ทั้งหมดในห้องโถงยังไม่ได้รับรู้ของผู้มาเยือนที่ยืนมองอยู่ที่หน้าประตูจวน เพราะมัวแต่เถียงกันเรื่องเงิน มีเพียงพ่อบ้านซูที่ยืนมองอย่างร้อนรน
“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าไม่เล่นด้วยแล้วค่ะ” ซุนเหยายื่นปากอย่างไม่พอใจ
“ได้ ได้ แม่ยอมแล้ว เอาไป” หลีซื่อได้ยินว่าซุนเหยานางจะไม่ยอมเล่นด้วยอีกก็รีบยัดถุงเงินใส่มือของนางอย่างไว
ซูเซวียนใบหน้าเขียวคล้ำ เมื่อเขามาถึงแล้วคนด้านในยังไม่สนใจเขา หงอี้อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง นางคิดว่าฮูหยินที่ท่านแม่ทัพซูอยากจะหย่าคงมีใบหน้าอัปลักษณ์ ทั้งยังนิสัยร้ายกาจ
แต่ที่นางเห็น หากบอกว่าซุนเหยานางอัปลักษณ์เช่นนั้นก็ไม่มีสตรีใดที่งดงามอีกแล้ว ทั้งยังไพ่บนโต๊ะที่แปลกตา หงอี้นึกอย่างจะกระโดดเข้าไปร่วมวงด้วยใจแทบขาด
“ท่านแม่ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”
สิ้นเสียงของซูเซวียนทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วหันมามองทางเขา หลีซื่อใบหน้าซีดขาว เมื่อเห็นว่าบุตรชายพาสตรีกลับมาด้วย
ซุนเหยาเห็นเช่นนั้นก็ดึงสายตากลับ ทั้งนางยังเก็บเงินที่ได้มาลงหีบของนางอย่างไม่ใส่ใจ เพราะรู้ว่าเมื่อเขากลับมา ต่อให้มาเพียงลำพังก็คงต้องมาด้วยเรื่องหย่ากับนางเป็นแน่
“นางเป็นผู้ใดกัน” หลีซื่อชี้นิ้วที่สั่นเทาเอ่ยถามอย่างมีโทสะ
“นางคือ ฟู่หงอี้ ข้าจะรับนางเป็นฮูหยินขอรับ” หลีซื่อเป็นลมล้มพับไปที่เก้าอี้ เมื่อได้ยินสิ่งที่บุตรชายพูด
“ท่านแม่ ไปตามหมอเร็วเข้า” ซุนเหยาวางหีบเงินของนางลง แล้วรีบเข้าไปประคองหลีซื่อ
ซูเซวียนถอนหายใจออกมา เขารู้แล้วว่าเรื่องคงออกมาเป็นเช่นนี้ แต่ก็อดที่จะสงสารมารดาไม่ได้
ตลอดเวลาที่หลีชื่อหมดสติ ซุนเหยานางดูแลอยู่ไม่ห่าง โดยไม่ได้สนใจผู้มาเยือนใหม่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้องโถงด้วย
ซูเซวียนมองซุนเหยานางอยู่ตลอดเวลา เขาเม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิด ยิ่งหงุดหงิด เมื่อนางไม่แม้แต่จะอาละวาดที่เห็นเขาพาหงอี้กลับมา
หากนางอาละวาดเสียหน่อยคงเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดเรื่องหย่าขาดกับนาง
“อาเหยา”
“ท่านแม่ดื่มน้ำเสียก่อนเจ้าค่ะ” ซุนเหยานางประคองหลีซื่อให้ลุกขึ้นดื่มน้ำ
ซุนเหยาตบไปที่หลังมือของหลีซื่อและยิ้มออกมาให้นาง หลีซื่อจับมือของซุนเหยานางไว้แน่น เพราะกลัวว่านางจะหนีออกไปจากห้องโถง
“เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่”
“ขอรับ”
“แม่จะยอมรับนางเป็นอนุ แต่เจ้าต้องมีบุตรกับอาเหยาให้แม่ก่อน”
ซุนเหยารีบดึงมือนางออกจากมือของหลีซื่อทันที แต่ก่อนที่นางจะอ้าปากโต้แย้งเสียงเย็นชาของซูเซวียนก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ท่านแม่ ข้ากลับมาครั้งนี้เพื่อหย่ากับนาง”
ซุนเหยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ยิ่งทำให้ซูเซียนที่คิดจะหย่ากับนางในตอนแรกเกิดเปลี่ยนใจ
“แต่ ข้ามาคิดดูแล้ว ท่านเข้ากับนางได้เป็นอย่างดี เช่นนั้นข้าจะลองกลับไปคิดดูอีกครั้งขอรับ”
ซุนเหยาหันไปมองซูเซวียนอย่างไม่เชื่อหูตนเอง เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้มองสำรวจกันอย่างเปิดเผย
นางเม้มปากแน่นอย่างไม่ยินยอม เห็นนางเป็นอันใด นึกอยากจะแต่งก็แต่ง จะหย่าก็เพียงแค่ทิ้งจดหมายหย่าไว้ พอกลับมาพูดเรื่องหย่าให้เรียบร้อย จะมาเข้าหอกับนางอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วยเจ้าค่ะ ข้าต้องการหย่า” ซุนเหยาพูดออกมาเสียงดังอย่างไม่ยินยอม
หงอี้เงยหน้าขึ้นมองนางอย่างชื่นชม สตรีที่ใจกล้าเช่นนางที่อยู่แต่ในสนามรบ มิเคยพบเห็นสตรีเช่นซุนเหยามาก่อน
“ในเมื่อท่านหาฮูหยินคนใหม่ของจวนตระกูลซูมาแล้ว เรื่องที่สมควรจัดการตั้งแต่ต้น ก็ควรจะจัดการให้เรียบร้อย”
หงอี้อ้าปากอยากจะโต้แย้งแต่ถูกเท้าของซูเซวียนเหยียบเท้าของนางไว้ก่อน
“หึ ฮูหยินของข้าช่างใจแคบเสียจริง หากเรื่องที่เจ้ามิยินยอมให้ข้ารับฮูหยินรองเข้าจวนหลุดรอดออกไป ตระกูลจ้าวของเจ้าคงได้อับอายเป็นแน่ ที่เลี้ยงดูบุตรีออกมาเช่นนี้”
“อาเซวียน” หลีซื่อร้องออกมาเสียงดัง วาจาของบุตรชายตัวดี แทบทำให้นางกระอักเลือดวันละหลายๆ รอบ
“เรื่องนี้คงไม่รบกวนให้ท่านแม่ทัพช่วยคิดอ่าน ต่อให้ชื่อเสียงของข้าหรือตระกูลจ้าวมัวหมอง ก็ไม่เกี่ยวอันใดกับตระกูลซูของท่านกระมัง” มีหรือที่สตรีจากยุคปัจจุบันต้องกลัวฝีปากของยุคโบราณ
“ดียิ่ง เช่นนั้น”
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะปะทะฝีปากกันอีกรอบ หลีซื่อนางก็กระอักเลือดออกมาจริงๆ ซุนเหยาใบหน้าซีดขาวด้วยความตกใจ
“ท่านแม่/ท่านแม่” ทั้งซุนเหยาและซูเซวียนต่างเข้าไปประคองหลีซื่อไว้
วันนั้นทั้งวัน หมอเข้าออกจวนตระกูลซูอยู่หลายรอง เพื่อดูอาการของหลีซื่อ
ซุนเหยานางเม้มปากแน่น สายตาจับจ้องอยู่ที่เตียงของหลีซื่ออย่างกังวล ซูเซวียนก็ไม่ต่างกัน มีเพียงหงอี้ที่ยืนทำตัวไม่ถูก
เพราะสายตาของแม่นม พ่อบ้าน และสาวใช้ต่างมองมาที่นางอย่างตำหนิ
“เจ้าจะไปที่ใด”
ซูเซวียนเอ่ยถาม เมื่อเห็นซุนเหยานางลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องของหลีซื่อ
“ข้าทำอันใด ต้องรายงานท่านทุกเรื่องด้วยหรือ” นางเลิกคิ้วถามอย่างยียวน ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนว่าซูเซวียนจะมองนางอย่างดุดันเช่นไร
หงอี้ได้แต่ลอบยิ้มในใจ นางก็เพิ่งจะเคยพบคนที่ทำให้ท่านแม่ทัพมีอาการเช่นนี้ได้
“เสี่ยวกุ้ยเจ้าไปที่เหลาอาหาร ให้นำพระกระโดดกำแพง เม็ดบัวผัดซอส ผัดรากบัวผักรวม และปลานึ่งซีอิ๊วมา”
เสี่ยวกุ้ยรีบรับคำแล้วออกไปจัดการทันที ซุนเหยานางจึงไปที่ห้องครัว เพื่อเตรียมน้ำแกงโสมให้หลีซื่อด้วยตนเอง
เมื่อหลีซื่อฟื้นขึ้นมาไม่เห็นซุนเหยาอยู่ภายในห้อง นางก็โวยวายเสียงดังจนแม่นมต้องออกมาตามซุนเหยานางให้กลับไปในห้องอีกครั้ง
“ท่านแม่นม เนื้อตัวของข้ามีแต่กลิ่นอาหาร บอกท่านแม่ให้รอข้าสักครู่เถิด”
“เจ้าค่ะฮูหยิน” แม่นมรีบกลับไปแจ้งที่หลีซื่อทันที
ภายในห้องของหลีซื่อนางร่ำไห้อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมา
“เจ้าจะกลับมาด้วยเหตุใด ทำไมไม่อยู่ชายแดนต่อไป” หลีซื่อทุบไปที่ตัวของบุตรชาย
“ท่านแม่ ท่านอย่าทุบตีข้าอีกเลยขอรับ ข้าไม่เจ็บเป็นท่านที่จะเจ็บมือ” ซูเซวียนกุมมือของมารดาไว้อย่างเอาใจ