แต่ทางตระกูลจ้าวไม่ลืมเรื่องนี้อย่างง่ายๆ จ้าวกงหยวนส่งจดหมายด่วนไปที่ชายแดนเหนือ เพื่อให้ซูเซวียนกลับมาจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเขาไม่อยากให้บุตรสาวต้องเสียเวลา
ต่อไปหาบุรุษที่ไม่สนใจเรื่องหย่าของนาง ให้นางแต่งออกไปก็นับว่าไม่สาย แต่หากต้องรอซูเซวียนอีกหลายปี เห็นที่บุตรีคงได้แห้งเหี่ยวอยู่ในจวนตระกูลซู
สองวันต่อมาพ่อบ้านซูก็มาแจ้งซุนเหยาเรื่องร้านค้าที่นางให้ไปหาให้
“ฮูหยิน ท่านจะไปดูด้วยตนเองหรือไม่ขอรับ”
“ไปเจ้าค่ะ” นางรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เสี่ยวกุ้ย หากเจ้านำเรื่องนี้ไปแจ้งท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปอยู่ที่จวนตระกูลจ้าวเสีย” ซุนเหยาเอ่ยเตือนสาวใช้ข้างกายที่ตามมาจากบ้านเดิม
เพราะเรื่องของนางทั้งหมดที่บิดามารดาล่วงรู้ก็คงเป็นเพราะสาวใช้ของนางปากมากเป็นแน่
เสี่ยวกุ้ยเมื่อเห็นแววตาที่ดุดันของเสี่ยวกุ้ยนางก็รีบก้มหน้ารับปากทันที นางไม่เคยเห็นคุณหนูของนางแข็งกร้าวเช่นนี้มาก่อน
“บ่าวไม่พูดแล้วเจ้าค่ะ”
“ดีมาก” ซุนเหยาเห็นว่าเสี่ยวกุ้ยเชื่อฟังคำพูดนางแล้ว ก็ลูบหัวนางอย่างเอ็นดู
ก่อนที่จะพากันออกจากจวนตระกูลซูไปที่ตลาด เพื่อดูร้านค้า ร้านที่พ่อบ้านซูหาให้นางมีอยู่สองแห่ง นางชอบร้านที่มีสามห้องติดกัน อยู่ใกล้ที่ว่าการ ศาลต้าฉี นางจึงเลือกร้านแห่งนั้น
และยังให้พ่อบ้านซูพานางไปเลือกซื้อทาสด้วยตนเอง ซุนเหยาเมื่อเห็นโรงค้าทาสใบหน้าของนางก็หมองลง
ยิ่งเห็นมนุษย์ด้วยกันแต่ถูกกระทำต่างกัน หากคนจากยุคของนางได้มาเห็นย่อมต้องมีความรู้สึกเช่นเดียวกับนางอย่างแน่นอน
ซุนเหยานางเลือกแม่ครัวพ่อครัวมาสามคน และคนงานที่จะทำหน้าที่เก็บกวาด ยกอาหารอีกสิบห้าคน
ร้านที่นางซื้อไว้ ด้านหลังมีเรือนสำหรับให้คนงานได้พัก นางจึงไม่กังวลเรื่องที่อยู่ของพวกเขา ในตอนนี้นางเพียงแค่สอนงานพวกเขาเท่านั้น
ร้านที่ซื้อมาเมื่อก่อนเคยทำเหลาอาหารมาก่อน ตกแต่งเพียงเล็กน้อยก็พร้อมเปิดได้แล้ว ก่อนที่จะพาทาสที่ซื้อมาไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องนอนใหม่ทั้งหมดแล้วพาไปส่งที่ร้าน
“พวกเจ้าพักผ่อนกันเสียก่อน อีกสองวันข้าจะมาพบอีกครั้ง”
ซุนเหยานางต้องไปคิดก่อนว่านางจะขายอาหารอะไร จึงได้แต่ปล่อยให้พวกเขาพักผ่อนไปก่อน นางยกตำแหน่งหลงจู๊ให้ อาหมานบุรุษวัยกลางคนที่อ่านออกเขียนได้ ทั้งยังคำนวณได้นิดหน่อย เป็นหลงจู๊
หลีซื่อนางก็ไม่คิดจะเอ่ยห้ามซุนเหยา เพราะถือว่าชดเชยให้นางเรื่องที่บุตรชายนางได้กระทำไว้
ซุนเหยานางเก็บตัวอยู่ในห้องเพียงลำพัง เพื่อใช้ความคิดเขียนรายการอาหารขึ้นมา นางกุมขมับอย่างเคร่งเครียด เพราะลืมนึกเรื่องวัตถุดิบ ทั้งยังเครื่องปรุงว่ายุคนี้กับยุคของนางมันต่างกันมากนัก
“แล้วจะหาเครื่องจากที่ไหน” นางเอ่ยพึมพำเบาๆ พร้อมทั้งลูบกำไลหยกที่ข้อมืออย่างใช้ความคิด
แสงสว่างปรากฏขึ้นรอบกำไลของซุนเหยา นางอ้าปากค้างมองอย่างตกตะลึง นางไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางอีก
มือของนางยังจับอยู่ที่กำไล ภาพโกดัง พร้อมทั้งของในวันที่นางไปตรวจสอบสินค้า ปรากฏขึ้นในหัวของนางอย่างชัดเจน
“พระเจ้า” ซุนเหยาอุทานออกมา
หากเป็นอย่างที่นางคิด กำไลที่นางสวมอยู่คงเป็นช่องเก็บของเช่นที่นางเคยอ่านในนิยายอย่างแน่นอน
ซุนเหยานางจึงลองเรียกของออกมา เพื่อตรวจดูว่าเป็นอย่างที่นางคิดหรือไม่
“น้ำตาลทราย เฮ้ยยย” ซุนเหยาร้องออกมาเสียงดัง เสี่ยวกุ้ยที่อยู่ด้านนอกจึงได้เข้ามาดู ยังดีที่ซุนเหยานางเก็บเข้าไปก่อนที่เสี่ยวกุ้ยจะเข้ามาเห็น
“ฮูหยินเป็นอันใดเจ้าคะ” นางเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอันใด เจ้าทำสิ่งใดอยู่ก็ไปทำเถิด” ซุนเหยาโบกมือไล่เสี่ยวกุ้ยให้ออกไป
เมื่อเห็นเสี่ยวกุ้ยออกไปแล้ว ซุนเหมยนางก็เริ่มจะลองเรียกของออกมาอีกครั้ง เมื่อลองสัมผัสที่กำไลข้อมือ นางก็จะเห็นข้าวของที่อยู่ด้านใน
ไม่ว่านางจะเอาสิ่งใดออกมา ด้านในชั้นวางของที่นางเห็นก็จะมีอยู่เท่าเดิมไม่ลดลง ซุนเหยานางจึงเข้าไปในห้องเก็บสินเดิมของนาง และลองนำของเก็บเข้าช่องในกำไล ของตรงหน้าก็หายไปและปรากฏอยู่ด้านในแทน เมื่อนำออกมาด้านนอกของด้านในกำไลก็หายไป
นางจึงได้รู้ว่าหากเป็นของที่นางนำเข้าไปใหม่ ย่อมไม่อาจเพิ่มจำนวนได้ ซุนเหยานางนำของเก็บไว้อย่างเดิมยังไม่เก็บเข้าไปด้านใน และออกไปจัดการเรื่องรายการอาหารอย่างสบายใจ
เมื่อครบสองวันตามที่บอกกล่าวกับทุกคนที่ร้านแล้ว ซุนเหยานางก็เดินทางไปที่ร้านของนาง ส่วนด้านหน้ายังไม่เรียบร้อย แต่ก็มีคนงานคอยดูแลอยู่
ซุนเหยาถูกพาไปที่ด้านหลังร้าน นางเห็นทาสที่ซื้อมาทั้งหมดยืนรอพร้อมหน้ากันแล้ว ก็เริ่มให้ทุกคนแนะนำตัว
“ฮูหยิน รบกวนท่านตั้งนามให้พวกข้าน้อยขอรับ”
“เอ่อ หลงจู๊หมานท่านให้ทุกคนด้วย อ้อ แล้วต่อไปเรียกข้าว่านายหญิงไม่ต้องเรียกว่าฮูหยิน”
ซุนหยานนางเดินไปนั่งรอ เพื่อให้พวกเขาได้คิดชื่อกันเอง เมื่อเรียบร้อยแล้ว นางก็พาป้าจิน ลุงตง ลุงจาง ไปที่ครัว เพื่อให้พวกเขาได้ลองอาหารออกมาให้นางได้ลองชิม
ทั้งสามคน ซุนหยานนางให้พวกเขาเลือกผู้ช่วยเพื่อหยิบจับสิ่งของไปคนละหนึ่งคน เพียงหนึ่งเค่อทั้งสามก็ยกอาหารมาวางตรงหน้านาง
ซุนเหยาอดยอมรับไม่ได้ว่า อาหารที่พวกเขาทำออกมา แม้ไม่มีเครื่องปรุงของนางก็นับยังดีกว่าที่จวนตระกูลจ้าวกับตระกูลซูเสียอีก
ซุนเหยาพยักหน้าให้เสี่ยวกุ้ย เพื่อให้นางพาคนไปนำเครื่องปรุงที่ซุนเหยานางเตรียมมาจากรถม้าขนลงมาไว้ในครัว
“ข้าเขียนชื่อติดไว้ที่ไหแล้ว พวกท่านต้องจำให้ขึ้นใจ ว่าเครื่องปรุงแต่ละอย่างคืออันใด”
ทั้งหกคนที่อยู่ภายในครัวต่างจ้องมองไหหลายสิบใบตรงหน้าอย่างตกตะลึง เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเครื่องปรุงที่มีมากมายเพียงนี้
“พวกท่านจะได้เครื่องปรุงคนละหนึ่งชุด ไม่ต้องใช้ร่วมกัน” ซุนเหยานางให้พวกเขาแบ่งพื้นที่ด้านในด้วยตนเอง ทั้งสามล้วนแต่ถนัดคนละอย่าง เรื่องนี้จึงนับว่าไม่ยากนัก