ตอนที่สาม

963 Words
ตำหนักเจ้าพ่อทัพ ตำหนักพ่อหมอทัพ บ้านดงชมพู กลิ่นธูปหอมลอยคละคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณลานบ้านเรือนไทย บรรยากาศรอบเรือนที่อยู่กลางสวนยางและสวนปาล์มดูคล้ายบ้านผีสิง แม้ตอนนี้จะเป็นยามเช้าตรู่ที่อากาศยังเย็นยะเยือก ทว่าก็ไม่มีใครเกรงกลัว เพราะรู้ว่าเรือนหลังนี้เป็นเรือนของพ่อหมอผู้โด่งดัง ผู้คนหลั่งไหลมาจากแดนไกลจอดรถตู้รอเข้าคิวที่หน้าตำหนักเกือบสิบคัน เมื่อประตูเรือนเปิดต้อนรับลูกศิษย์ลูกหา คนที่รออยู่ก็กรูกันเข้าไปต่อคิวหน้าบันไดทางขึ้นตำหนัก ไพลินเดินตามคนที่แต่งกายเหมือนนักท่องเที่ยวเข้าไปในตำหนักเป็นกลุ่มแรก ๆ "เอ๊ะ ทับทิม มาเข้าคิวบูชาของขลังกับเขาด้วยเหรอ" เสียงของ 'อมตะ' ชายหนุ่มวัยย่างยี่สิบแปดมือขวาเจ้าพ่อทัพที่ยืนแจกบัตรคิวอยู่หน้าประตูเอ่ยถาม "เปล่าจ้ะ นี่ไพลิน ฝาแฝดทับทิม" "อ้อ ฝาแฝดที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศน่ะเหรอ" สายตาที่มองมายังไพลินฉายแววสงสัย หญิงสาวหน้าตาเฉี่ยวเผลอทำตาขวางน้อย ๆ ข่าวลือเรื่องเราลอยมาถึงตำหนักแห่งนี้ด้วยสินะ แต่แล้วไงใครแคร์ ไพลินเมินมองไปยังด้านในตำหนัก "เชิญเข้าไปด้านในก่อน นั่งเรียงตามคิวนะ" อมตะพยักหน้าให้ นั่นแหละสิ่งที่ไพลินแคร์ แม้จะยังปวดหัวกับการเปลี่ยนเวลา แต่เธอก็ตื่นเช้ามาเพื่อสิ่งนี้ พอเดินเข้าไปตามคิวแล้วเห็นชาวบ้านสองคนนั่งอยู่หัวแถว ลูกศิษย์จากแดนไกลอีกห้าคนนั่งต่อจากชาวบ้าน หน้าเหวี่ยง ๆ จึงค่อยแย้มยิ้ม หญิงสาวไม่สนใจแผ่นหลังมันปลาบพ่อหมอที่นั่งสมาธิอยู่ตรงหน้าสักนิด ดวงตาเรียวรีมองสำรวจแท่นเซ่นไหว้ที่จัดเต็มกว่าที่เคยเห็นที่ไหน พานใบตองพับเป็นพญานาคงามวิจิตร บนหิ้งบูชาชั้นบนสุดเป็นพระพุทธรูป ล่างลงมาเป็นรูปปั้นพญานาคหลากหลายแบบ ด้านล่างเป็นลูกแก้วทรงกลมหลากสีสันส่องประกายแวววาวสะท้อนแสงเทียนดูมีชีวิตชีวา ถัดลงมามีพานพุ่มและพานของเซ่นไหว้จัดวางเป็นระเบียบ อีกพานหนึ่งเป็นของมงคลที่มีขวดน้ำมันพรายอยู่แปดขวดถ้วน นี่คือสิ่งที่ไพลินต้องการ ดวงตาเรียวกวาดไปอีกมุมหนึ่ง แล้วเจอ 'เปรม' ผู้ช่วยอีกคนของหมอทัพ รายนี้เป็นนายช่างเทคนิคที่เคยไปคุมระบบเสียงบนเวทีให้หมอลำคณะดังอยู่หลายปี ทับทิมเล่าว่าทัพ เปรม และอมตะ เป็นเด็กวัดที่พระอาจารย์ที่วัดป่าใกล้บ้านเธอเคยชุบเลี้ยง เมื่อหกเดือนที่แล้วท่านอาพาธ ทั้งสามคนได้ยินข่าวแล้วกลับมาดูอาการแล้วก็ตัดสินใจว่าจะปักหลักทำมาหากินที่นี่ด้วยกัน แรกเริ่มไม่มีใครรู้ว่าทัพ อดีตเด็กวัดวัยเบญจเพสผู้นี้มีวิชาอาคมอะไร แต่ตอนที่ผีเข้าเศรษฐีใหญ่ของหมู่บ้าน แม้แต่พระหรือหมอผีดัง ๆ ก็ไม่อาจช่วยเขาได้ พระอาจารย์บุญมีได้ขอให้ทัพยื่นมือเข้าช่วย ทัพขับไล่ผีร้ายออกไปจากเศรษฐีคนนั้นสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ตา หลังจากนั้นชาวบ้านก็เรียกเขาว่าเป็นเจ้าพ่อจอมขมังเวทย์ เมื่อเศรษฐีใหญ่สร้างเรือนไทยที่ทำจากไม้สักทองให้คนที่ช่วยตนเองเป็นการแก้บน ทัพกับเพื่อนเลยตั้งสำนักขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้คน พอปราบผีจนไม่เหลือเคสให้ทำพวกเขาหันมาทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง และรับสักยันต์เสริมเสน่ห์ด้านเมตตามหานิยมให้แก่ผู้คนแทน ไพลินสังเกตดูการเตรียมควบคุมระบบกล้องผ่านโน้ตบุ๊กที่มีโปรแกรมควบคุมเสียง รวมทั้งการตั้งโทรศัพท์มือถือเตรียมไลฟ์สดแล้ว ทางตำหนักน่าจะขยายการตลาดไปยังชาวโซเชียลด้วย หลายคนไม่ได้มาด้วยตนเองก็ยังได้ดูพิธีกรรมของเจ้าพ่อทัพผ่านทางหน้าจอ... เป็นหมอผียุคออนไลน์ มันก็ต้องปรับตัวสินะ หญิงสาวหันไปทางเจ้าพ่อทัพผู้ลึกลับที่ยังคงนั่งหันหน้าเข้าหาหิ้งพระแล้วนั่งสมาธิอย่างสงบเงียบ แผ่นหลังสีขาวที่มีลายอักขระโบราณเด่นชัดอยู่แถว ลาดไหล่และช่วงแขนทำให้หุ่นแสนเพอร์เฟกต์ของเขาดูดีขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เธอย้ายไปอยู่ประเทศอังกฤษกับป้าเลยไม่เคยรู้จักกับทัพและเพื่อนเป็นการส่วนตัว แต่ไพลินรู้จากน้องสาวฝาแฝดที่อยู่ที่นี่มาตลอดว่าทัพเป็นคนหน้าตาดีจนเป็นที่หมายปองของหลายคนแม้แต่เศรษฐีที่ทัพเคยช่วยชีวิตไว้ ยังอยากยกลูกสาวคนเดียวให้ทัพทดแทนบุญคุณเพียงแต่ทัพไม่รับน้ำใจ ไพลินยังไม่เคยเห็นหน้าพ่อหมอทัพ และไม่ได้มีความรู้สึกเสน่หาต่อเขาแม้แต่น้อย แต่ไพลินก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าหาพ่อหมอหนุ่มคนนี้ด้วยเหตุผลส่วนตัว ดวงตาสวยเฉี่ยวกวาดมองขวดน้ำมันพรายบนพานไหว้ครูอย่างหมายมาด หญิงสาวขอบคุณตัวเองที่ตื่นเช้ามาเพื่อเข้าคิวเป็นคิวอันดับต้น ๆ ชาวบ้านละแวกนี้มักจะมาถึงเป็นคิวท้าย ๆ หลายคนที่มาทีหลังมีทั้งคนแปลกหน้าและคนคุ้นตา และในที่สุดคนที่ไพลินรอก็มาถึง การะเกดและลูกสมุนอีกสองคน เดินเข้าตำหนักมาเป็นคิวสุดท้ายพอดี มุมปากของไพลินยกยิ้ม แววตาเปล่งประกายอย่างพึงพอใจเมื่อคิดว่า การะเกดได้อยู่ในคิวท้าย ๆ กว่ามันจะได้น้ำมันพรายของพ่อหมอทัพ ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD