เรื่องที่ต้องสะสาง กระตุ้นหัวใจของเธอให้เต้นเร็วขึ้น เขากำลังคิดจะทำอะไร
“หมายความว่าไง” เธอทำหน้าเหมือนปวดอึ ริมฝีปากสั่นพร่า “คุณคิดจะทำอะไร”
ชายหนุ่มปั้นหน้าเข้ม ขยับใบหน้าเข้าใกล้เธออีกนิด จนเธอได้กลิ่นลมหายใจผสมกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ จากเขา นั่นทำให้เธอขนลุกเข้าไปใหญ่
“อย่างแรกเลย เพราะคุณห้ามผมแตะต้องข้าวของในบ้านคุณ แต่บ้านคุณรกมาก เหมือนกองขยะ ถ้าคุณยังพอมีความเมตตาอยู่บ้าง ช่วยไปทำความสะอาดบ้านให้หน่อยสิ”
หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง มองหน้าเขาด้วยความชิงชัง เธออยากจะด่าเขาจริงๆ
“ถึงจะรก แต่ก็สบายกว่า...” นิ้วชี้เขาแตะที่ปลายคางเธอ เพื่อตักเตือน เธอหุบปากฉับ ขยับใบหน้าหนี เขาหัวเราะชอบใจ
“ถ้ายังไม่เคยเข้าไปนอนในนั้น ได้โปรดอย่าวิจารณ์”
“ก็ได้ ว่างแล้วจะไปทำให้ ตอนนี้ก็ทนๆ อยู่กับกองขยะไปก่อนก็แล้วกัน”
“อีกเรื่อง รถกระบะรุ่นสงครามโลกของคุณ ผมขอยึดสักพักนะ”
เจ้าหล่อนถึงกับหน้าเหวอ
“ว่าไงนะ”
“ฟังไม่ผิดหรอก จนกว่าผมจะซื้อรถ” เขาพูดพร้อมกับลุกยืน บิดเนื้อบิดตัวไล่ความขบเมื่อย “อากาศข้างนอกนี่มันดีจริงๆ สูดแล้วมันชุ่มปอดเป็นบ้า เอาล่ะ ลุกขึ้นเร็ว ผมอยากจะนั่งรถเล่น ดูความเปลี่ยนแปลงของเมืองนี้เสียหน่อย”
หญิงสาวไม่ได้ลุกเอง แต่เป็นชายหนุ่มที่ฉุดมือเธอ แล้วลากออกจากร้านไป ท่าทางของฟ้าอำไพจะเป็นใจมากกว่าขัดขืน มารตีกับมัสยามองตามไปด้วยความสนใจกึ่งประหลาดใจ
“เพื่อนเราถูกโจรฉุดไปแล้ว” สำหรับมารตีที่ทั้งสายตาสั้นและความจำสั้น จึงไม่แปลกเลยที่เธอจะจำหน้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้
“โจรคนนี้ มันหน้าคุ้นๆ” ส่วนมัสยา เธอประหลาดใจมากที่อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเคยพบกับผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่เธอก็จำไม่ได้ เธอคิดว่าหากเคยเจอกัน ก็คงจะนานมาแล้ว
ชายหนุ่มลากเธอมาจนถึงรถกระบะคันเก่าจนได้ ทันทีที่เขาปล่อยมือเธอ เขาก็เปลี่ยนเป็นแบมือ หญิงสาวลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันขับเองดีกว่า ตอนนี้ถนนหนทางมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว คุณขับเดี๋ยวจะหลงเสียเปล่าๆ ช่วงนี้น้ำมันยิ่งแพงๆ อยู่ด้วย”
เขาต้องดื้อแน่ แต่ไม่...
“ผมเชื่อคุณ”
พูดจบก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเรียบร้อย เธอได้แต่แปลกใจ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ได้เจอกัน เธอมั่นใจว่าเขาคือคนที่เชื่อถือตัวเองที่สุด เขาไม่รับฟังคำสั่งของใครแน่
“วันเวลาเปลี่ยน โลกเปลี่ยน แล้วนับประสาอะไรกับใจคน”
เขาพูดขึ้น ขณะรถเริ่มเคลื่อนขยับ หญิงสาวเหลือบมองเขาเล็กน้อย เพื่อดูสีหน้าของเขา จับอารมณ์ที่ซ่อนลึกภายใน แน่นอน เธอไม่ได้เก่งขนาดมองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลับไปมองเส้นทางเบื้องหน้า สำหรับคำพูดของเขา เธอเห็นด้วยนะ แต่เพราะทุกกฎเกณฑ์บนในโลกใบนี้ล้วนมีข้อยกเว้น...วันเวลาเปลี่ยน แต่หัวใจของใครบางคน ยังมั่นคงเช่นเดิม ซึ่งเธอรู้จักอยู่คนหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้น ใจของคุณก็คงจะเปลี่ยนแล้วเหมือนกันสิ”
สิ่งที่เธอพูด ทำให้เขายิ้มเหนื่อยๆ
“ผมไม่ได้หมายถึงตัวเอง”
“คุณไม่ใช่คนรึไง”
“นั่นสินะ” เหมือนเขาจะเห็นด้วยอย่างจริงจัง ถ้าสีหน้าท่าทางไม่ขัดหูขัดตาขนาดนี้ “ถ้าอย่างนั้น ผมขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน”
“เป็นเพราะใจคุณยังไม่เปลี่ยนใช่ไหมคะ”
เขาเงียบไป ระลึกถึงเรื่องราวของตนเองตอนที่อยู่ในคุกถึงสิบปีเต็ม สำหรับเขาแล้ว เขามั่นใจว่านึกถึงคู่หมั้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ แม้เธอจะไม่ได้ทำหน้าที่ปลุกปลอบใจเขาอย่างต่อเนื่องก็ตาม เขาฉลาดพอจะรู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากรอนักโทษในคุก ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานกับคนที่เคยก่อคดีร้ายแรง
คู่หมั้นแสนสวย...ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยไปเยี่ยมเขาเลย หลังจากหนึ่งปีผ่านพ้นไป เธอได้แต่ส่งจดหมายอวยพรขนาดกะทัดรัดเฉพาะในวันสำคัญ เขาก็ไม่ควรจะโกรธเธอใช่หรือไม่ มันไม่ใช่ความผิดของเธอนี่นา
“ผมอยากจะไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นหลานของพ่อคุณ เธอชื่อแก้วกัลยา ช่วยพาไปหน่อย”
สิ่งที่เขาขอ ทำให้เธอเครียด