหันมองตามเสียงก็เห็นภูดินยืนอยู่ด้านหลังตน
“ดาวนอนไม่หลับเลยมานั่งดูดาวค่ะ”
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
“ดะ ได้ค่ะ”เพียงดาวตอบรับแบบตะกุกตะกักพร้อมกับขยับไปนั่งชิดม้านั่งอีกฝั่ง เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับชายหนุ่ม ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรพักใหญ่ก่อนที่ภูดินจะเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อนเพื่อทำลายความเงียบ
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ เดือนที่แล้วยังเห็นอยู่ที่โรงเรียนแสนรักอยู่เลย”
“โรงเรียนปิดเทอมแล้ว สวยชวนมาเที่ยวพอดีช่วงนี้ว่างอยู่ก็เลยมาค่ะ”
“เห็นครูใหญ่บอกว่าคุณดาวพึ่งลาออกจากงาน ตอนนี้ได้งานใหม่หรือยังครับ เอ่อ ขอโทษนะครับที่ถามถ้าไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะครับ”
เพียงดาวหันมองหน้าชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มและตอบกลับเขา
“ถามได้ค่ะ แต่ก่อนอื่นคุณภูเลิกเรียกดาวว่าคุณก่อน เรียกดาวเฉยๆก็พอค่ะ
“ดาวเองก็เรียกผมว่าคุณเหมือนกันนี่ครับ งั้นเรียกผมว่าพี่ภูก็ได้”
“ขอดาวเรียกคุณภูเหมือนเดิมดีกว่านะคะ คุณภูเป็นผู้ใหญ่กว่าดาวให้ดาวเรียกแบบนี้ดีแล้วค่ะ”
“ดาวจะหาว่าผมแก่หรอ”
“ดาวไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ ก็คุณภูดูเป็นผู้ใหญ่กว่าดาวนี่คะ”
“ผมพึ่งอายุสามสิบเองนะ หน้าผมดูแก่ขนาดนั้นเลยหรอ”
“แต่ดาวก็พึ่งยี่สิบหกเองนะคะ”
“ห่างกันแค่สี่ปีเอง เรียกพี่ก็ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรดาวอยากเรียกอะไรก็เรียก เรานีเหมือนเด็กดีนะครับทะเลาะกันเรื่องการเรียกชื่อของอีกฝั้ง”ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา
“เหมือนเด็กจริงๆด้วยค่ะ ดาวตอบคำถามคุณภูก่อนดีกว่า ดาวยังไม่ได้สมัครงานใหม่ค่ะ แต่ก่อนดาวทำงานอยู่แผนกบัญชีที่บริษัทแห่งนึงค่ะ ลาออกมาได้เกือบสองเดือนแล้ว อยากพักผ่อนด้วยเลยยังไม่ได้หางานใหม่ ตั้งแต่เรียนจบทำงานมาจนอายุยี่สิบหกดาวแทบไม่เคยลาพักผ่อนนานๆเลยนะคะ หยุดยาวครั้งแรกก็ลาออกเลย นี่ก็ว่าจะกลับไปหางานทำแล้วค่ะ เงินเก็บเริ่มจะหมดแล้ว กะว่าจะหางานทำใกล้ๆบ้านดูจะได้แวะไปเยี่ยมแม่ได้บ่อยๆ”เพียงดาวพูดพลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม ในใจก็นึกไปถึงสาเหตุที่ต้องลาออกจากงานเพราะหัวหน้าชอบมาเทียวไล้เทียวขื่อเธอทั้งที่ตัวเองมีภรรยาอยู่แล้ว เธอเพียงแค่ไม่อยากมีปัญหากับใครจึงตัดสินใจลาออกมาเริ่มต้นใหม่ ทั้งที่หน้าที่การงานกำลังไปได้ดี
“แล้วบ้านดาวอยู่ที่ไหนหรอครับ เอ่อ..ถ้าไม่สะดวกตอบไม่เป็นไรนะครับ”
“จริงๆอยู่ห่างจากภูดินฟาร์มของคุณภูไม่ถึงร้อยกิโลค่ะ บ้านเราอยู่ใกล้กันแค่นิ๊ดเดียว”เพียงดาวพูดหยอกล้อด้วยเสียงน่ารัก
“ดาวรู้จักผมด้วยหรอ”เขาถามเธอด้วยความสงสัย
“นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง คนดังประจำจังหวัดไม่มีใครไม่รู้จักหรอกค่ะ ดาวได้ยินชื่อคุณภูมานานแล้วเพียงแต่ไม่รู้จักหน้าตาเฉยๆค่ะ”
“ถ้าบ้านเราอยู่ห่างกันนิดเดียว งั้นต้องหาโอกาสไปเที่ยวบ้างแล้วล่ะ ว่าแต่เจ้าของบ้านจะยินดีต้อนรับมั้ยนะ”เขาถามหยั่งเชิงเธอ
“เกรงว่าคุณภูจะเบื่อเอานะคะ บ้านของดาวหลังเล็กนิดเดียว ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยค่ะ ดาวอยู่กับแม่แค่สองคนค่ะ พ่อเสียไปตั้งแต่ดาวเด็กๆ แม่มีร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเล็กๆที่บ้าน พอได้หาเงินส่งดาวเรียนและเลี้ยงดูเราสองคนแม่ลูกค่ะ”
“ไม่เบื่อแน่นอนครับ มีแต่.....น่าสนใจมากขึ้น” ภูดินพูดพร้อมกับหันหน้ามองเพียงดาวด้วยแววตาหวานซึ้ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพียงดาวหันหน้ามาหาเค้าพอดี ทำให้สายตาของทั้งคู่ประสานกัน จนต่างคนต่างทำตัวไม่ถูกรีบหันหน้าไปคนละทางด้วยความตกใจทำเอาทั้งคู่ใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนที่ภูดินจะตั้งสติได้จึงหันมาคุยกับเธอต่อพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ยังดีนะครับที่ดาวยังมีแม่อยู่ แต่ผมนี่สิพ่อแม่เสียไปด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่อายุสิบเก้า จากนั้นมาต้องอยู่ตัวคนเดียวจนถึงตอนนี้ยังดีที่มีคุณนมที่เป็นเหมือนพ่อแม่และคนในครอบครัวอยู่”
“ดาวเสียใจด้วยนะคะเรื่องคุณพ่อคุณแม่ แต่คุณภูเองก็เก่งมากที่สามารถดูแลกิจการแทนท่านได้เป็นอย่างดี ถึงเราจะพึ่งรู้จักกันแต่ดาวก็สัมผัสได้ค่ะว่าคุณภูเป็นคนที่เก่งมาก แถมยังเป็นที่รักของคนรอบข้างอีก”
“ดาวก็ชมเกินไปครับ แต่ก็ขอบคุณมากนะครับสำหรับกำลังใจ” ภูดินรู้สึกแปลกใจในตัวเองมาก ที่ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวให้ใครฟังเลย แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและสบายใจที่จะเล่าให้เพียงดาวหญิงสาวที่พึ่งรู้จักกันฟัง ส่วนเพียงดาวเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่นั่งคุยกับคนที่พึ่งรู้จักกันได้นานสองนานขนาดนี้แถมยังเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟังง่ายๆอีก